ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | จ๋าจ๊ะ วรรณคดี |
ผู้เขียน | ญาดา อารัมภีร |
เผยแพร่ |
ใน “นิราศกวางตุ้ง” หรือ “นิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน” เมื่อ พ.ศ.2324 โสเภณีชาวจีนลอยเรือมาหาเรือสำเภาของขุนนางไทย กวีบรรยายว่าภาพที่ ‘มองผาดๆ’ กับ ‘มองพิศ’ ต่างกันโดยสิ้นเชิง มองผาดๆ ระยะไกล เห็นผิวเผินไม่ถี่ถ้วน โสเภณีช่างงามตา มีชีวิตชีวาชวนมอง
“อันนารีเรือลากสำหรับจ้าง นั้นรูปร่างหมดจดสดใส
นวลนิ่มจิ้มลิ้มละไมใจ เมื่อดูไกลเอกเอี่ยมลออตา”
แต่เมื่อมองพิศ เพ่งมองใกล้ๆ อย่างถี่ถ้วน กลับเห็นริ้วรอยแห่งประสบการณ์กรำศึกสวาทกับลูกค้านานาชาติจนร่างกายทรุดโทรม
“ครั้นเข้าใกล้เห็นเลือดชายจะเผือดผาด ด้วยการสวาทไม่หลีกเลือกภาษา
แขกฝรั่งอังกฤษวิลันดา จะไปมาย่อมได้อาศัยกัน” (วิลันดา = ฮอลันดา)
โสเภณีสมัยนั้นมีสิทธิ์ทำมาหากินได้แค่บนเรือ ทำนองนาวาสวาทล่องตามน้ำ
“ต้องห้ามทั้งมิให้ไปอยู่บก ประจำพกแหล่งหลักสำนักนั่น
ประกวดดีดูทีนับถือกัน ไม่เว้นวันชายหาจึงว่าดี
ถึงร่างกายจะร่วงโรย อาชีพที่ต้องอาศัยรูปโฉมก็ต้อง ‘จัดเต็ม’ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและจริตกิริยาเย้ายวนดึงดูดชายมาใช้บริการ
“แต่บรรจงจริตจัดผัดพักตร์ บำรุงรักมิให้ชายหน่ายหนี
กันไรให้วิไลกับเมาฬี มวยมีดอกไม้เงินงาม
นุ่งกางเกงใส่เสื้อที่สังเกต ทำแปลงเพศก็พอเอี่ยมออกสนาม
รู้ชำเลืองประปรายให้ชายตาม แต่ต้องห้ามมิให้ไทยไปพบพาน”
แม้คณะขุนนางไทยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจะปฏิบัติตามข้อห้ามที่มิให้มีอะไรๆ กับโสเภณีจีน ก็ใช่จะเคร่งครัดกันทุกคน ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ คนที่อยาก ‘ถึง’ เมืองจีนอย่าง ‘หลวงราไชย’ จึงได้รับประสบการณ์ชนิดลืมไม่ลง
“ที่ภักดีโดยการก็งานเปลือง ไม่ยักเยื้องกิริยาเหมือนราไชย
เมื่อท่านยุกรบัตรหาปรึกษาของ ก็ปิดป้องโรคาไม่มาได้
(ยุกรบัตร/ยกกระบัตร = คำโบราณ ตำแหน่งข้าราชการสังกัดกระทรวงวัง มีหน้าที่ออกไปประจำหัวเมืองเพื่อสอดส่องอรรถคดี)
เอาอาสัจที่วิบัตินั้นบอกไป พะวงใจอยู่ด้วยรักข้างลักชม
อีดอกทองราวทองธรรมชาติ พิศวาสมิได้เว้นวันสม
จนโรคันปันทุบข้างอุปทม เสน่หาส่าลมขึ้นเต็มตัว”
‘เสน่หาส่าลมขึ้นเต็มตัว’ คืออาการของกามโรคระยะที่ 2 เข้าข้อ ออกดอก ระยะนี้เกิดขึ้นหลังจากระยะแรกประมาณ 6 สัปดาห์ อาจจะมีอาการปวดข้อ มีผื่นแดงขึ้นตามตัว ที่ฝ่ามือฝ่าเท้า แขนก็มีได้ (มูลนิธิหมอชาวบ้าน)
อาการที่ว่าเกิดขึ้นเพราะ ‘ลักชม’ หญิงขายตัว หรือ ‘อีดอกทอง’ หรือโสเภณีจีนที่ ‘หลวงราไชย’ ‘พิศวาสมิได้เว้นวันสม’ คือเสพสมด้วยเป็นประจำไม่ว่างเว้นจนติดโรคในที่สุด
น่าสังเกตว่าเมืองจีนดูจะรังเกียจและแบ่งแยกโสเภณีออกจากคนทั่วไป ไม่อนุญาตให้ทำมาหากินบนบก จำกัดเขตเฉพาะในน้ำ และสั่งห้ามมิให้คณะทูตไทยนำหญิงโสเภณีมาแตะต้องเครื่องบรรณาการและสินค้าบรรดามี ข้อห้ามเหล่านี้ชวนให้คิดไปได้ทั้งสิ้น
“เขามาชี้แจงความให้ตามกฎ ในกำหนดที่ตระหนักประจักษ์แจ้ง
ว่าสุวรรณขาวเหลืองเครื่องทองแดง ทั้งแพรไหมเหล็กแท่งแลสาตรา
มิให้ไทยเอาหญิงมาพิงพาด อันการสวาทนี้กำชับกันหนักหนา”
แต่กระนั้นในคณะทูตไทยก็มีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง
“ที่รักตัวเขาก็กลัวไม่พานพา ที่แกมกล้าก็เข้ากลั้วเอาตัวพัน”
แม้พระยามหานุภาพผู้แต่งนิราศเรื่องนี้ ยังปรารภว่าเสียดายที่มาเสียเที่ยว
“เสียแรงมาพาร่างถึงกวางตุ้ง เขม้นมุ่งว่าจะลองก็ต้องพรั่น
ได้ชมงามอยู่แต่ไกลไม่ได้กัน ———————————-”
อยากลอง ไม่ได้ลอง ได้แต่มองไกลๆ นั้น ‘จริง’ หรือ ‘เท็จ’ ต้องจุดธูปถามท่านเอง
นอกจาก “นิราศกวางตุ้ง” หรือ “นิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน” วรรณคดีไทยที่กล่าวถึง ‘โสเภณีจีน’ คือ “นิราสตังเกี๋ย” ผลงานประพันธ์ของหลวงนรเนติบัญชากิจ (แวว)
เล่มที่ผู้เขียนใช้อยู่นี้เป็นหนังสือเก่ามาก จำนวน 144 หน้า ขนาดเท่าพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มเล็ก ปกหน้าปกในมีตราหอพระสมุดวชิรญาณ แจกในการกฐินพระราชทานมหาอำมาตย์นายก เจ้าพระยายมราช เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ณ วัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระพุทธศักราช 2468 โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร เป็นหนังสือของคุณปู่ยกให้ผู้เขียน มีลายเซ็นท่านกำกับไว้
“นิราสตังเกี๋ย” (อักขรวิธีตามต้นฉบับ) เป็นจดหมายเหตุที่แต่งเป็นกลอน เล่าถึงการเดินทางของขุนนางไทยร่วมเดินทางไปปราบปรามฮ่อแถวเมืองตังเกี๋ยกับกองทัพฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ.2430 หลังภารกิจเสร็จสิ้น ได้เดินทางออกจากค่ายทหารฝรั่งเศส กลับมาพักที่เมืองฮานอย ต่อจากนั้นไปเกาะฮ่องกง แวะชมห้างสรรพสินค้า แล้วเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์เพื่อโดยสารเรือกลับกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดรวมหกเดือนครึ่ง
ที่ ‘เกาะเฮียงกั๋ง’ หรือ ‘เกาะฮ่องกง’ ภาพของตึกรามบ้านช่องเมื่อ 130 กว่าปีที่แล้ว เต็มไปด้วยตึกทาสีขาวราวกับทาด้วยดินสอพอง
“สองวันครึ่งถึงละเมาะเกาะเฮียงกั๋ง เปนของอังกฤษอนงค์คงรักษา
เห็นตึกรามตามเขาไม่เปล่าตา เหมือนไปทาดินสอพองมองออกพราว”
