จับตาไฮไลต์กีฬาโลก 2025

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 กับวงการกีฬาโลก ซึ่งถ้าเทียบกับปี 2024 ที่มีทั้งมหกรรมกีฬา โอลิมปิกเกมส์ 2024 และทัวร์นาเมนต์ลูกหนัง ยูโร 2024 รวมถึงปีหน้าที่จะมีศึก ฟุตบอลโลก 2026 แล้วอาจจะไม่ค่อยมีอีเวนต์พิเศษหวือหวานัก

กระนั้น ความเคลื่อนไหวและสถานการณ์ภาพรวมซึ่งต่อเนื่องจากปีที่แล้วก็ทำให้ปฏิทินกีฬาปีนี้มีประเด็นน่าติดตามไม่แพ้กัน

แรกสุดคือประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับวงการกีฬาโลกอย่างการเลือกตั้งประธาน คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) คนใหม่ ในการประชุมใหญ่ที่กรีซ กลางเดือนมีนาคม

โธมัส บาค ประธานคนปัจจุบัน ประกาศแล้วว่าจะไม่ลงชิงตำแหน่งอีกสมัย โดยมีแคนดิเดตร่วมชิงเก้าอี้ 7 คน ซึ่งหลายคนจับตามองว่าการเปลี่ยนตัวคีย์แมนคนสำคัญขององค์กรกีฬาสูงสุดของโลกย่อมมีผลต่อทิศทางอนาคตของวงการกีฬา โดยเฉพาะโอลิมปิกเกมส์ไม่มากก็น้อย

 

ลำดับต่อมาที่พลาดไม่ได้สำหรับคอบอลกับการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดย ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ขึ้นนำในช่วงคริสต์มาส ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ไม่ได้หมายความว่าจะต้องลงเอยด้วยตำแหน่งแชมป์ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลเสมอไป

พรีเมียร์ลีกเตะกันมาตั้งแต่ปี 1992 รวม 32 ฤดูกาล ทีมที่ขึ้นนำช่วงคริสต์มาสก้าวไปเป็นแชมป์ 16 ครั้ง สำหรับหงส์แดงเคยขึ้นนำในช่วงเวลานี้มา 6 ครั้ง พลาดแชมป์ไป 5 ครั้ง ทำสำเร็จเพียงครั้งเดียวคือฤดูกาล 2019/2020 แต่สถานการณ์ในฤดูกาลนี้ต่างออกไปเล็กน้อยตรงที่ลิเวอร์พูลมีเกมในมือ 1 นัด เนื่องจากศึกเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์กับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อต้นเดือนธันวาคม ต้องเลื่อนไปเพราะพายุ

แต่ขณะเดียวกันก็มองข้ามบรรดากลุ่มตามไม่ได้ โดยเฉพาะ อาร์เซนอล และ เชลซี ขณะที่แชมป์เก่า 4 สมัยซ้อน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเผชิญกับช่วงตกต่ำที่สุดในยุคของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เพียงต้องลุ้นผลงานในสนามอย่างเดียว แต่ภายในปีนี้ก็น่าจะมีคำตอบเรื่องที่โดนพรีเมียร์ลีกตั้งข้อหาละเมิดกฎควบคุมการเงิน 115 ข้อ

ทั้งบทลงโทษว่าจะรุนแรงระดับไหน ตั้งแต่ปรับเงิน ตัดแต้ม ริบแชมป์ หรือปรับตกชั้น รวมทั้งผลกระทบทางอ้อมอย่างการวางแผนใช้เงินเสริมทัพในช่วงตลาดหน้าหนาวและหน้าร้อนด้วย

หันไปมองวงการเทนนิสโลก หลังจากสองอดีตมือ 1 โลก ราฟาเอล นาดาล และ แอนดี้ เมอร์เรย์ ต่างประกาศอำลาวงการ ทำให้ยอดฝีมือ “บิ๊ก 4” หรือ “บิ๊ก 3+1” เวลานี้เหลือเพียง โนวัก โยโควิช อดีตมือ 1 โลกชาวเซอร์เบียเท่านั้น

โนเล่บรรลุเป้าหมายในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์จาก “ปารีส 2024” เมื่อปีที่แล้วเรียบร้อยแล้ว

เป้าหมายต่อไปที่อาจเป็นเป้าหมายสุดท้ายของเขา คือการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมให้ได้อย่างน้อยอีก 1 รายการ เพื่อที่เขาจะได้เป็นเจ้าของสถิติแชมป์ประเภทเดี่ยวแกรนด์สแลมสูงที่สุดตลอดกาลไม่ว่าชายหรือหญิงแต่เพียงผู้เดียว

จากที่ปัจจุบันครองสถิติ 24 สมัยร่วมกับ มาร์กาเร็ต คอร์ต ตำนานสักหลาดหญิงชาวออสเตรเลียอยู่

นักวิเคราะห์มองว่าโอกาสของโนเล่อยู่ที่ศึก ออสเตรเลียน โอเพ่น และ วิมเบิลดัน เป็นสำคัญ แต่อะไรก็ไม่ง่าย เพราะปีที่ผ่านมา ถึงเขาจะคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ได้ แต่ก็ไม่มีแชมป์อื่นใดติดมือเลย

แถมคู่แข่งรุ่นน้องมือท็อปๆ ของโลกช่วงนี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะมือ 1 โลก ยานนิก ซินเนอร์ จากอิตาลี ที่คว้าแชมป์ไป 8 รายการเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเป็นแชมป์แกรนด์สแลม 2 รายการ

แต่ตัวซินเนอร์เองก็มีประเด็นร้อนที่โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากเขาไม่ผ่านการตรวจสารต้องห้าม 2 ครั้งในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และได้รับการเคลียร์ชื่อเนื่องจากองค์กรเพื่อความโปร่งใสในวงการเทนนิส (ไอทีไอเอ) ยอมรับคำอธิบายของเขาที่ว่าได้รับสารโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากนักกายภาพบำบัดเอายาที่เทรนเนอร์ซื้อจากร้านทั่วไปไปใช้ แล้วเอามือจับตัวซินเนอร์โดยไม่ใส่ถุงมือ เขาจึงได้รับสารไปโดยไม่รู้ตัว

ซินเนอร์ไม่โดนลงโทษใดๆ จากการไม่ผ่านตรวจโด๊ปครั้งนี้ องค์การต่อต้านสารต้องห้ามโลก (วาด้า) จึงยื่นอุทธรณ์ต่อ ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (ซีเอเอส) ให้ลงโทษแบนเขา 1-2 ปี เพราะมองว่าเขาควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความผิดครั้งนี้

ซึ่งหากศาลตัดสินให้ซินเนอร์โดนแบน ฟอร์มที่กำลังมาดีๆ ก็อาจสะดุดไปดื้อๆ และเปิดทางให้โนเล่มีลุ้นได้

 

ด้านวงการกอล์ฟทั้งชายและหญิงก็มีประเด็นน่าสนใจน่าติดตามแตกต่างกันไป กรณีกอล์ฟชายยังคงเฝ้ารอข้อสรุปการเจรจาความร่วมมือระหว่าง พีจีเอทัวร์ กับ ลิฟกอล์ฟ รวมถึงการเปิดตัว ทีจีแอล กอล์ฟ ลีก ลีกกอล์ฟเวอร์ชวลที่มียอดโปร ไทเกอร์ วู้ดส์ และ รอรี่ แม็กอิลรอย เป็นตัวตั้งตัวตี

ปลายปีระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน มีการแข่งขันกอล์ฟประเพณี ไรเดอร์คัพ 2025 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาหวังจะทวงแชมป์จากยุโรปให้ได้ในบ้านตัวเอง พร้อมประเด็นรองๆ อย่างสถานะโปรสังกัดลิฟกอล์ฟว่าจะมีสิทธิเข้าร่วมแข่งขันหรือไม่

รวมถึงมุมมองเรื่องค่าตอบแทนที่ตอนนี้ฝั่งสหรัฐประกาศมอบให้นักกอล์ฟเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แล้ว

ฝั่งกอล์ฟหญิงก็ต้องเอาใจช่วยบรรดาโปรสาวชาวไทย นำโดย “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล หลังจากปีที่แล้วปิดฉากได้อย่างร้อนแรง คว้าแชมป์รายการส่งท้ายปีพร้อมรางวัลเล่นหลุมยาก คิดเป็นเงินรางวัลบวกโบนัสเบ็ดเสร็จกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (238 ล้านบาท) ในปีเดียว

ร่วมส่งกำลังใจให้โปรจีนและสาวไทยคนอื่นๆ สร้างโมเมนตัมเชิงบวก และประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในเวทีระดับโลกอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง •

 

Technical Time-Out | SearchSri