บทเรียนของการ ‘ลาจาก’

ธงทอง จันทรางศุ

เมื่อท่านถือมติชนสุดสัปดาห์เล่มนี้อยู่ในมือเพื่อพลิกอ่าน “หลังลับแลมีอรุณรุ่ง” คราวนี้ ปีใหม่เถลิงศกพุทธศักราช 2568 ก็ได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว

ผมรับสภาพกับตัวเองว่า เทศกาลปีใหม่คราวนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวและปรับใจของผม

เนื่องจากสองสัปดาห์ก่อนสิ้นปี น้องชายของผม ร่วมชีวิตกับผมมาโดยตลอด และเป็นน้องชายคนเดียวที่มีอยู่ ขณะที่ผมก็เป็นพี่ชายคนเดียวของเขา

ระหว่างที่เราสองคนพี่น้องนั่งกินข้าวเช้าอยู่ด้วยกัน เขาก็พูดว่า “เป็นลม” แล้วก็แน่นิ่งไป

ถึงแม้จะมีการปฐมพยาบาลและการแพทย์ที่ดีที่สุดเพียงไรก็ตาม ผมก็ต้องยอมรับความจริงว่า ความตายได้จู่โจมเข้ามาถึงชีวิตของน้องชายผมในนาทีนั้นแล้ว และไม่มีใครจะทำอะไรเพื่อยื้อชีวิตเขาได้อีกต่อไป

เมื่อแสวงหาข้อมูลต่อไป อีกหนึ่งวันต่อมาผมจึงทราบว่า น้องชายของผมไม่ได้เป็นลมหรือหัวใจวายเสียชีวิต หากแต่อาการทั้งหมดที่เกิดขึ้น เรียกเป็นภาษาการแพทย์ว่า “เส้นเลือดแดงใหญ่ที่ช่องอกแยกชั้นปริฉีก”

ชื่อโรคหรืออาการนี้เป็นคราวแรกที่ผมได้ยิน และจะจำได้ไปตลอดชีวิต

 

เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างนี้ ทำให้ชีวิตของผมในช่วงก่อนปีใหม่ปีนี้เกิดบทเรียนหลายข้อขึ้นเลยทีเดียว

ข้อแรก พูดเป็นธรรมะธัมโมหน่อยต้องบอกว่า ผมได้ประจักษ์แล้วว่าบทสวดพระอภิธรรมที่แปลเป็นภาษาไทยและเคยได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ ที่พระท่านบอกว่า ความตายซุ่มตัวอยู่อย่างเงียบๆ

และชีวิตของทุกคนล้วนก้าวเดินเข้าหาความตายทีละน้อย เป็นความจริงอย่างที่สุด

อันที่จริงแล้วผมก็ไม่เคยปฏิเสธความจริงข้อนี้ ในชีวิตก็เคยผ่านพบความตายของผู้อื่นมาหลายหลายแล้ว แต่ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดก็ว่าได้ เป็นการจากไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ เจ็บอยู่นานปีบ้าง เจ็บอยู่น้อยปีบ้าง

แต่ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่ลงท้ายด้วยความตายนั้น เปิดโอกาสให้ผู้เป็นญาติสนิทหรือครอบครัวค่อยทำใจไปทีละเล็กทีละน้อย

เมื่อเกิดเหตุท้ายที่สุดของเรื่องขึ้นจริง จึงไม่ฉุกละหุกและไม่หักหาญความรู้สึกเท่าไรนัก

ช่วงเวลานี้ทีเดียวที่กำลังมีซีรีส์ชุดหนึ่งแพร่ภาพอยู่ในโทรทัศน์ เป็นซีรีส์ที่ผมถูกใจและติดงอมแงมเลยทีเดียว เรื่องที่ว่านี้คือเรื่อง “การุณยฆาต” ซึ่งนำเสนอประเด็นเรื่องผู้ป่วยเรื้อรังที่อย่างไรเสียก็ไม่รอดชีวิตแน่ แต่ต้องอยู่ทนทุกข์ทรมานยืดยาวต่อไป

วงการแพทย์ของเราควรจะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องเช่นนี้

การทำการุณยฆาตหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Mercy Killing เป็นสิ่งที่ยอมรับได้เพียงใด

และถึงเวลาแล้วหรือยังที่นักกฎหมายอย่างผมก็ต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย

เรื่องนี้นอกจากเป็นประเด็นทางการแพทย์และทางกฎหมายแล้ว ประเด็นเรื่องผู้ป่วยเรื้อรังกับการทำการุณยฆาตนี้ยังเป็นประเด็นในทางศีลธรรม

หรืออาจจะเรียกแบบกว้างขวางว่าความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนด้วย

ซีรีส์เรื่องดังกล่าวนอกจากนำเสนอความบันเทิงตามหน้าที่โดยตรงแล้ว ยังนำเสนอประเด็นให้สังคมไทยได้ฉุกคิดในเรื่องนี้

