ในหุบเขาก็ ‘สะดวกซื้อ’ ได้

ขึ้นชื่อว่าร้านสะดวกซื้อ (コンビニ) มักตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ตามสถานีรถไฟ สถานที่มีผู้คนพลุกพล่านแวะเวียนเข้าร้านซื้อเครื่องดื่ม ขนม ข้าวกล่อง อาหารง่ายๆ รวมไปถึงของจำเป็นเล็กๆ น้อยๆ สบู่ ยาสีฟัน กระดาษชำระ เป็นต้น

ยอดซื้อของลูกค้าแต่ละรายไม่ได้สูงมาก แต่มีลูกค้าเข้ามาตลอดเวลา เปิดร้าน 24 ชั่วโมง มูลค่ายอดขายแต่ละวันย่อมไม่เล็กน้อย

ร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นตามเมืองใหญ่ๆ หรือละแวกใกล้สถานีรถไฟ มีหลายแบรนด์เปิดแข่งขันกันแย่งชิงลูกค้าทั่วทุกหัวระแหง หิวเมื่อไหร่ก็แวะเข้าไปได้ แค่เดินผ่านก่อนไปทำงานก็แวะซื้อข้าวปั้น ติดมือเป็นอาหารเช้าได้แล้ว

มื้อกลางวันถ้าไม่มีเวลากิน ติดพันกับงาน ก็แวะซื้อข้าวกล่องประทังหิว

มืดค่ำเลิกงานระหว่างทางก่อนถึงบ้านก็แวะซื้อสแน็ก เบียร์เย็นๆ ติดมือกลับไป ชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นต้องพึ่งร้านสะดวกซื้อจนขาดไม่ได้เสียแล้ว

ในพื้นที่ชนบทห่างไกลจากตัวเมืองของญี่ปุ่น ที่มีประชากรเบาบาง และส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย มีเด็กเกิดน้อย หนุ่มสาวไปทำงานในเมืองใหญ่ ผู้คนต้องขับรถเกือบชั่วโมงเพื่อไปซื้อของจำเป็นในเมือง มีหลายเมืองเล็กๆ ที่เคยมีซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ประชากรลดลง ก็ต้องปิดตัวลงเพราะขาดกำลังซื้อและไม่คุ้มค่าใช้จ่าย

ร้านสะดวกซื้อลอว์สัน (ローソン) ญี่ปุ่นเล็งเห็นโอกาสที่จะแทรกตัวเข้าไปแทนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ล้มหายตายจากไปในชุมชนเหล่านี้

ร้านสะดวกซื้อเล็กๆ จะแทนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีสินค้ามากมายได้จริงหรือ?

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

ร้านสะดวกซื้อลอว์สัน สาขาริวจิน

ร้านสะดวกซื้อมีจำนวนสินค้าน้อยกว่าซูเปอร์มาร์เก็ต และจำนวนพนักงานก็น้อยกว่า มีเพียง 2-3 คน ก็เปิดบริการลูกค้าในแต่ละวันได้แล้ว แม้ยอดขายโดยรวมจะน้อยกว่าแต่ก็สามารถทำกำไรได้จากค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่ามากนั่นเอง

ลอว์สันคำนวณเกณฑ์พิจารณาพื้นที่เปิดร้านสะดวกซื้อ ภายในรัศมี 500 เมตร มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2,000 คน ก็สามารถเปิดร้านได้ แต่ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตจะอยู่ได้ต้องมีประชากรประมาณ 5,000 คน ภายในรัศมี 2 กิโลเมตร

เกณฑ์พิจารณาเพิ่มเติมคือ อัตราส่วนประชากรสูงวัยในพื้นที่ จำนวนรถยนต์ที่แต่ละครัวเรือนมีในปัจจุบัน หรืออาจจะไม่ใช้รถยนต์ในอนาคตเนื่องจากสูงวัยขึ้น

ร้านสะดวกซื้อไม่ต้องการพื้นที่กว้างขวางอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตเลย และยิ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีคู่แข่งด้วยแล้ว มีแนวโน้มที่ลูกค้าแต่ละคนจะควักกระเป๋าจับจ่ายมากขึ้นด้วย นั่นหมายถึงสามารถทำกำไรได้มากขึ้น

ลอว์สัน เปิดร้านในเมืองอัทสึมะ (厚真町) ห่างจากสนามบินนิวชิโตเสะ ฮอกไกโด ประมาณ 30 นาทีทางรถยนต์ ตรงบริเวณซูเปอร์มาร์เก็ตของเมืองที่ปิดตัวลงเมื่อเดือนเมษายน 2024

ปรากฏว่ามียอดขายเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนแรกกว่า 30% บริษัทจึงมองหาพื้นที่ในชนบทและเร่งเปิดร้านเพิ่มขึ้น

หมู่บ้านริวจิน จังหวัดวาคายามา

ที่หมู่บ้านริวจิน (龍神村) เมืองทานาเบะ (田辺市) จังหวัดวาคายามา มีประชากรราว 2,600 คน เกินกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในวัยเกิน 65 ปี อยู่ห่างจากตัวเมืองวาคายามา ใช้เวลา 2 ชั่วโมงโดยรถยนต์

หมู่บ้านนี้อยู่ท่ามกลางขุนเขา ป่าไม้ และธรรมชาติ บ่อน้ำพุร้อน

เมื่อเร็วๆ นี้ มีร้านลอว์สันแห่งใหม่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2024 เปิดทำการ 24 ชั่วโมงทุกวัน ตลอดปี ไม่มีวันหยุด

คุณตาวัย 92 ปี คนในพื้นที่เล่าฟื้นความหลังว่า เมื่อก่อนหมู่บ้านมี ร้านเหล้า ร้านขายปลาสด และร้านค้าต่างๆ คึกคัก

ต่อมาก็เริ่มปิดตัวลงทีละร้านๆ ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในร้านหรือเปิดกิจการอื่นทดแทน

และในปีที่ผ่านมา ซูเปอร์มาร์เก็ตเพียงแห่งเดียวก็ปิดกิจการลงอีก ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าใจหาย ไม่มีเด็กๆ มีแต่ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้คนก็ลดน้อยลงอย่างมาก ร้านค้าที่ใกล้ที่สุดต้องขับรถยนต์ไปประมาณ 30 นาที

ดังนั้น ร้านสะดวกซื้อลอว์สันสาขานี้ จึงทำหน้าที่สมเป็นร้าน “สะดวกซื้อ” ให้แก่ผู้คนในหมู่บ้านอย่างแท้จริงในสภาพปัจจุบัน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณลุง คุณป้า ต่างก็รู้สึกขอบคุณ และดีใจ พากันแวะเวียนมาซื้อของ ได้เจอหน้าพบปะพูดคุยกันด้วย

สินค้าที่วางขายนอกจากที่พบเห็นในร้านลอว์สันทั่วไปแล้ว ยังมีส่วนที่วางขายพืชผัก ผลไม้ ปลา เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้ล้วนเป็นพืชผลในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียง

เจ้าของร้านลอว์สันสาขานี้เป็นชาย ชาวเมืองวาคายามา เมื่อรู้ข่าวว่าบริษัทต้องการหาผู้สนใจเปิดสาขาที่หมู่บ้านริวจิน เขาไม่รีรอคว้าโอกาสนี้

เขารู้จักพื้นที่นี้ดีเนื่องจากคุณปู่เกิดและเติบโตที่นี่ และอยากเห็นพื้นที่ที่เขามีความหลังในวัยเด็กกับคุณปู่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

เขาเพิ่มพื้นที่ของร้าน จัดโต๊ะที่นั่งสะดวกสบายให้รับประทานอาหารในร้าน เพื่อให้ผู้คนในหมู่บ้านโดยเฉพาะผู้สูงวัยที่อยู่บ้านอย่างเหงาหงอย มาซื้ออาหารในร้านและรับประทานร่วมกัน มีโอกาสได้พูดคุยกัน

ไม่ใช่แต่เพียงรอยยิ้มของลูกค้าจะทำให้ร้านดำเนินธุรกิจได้ตลอดไป ร้านจะอยู่ได้ต้องมีกำไรมาหล่อเลี้ยง

ลอว์สันสาขานี้จึงมีสินค้าจากสำนักงานใหญ่เหมือนสาขาอื่นๆ แต่มีที่เพิ่มมาคือ ผัก มันฝรั่ง หัวหอม ไชเท้า เนื้อ และปลา เป็นต้น ซึ่งเจ้าของร้านไปหาซื้อมาวางขาย

ไม่เพียงของสดที่ต้องเร่งขายให้หมดโดยเร็วมิฉะนั้นอาจขาดทุนได้ จึงต้องเพิ่มอาหารแช่แข็งหลายชนิดที่นำไปอุ่นกินได้ทันที รสชาติอร่อย และที่ใส่ใจลูกค้าสูงวัยเป็นพิเศษคือ เขียนชื่อสินค้าตัวโตๆ ให้อ่านง่ายด้วย

นอกจากนี้ เจ้าของร้านต้องขับรถไปถึงสวนผัก มะเขือเทศ มันฝรั่ง ฯลฯ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งเจ้าของสวนต่างก็เป็นผู้สูงวัย ขายส่งให้ในราคามิตรภาพ เมื่อเอามาวางขายในร้านลอว์สัน บางช่วงจึงมีโปรโมชั่น “ราคาเดียว อัดเต็มถุง” ถูกใจคุณยาย คุณป้ามาก ส่วนเกษตรกรในพื้นที่บางรายก็นำผลผลิตมาส่งตรงให้ถึงที่ร้าน ลูกค้าชอบใจที่ได้สินค้าสดใหม่ พืชผลเกษตรกรรมขายดี ก็มีการจ้างงานผู้สูงวัยที่อยู่ว่างๆ ให้มาช่วยงานเพิ่ม

ลอว์สันสาขานี้ จึงเป็นยิ่งกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไป เป็นทั้งศูนย์กระจายสินค้าเกษตรกรรม ซูเปอร์มาร์เก็ต สถานที่พบปะพูดคุย หรืออาจพัฒนาเป็นศูนย์กระจายข่าวด้วยก็ได้

ในหุบเขาก็ “สะดวกซื้อ” ได้ ถูกใจชาวบ้านยิ่งนัก