‘เกาะฮ่องกง’ พ.ศ.2430 โสเภณีมีหอนางโลมเป็นตึกงดงามสามชั้น ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนบก (ต่างจากเมืองกวางตุ้ง พ.ศ.2324 ถ้านับจากปี พ.ศ.2567 นี้ ก็เมื่อ 240 กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นโสเภณีถูกทางการจีนจำกัดให้หากินได้เฉพาะในน้ำเท่านั้น บรรเลงเพลงรักกันบนเรือ)
จาก พ.ศ.2324 ถึง พ.ศ.2430 ผ่านมาถึง 106 ปี เวลาเปลี่ยน ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ก็เปลี่ยนได้ จากที่เคยหากินได้แต่ในน้ำก็ขึ้นมาอยู่บนบก
นอกจากนี้ เนื่องจากกวางตุ้งและฮ่องกงเป็นเมืองท่า ลูกค้าจึงมีสารพัดชาติ แต่ที่ฮ่องกงพิเศษยิ่งกว่า มีทั้งลูกค้าและโสเภณีนานาชาติ ไม่ได้มีแค่โสเภณีจีนเท่านั้น ดังที่ “นิราสตังเกี๋ย” บรรยายว่า ขณะที่หลวงนรเนติบัญชากิจ (แวว) เดินชมทัศนียภาพยามค่ำของเกาะฮ่องกงอย่างเพลิดเพลิน พลันก็เจอ ‘หอนางโลม’ เข้าโดยบังเอิญ
“คืนวันหนึ่งเดินไปในวิถี เห็นผู้ดีรูปร่างเหมือนนางสวรรค์
อยู่บนตึกสูงลอยแช่มช้อยครัน ถึงสามชั้นร้องเชิญเกินผู้ดี”
กวีบรรยายว่าสาวๆ ที่ตึกนี้มีรูปร่างหน้าตาหมดจดงดงามราวกับนางฟ้า แวบแรกที่เห็นและเข้าใจว่าเป็น ‘ผู้ดี’ คงไม่ใช่เสียแล้ว เพราะกิริยาที่สาวๆ ตะโกน ‘ร้องชวนเชิญ’ หรือ ‘ร้องเรียก’ ชายเช่นนี้ ออกจะเกินงาม ‘เกินผู้ดี’ ไม่มีผู้หญิงดีๆ คนไหนเขาทำกัน
กวีสงสัยว่าสาวๆ เหล่านี้ขายอะไร มองหาอาหารคาวหวาน ผลไม้ หรือแม้แต่อุปกรณ์ทำครัวก็ไม่มี ทั้งยังเห็นบรรดาสาววัยละอ่อนทั้งฝรั่งและญี่ปุ่นนั่งเก้าอี้อวดโฉมอยู่ริมหน้าต่างที่มีโคมส่องสว่าง
“นึกละอายนี่เขาขายอะไรหนอ ไม่เห็นห่อกล้วยซ่มขนมอี๋
ฤๅเกาเหลาเตาไฟก็ไม่มี นั่งเก้าอี้โคมสว่างหน้าต่างพับ
เปนฝรั่งทั้งญี่ปุ่นดรุณภาพ เหมือนมีลาภห่อเข้ามาเคล้ากับ”
กวีถึงกับตำหนิพ่อแม่ของสาวๆ เหล่านี้ว่า
“ช่างไม่หวงลูกเต้าเปนสาวแซ่ นี่พ่อแม่โฉมตรูไปอยู่ไหน
มายินยอมพร้อมพรักสมัคไทย เห็นสดใสอยู่ที่เราจะเคล้าคลึง”
กวีเปรียบสาวฝรั่งกับขนมปัง เนย และนม รสชาติไม่ถูกปากไม่ถูกลิ้น ยืนยันว่าจะรักมั่นกับคนไทยด้วยกันเท่านั้น โดยเปรียบสาวไทยกับอาหารประจำชาติ
“ขนมปังหนังเหนียวเคี้ยวลำบาก ไม่ชอบปากชิวหาเหมือนปลาหาง
รสเนยนมขมลิ้นยังกินจาง แสนสำอางแต่น้ำพริกทุกวิกวัน”
อีกทั้งกวียังเอ่ยคำตัดรอนต่างๆ นานา อาทิ ‘เมินเสียเถิดชาตินี้ไม่มีแล้ว’ ‘ไม่คิดอยู่ฮ่องกงคงจะกลับ’ และ ‘อย่ารัญจวนไปเลยน้องไม่ต้องการ’ ฯลฯ
จะโสเภณีไทย โสเภณีจีน โสเภณีนานาชาติสมัยก่อน หรือโสเภณีสมัยนี้ทุกเพศทุกวัยทุกรูปแบบที่ยึดเป็นอาชีพถาวร หรือเป็นอาชีพเฉพาะกิจชั่วครั้งชั่วคราว ฯลฯ
ล้วนแต่ยืนยันว่าโสเภณีเป็นอาชีพเก่าแก่คู่โลกมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และคงจะอยู่คู่กันต่อไปในอนาคต ตราบที่ยังมีคนเต็มใจซื้อและเต็มใจขาย •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022