ส่วนอนาคตข้างหน้าเราจะตัดสินใจร่วมกันอย่างไร ผมคิดว่าคงต้องใช้เวลาพอสมควร

วันหนึ่งข้างเราคงต้องย้อนกลับคุยกันเรื่องนี้อีกสักครั้งนะครับ

 

กลับมาตรงจุดที่เราพูดค้างกันอยู่ว่า ความตายที่จู่เข้ามาจนถึงโต๊ะกินข้าวในบ้านของผมเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ไม่มีประเด็นใดให้ต้องขบคิดเลยเกี่ยวกับเรื่องการรักษาพยาบาลหรือการทำการุณยฆาต เพราะทุกอย่างจบลงต่อหน้าต่อตาผม ผู้ร้องโหวกเหวกให้คนทั้งหลายที่อยู่ในบ้านมาช่วยกันดูแลแก้ไขน้องชายของผม

แต่ลงเอยก็ไม่มีใครทำอะไรได้มากไปกว่าการทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ผมต้องใส่ใจไว้ให้มาก และเตือนตนว่า ความตายนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าจะมาถึงตัวเราเข้าเมื่อไร ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องใช้ชีวิตและลมหายใจนั้นให้ดีที่สุด

อันที่จริงเมื่อสัก 30 กว่าปีมาแล้ว ผมเคยมีชีวิตใกล้ความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บครับ เป็นความตายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครห้ามปรามได้

เรื่องมีอยู่ว่า คราวนั้น ผมตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ไปทรงปฏิบัติพระกรณียกิจที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

การเดินทางทั้งไปและกลับจากที่ประทับกับที่หมายซึ่งอยู่กลางป่าใช้เฮลิคอปเตอร์เป็นยานพาหนะ

เมื่อจบภารกิจแล้วในระหว่างการเดินทางขากลับ เฮลิคอปเตอร์ลำที่ผมนั่งบินฝ่าเข้าไปในกลุ่มฝน ซึ่งถึงแม้ฝนจะไม่หนาเม็ดเท่าไหร่ แต่กระแสลมแรงมาก เวลาลมกระโชกแต่ละครั้ง ผมรู้สึกได้ทีเดียวว่า เฮลิคอปเตอร์เซเข้าไปใกล้กับภูเขามากขึ้นเรื่อยๆ

จากที่เห็นภูเขามีต้นไม้ขึ้นแน่นขนัดอยู่ไกลจากสายตา ภูเขาลูกที่ว่าก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

และผมนึกในใจว่าถ้าลมตีกระโชกอีกสักครั้งหรือสองครั้ง เฮลิคอปเตอร์ลำน้อยนิดที่ผมนั่งอยู่คงวิ่งเข้าไปชนภูเขาโดยไม่ยากเลย

ในเสี้ยววินาทีนั้นใจผมบอกกับตัวเองว่า ถ้าความตายมาถึงตัวแบบนี้ เรื่องก็แสนจะง่ายดาย ผมไม่อาจต่อสู้หรือดิ้นรนอะไรได้เลย

แต่แล้วด้วยความสามารถของนักบิน เฮลิคอปเตอร์ของเราก็รีบร่อนลงจอดกลางพื้นที่ว่างที่มีอยู่น้อยนิดระหว่างหุบเขาได้เป็นผลสำเร็จ เพื่อรอให้ดินฟ้าอากาศกลับเป็นปกติจะได้เดินทางกลับกองบิน และได้มาเขียนหนังสือให้ทุกท่านอ่านอยู่อย่างนี้

 

นอกจากความตระหนักรู้ว่าความตายใกล้ตัวกว่าที่เราเคยคิดแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผมคราวนี้ ทำให้ผมได้รับบทเรียนอีกอย่างหนึ่ง

ประสบการณ์ข้อสองคืออะไรหรือครับ

ไม่ใช่อะไรอื่นเลยนอกจากการเตรียมตัวก่อนตาย แน่นอนการเตรียมตัวที่สำคัญที่สุด คือการทำบุญทำกุศลทำประโยชน์ ทั้งประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน

เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเมื่อเราละโลกนี้ไปแล้ว เราจะมีเสบียงติดตัวไว้สำหรับเดินทางไปใช้ชีวิตในวันข้างหน้า

นี่ผมก็พูดอย่างคนที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเชื่อในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด

ส่วนท่านที่ไม่เชื่อในความคิดเรื่องนี้ ก็ไม่ว่ากันอยู่แล้วครับ แต่อย่างน้อยการเตรียมตัวก่อนตายคือ การใช้ชีวิตให้ดีที่สุดในมุมบวก

อย่าให้ใครเขาออกปากว่า “ตายเสียดายก็ดี”

ส่วนจะบวกมาก บวกน้อย หรือจะบวกตรงไหนเรื่องอะไรบ้าง มนุษย์แต่ละคนมีสิทธิเต็มที่ที่จะคิดเองและทำเอง เรื่องอย่างนี้ไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว

การเตรียมตัวอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเพิ่งประจักษ์ว่ามีความสำคัญ และจะเป็นการเอื้อเฟื้อสำหรับผู้อยู่ภายหลัง คือ เอกสารรวมตลอดถึงข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดูแลเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกับความตาย คนเราทุกคนควรจะเตรียมไว้ให้เป็นที่เป็นทาง และมอบหมายให้คนที่ไว้วางใจได้รู้เห็นไว้บ้าง

ผมพูดอย่างนี้ขึ้นมาอาจจะมีผู้นึกถึงอยู่ในใจว่า คนตายแล้วจะไปเดือดร้อนอะไร

จริงเลยครับ คนตายไปแล้วไม่เดือดร้อน จะเดือดร้อนแต่คนที่ยังอยู่นี่แหละ

ไม่ต้องดูอื่นไกล ในวันเวลาที่เกิดเหตุกับน้องชายผม เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่บ้าน ไม่ใช่การเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เราจึงต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจดูที่เกิดเหตุ

และผมก็เพิ่งรู้ว่ามีประเด็นสำคัญอยู่ว่า น้องชายของผมได้ทำประกันชีวิตไว้หรือไม่

ถ้าไม่ได้ทำประกันชีวิตไว้ และครอบครัวลูกหลานไม่มีใครติดใจ การบำเพ็ญกุศลศพก็เริ่มทำได้เลย

แต่ถ้าผู้ตายทำประกันชีวิตไว้ แม้ลูกหลานไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรก็ตาม แต่ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตของบางบริษัท กำหนดว่าต้องมีการชันสูตรสาเหตุความตายให้ถูกต้องครบถ้วนเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย

ประเด็นเช่นนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ยกขึ้นแถลงและเป็นความรู้สำคัญของผมในเช้าวันนั้น

ได้ฟังคำถามอย่างนั้นผมก็งงเหมือนถูกจับตัวหมุนแปดรอบ เพราะนึกอะไรไม่ออกเลยในนาทีนั้น ยังดีที่มีสมาชิกในครอบครัวนึกออกว่าน้องชายของผมทำประกันไว้ และวิ่งไปหยิบกรมธรรม์มาเปิดอ่าน อ่านแล้วก็ได้ความอย่างที่คุณตำรวจแนะนำทุกประการ

เมื่อเป็นอย่างนี้การบำเพ็ญกุศลจึงยังเริ่มต้นไม่ได้ ต้องรอให้ขั้นตอนนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยเสียก่อน

พิธีรดน้ำศพจึงต้องทำในวันรุ่งขึ้นด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้

 

ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ผมและครอบครัวของเราต้องแสวงหาหรือเก็บงานค้นคว้าจากที่กระจัดกระจายอยู่ให้เข้ามาอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและอ้างอิงต่อไป ไม่เป็นไรครับ บ้านเรามีสมาชิกจำนวนน้อยและรักใคร่กลมเกลียวกันอยู่แล้ว ค่อยๆ ว่ากันไปก็แล้วกัน

แต่สำหรับผู้วายชนม์ที่มีสมบัติมาก มีเรื่องมาก คนที่อยู่ข้างหลังก็รักกันบ้าง ไม่รักกันบ้าง การเตรียมข้อมูลสำหรับเหตุการณ์หลังความตายเป็นเรื่องน่าคิดอยู่ไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำพินัยกรรมให้ชัดเจน หรือการระบุแหล่งข้อมูลที่ชัดเจนว่าสมบัติอะไรอยู่ที่ไหน สมุดธนาคารมีกี่เล่ม เก็บไว้ที่ไหน ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะได้ไม่ต้องงมเข็มในมหาสมุทร

เลขรหัสประจำตู้เซฟที่ไม่ยอมบอกใครมาตลอดชีวิต จะทำอย่างไรกันดีเล่า

ถึงเวลาที่ไม่มีลมหายใจ ใครไปเคาะโลงถามก็ไม่ตอบเสียแล้ว

เพราะฉะนั้น ตอนที่ยังเป็นๆ มีชีวิตอยู่นี่แหละ ลองคิดเรื่องเหล่านี้ไว้บ้างก็ไม่เสียหายนะครับ

 

ที่พูดมายืดยาวอย่างนี้ คนแรกที่ต้องรับบทเรียนไว้สอนใจตัวเองไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวผมเองนี่แหละ จากนี้ไปวันสองวันต้องทำพินัยกรรมกับเขาบ้างแล้ว ทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองซึ่งมีไม่มากนัก พอนึกออกแล้วว่าจะแบ่งปันให้ใครบ้าง

แต่สมบัติชิ้นที่สำคัญยิ่งในชีวิตของผม คือหนังสือจำนวนมหาศาลที่ก่ายกองอยู่รอบตัวจะทำอย่างไรดีครับ

พูดขึ้นมาลอยลมเสียอย่างงั้น เผื่อจะมีใครอยากได้มรดกหนังสือของชายชราคนนี้ จะได้แข่งขันกันเอาใจผมให้น่าดู

แค่นึกก็สนุกเสียแล้ว ส่งใบสมัครได้เลยตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป