ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | เทศมองไทย |
เผยแพร่ |
ไม่ว่าจะมีบารมี หรืออำนาจอิทธิพลมากมาย สูงส่งแค่ไหน สุดท้ายแล้ว ผู้นำ ผู้ปกครองประเทศ ย่อม “ผ่านเลยไป” ตามกลไก และวัฏทางการเมือง การปกครอง และวิถีแห่งความชื่นชอบ-ชิงชัง ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ
กรณีของ มิน อ่อง ลาย เผด็จการทหารร่วมสมัยคนล่าสุดแห่งเมียนมา ก็ย่อมเป็นไปในทำนองเดียวกัน
ปีใหม่ 2025 มาถึงพร้อมกับความตระหนักรู้ของนายพลอาวุโสแห่งกองทัพเมียนมาผู้นี้ว่า การอยู่รอดทางการเมืองของตนเรียวลงตามลำดับ หากไม่ตัดสินใจทำอย่างหนึ่งอย่างใดลงไป
คำถามที่ทำให้มิน อ่อง ลาย ยังคงละล้าละลังอยู่ในเวลานี้ก็คือ ทางออกที่ตนเลือกนั้น เป็นไปได้หรือไม่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ปัญหาใหญ่หลวงที่สุดของมิน อ่อง ลาย ไม่ได้อยู่ที่แรงกดดันจากภายนอก ไม่ได้อยู่ที่การคว่ำบาตรจากชาติไหนๆ แต่อยู่ภายในประเทศ
และที่สำคัญที่สุดก็คือ อยู่ภายในกองทัพเมียนมาเองนั่นแหละ ผู้นำสูงสุดของเมียนมาผู้นี้ ไม่สามารถพึ่งพาทหารและกองทัพ สำหรับเป็นเครื่องมือสร้างทางอยู่รอดทางการเมืองให้กับตนเองเพียงลำพังได้อีกต่อไปแล้ว
ปัญหาสารพัดประเด็นผุดขึ้นให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตั้งแต่ความพ่ายแพ้นับครั้งไม่ถ้วนในสนามรบให้กับฝ่ายต่อต้าน
อุดมการณ์ของกองทัพล้มเหลวลงเรื่อยๆ ในขณะที่วินัยและลำดับบังคับบัญชาก็แตกสลายย่อยยับ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ความเสี่ยงที่จะเกิดการท้าทายต่ออำนาจของมิน อ่อง ลาย จากฝักฝ่ายต่างๆ ในกองทัพเอง ถีบตัวสูงมากขึ้นตามลำดับ เพราะความภักดีที่เลือนหายไป แม้ว่าในบรรดานายพลระดับสูงสุดของกองทัพจะยังคงเกาะกลุ่มกันกุมอำนาจอย่างเหนียวแน่นอยู่ก็ตามที
ข้อกังวลเรื่องกองทัพของผู้นำสูงสุดของเมียนมาในเวลานี้สะท้อนออกมาให้เห็นได้ชัดจากความพยายามสร้างฐานทางการเมืองนอกกองทัพขึ้นเพื่อให้การสนับสนุนทางการเมืองต่อตนเองต่อไปในอนาคต
โดยเฉพาะพรรคการเมืองสำคัญที่เคยเป็นเส้นสาย เป็นพันธมิตรกันมาในอดีตอย่าง พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี) ที่มิน อ่อง ลาย ลงทุนส่ง นายพลคนสนิทที่เกษียณอายุแล้วอย่าง พล.ท. เมียว ซอ เต็ง และ พล.ท.ออง โซ เข้าไปรับตำแหน่งสำคัญในยูเอสดีพี
วินัยกับอุดมการณ์แห่งกองทัพ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้กองทัพมีความเป็นสถาบัน และมีเสถียรภาพ
ในทางตรงกันข้าม กองทัพที่ขาดวินัยและล้มเหลวในเชิงอุดมการณ์ รังแต่จะแตกแยก เป็นฝักฝ่าย ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว อาศัยการพึ่งพาปัจเจกบุคคลระดับสูงในกองทัพสูงมาก
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับกองทัพเมียนมาในยามนี้ ไม่ว่าผู้นำกองทัพจะพยายามเรียกร้อง ถามหาเอกภาพของทหารภายใต้ความเชื่อที่ว่า กองทัพคือผู้ถูกกำหนดมาให้คุ้มครอง อารักษ์ ประเทศชาติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ตามที
ข้อกล่าวอ้างของกองทัพเมียนมาที่ว่า หากปราศจากกองทัพ ประเทศชาติจะร่วงหล่นลงสู่กลียุค อนาธิปไตยจะแผ่ซ่าน ขยายตัวออกไปทุกทิศทาง ถูกความเป็นจริงแสนอำมหิตของการกวาดล้าง เข่นฆ่า ล้อมปราบ ประชาชนผู้บริสุทธิ์และไร้อาวุธ ในช่วงที่ผ่านมา ทุบทำลายไปจนหมดสิ้น
ความจริงที่เกิดขึ้นให้เห็นเป็นประจักษ์แก่ตา ทำลายภาพมายา ที่กองทัพสร้างขึ้นเพื่อจูงจมูกทหารทำลายจนป่นปี้
นำพาไปสู่ความล้มเหลวเชิงอุดมการณ์ บ่อนทำลายความเชื่อถือในปรัชญาของกองทัพและทำลายวินัยทหารลงอย่างลึกซึ้งในที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ขวัญกำลังใจทหารตกต่ำ การหนีทหารและการแปรพักตร์เกิดขึ้นดกดื่น ไม่เพียงไม่อาจรักษาความจงรักภักดีภายในไว้ได้เท่านั้น ยังเขย่าจนฐานรากทางอุดมการณ์ของกองทัพสั่นสะเทือน
ผลของมันสะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนในสนามรบ โดยเฉพาะหลังจากฝ่ายต่อต้านรวมกำลังเข้าด้วยกัน เปิดปฏิบัติการ 1027 ขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมียนมาสูญเสียการควบคุมเมืองแล้วเมืองเล่า สูญเสียฐานที่มั่นทางทหารไปเกือบ 200 จุด รวมทั้งฐานที่มั่นระดับกองบัญชาการกองพล ของกองทัพภาคเล้าก่ายและกองบัญชาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นอาทิ
ส่งผลเสียอย่างหนักต่อภาพลักษณ์ของกองทัพ
และที่สำคัญก็คือ ต่อความเชื่อมั่นของทหารในกองทัพ
สภาพอเนจอนาถเช่นนี้ ถูกซ้ำเติมให้หนักหน่วงยิ่งขึ้นจากการโยกย้าย ไล่ออก จับกุม หรือ เลื่อนชั้น เลื่อนยศในกองทัพ ที่ไม่เพียงไม่มีแนวทางที่ชัดเจน หากแต่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการชี้ขาดของคนเพียงไม่กี่คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายอย่างมิน อ่อง ลาย
ซึ่งแทนที่จะใช้เป็นเครื่องมือส่งเสริมเอกภาพของกองทัพ กลับใช้มันเป็นเครื่องมือแสวงหาความจงรักภักดีส่วนตัวต่อตนเอง
จนการเลื่อนขั้น เลื่อนชั้นยศ และการลงโทษ บิดเบี้ยวเบนเบือนไปทั้งหมด
ทำลายทั้งวินัยทางทหารและลำดับสายบังคับบัญชาลงไปพร้อมๆ กัน
เมื่อเอกภาพสูญหาย ประสิทธิภาพของกองทัพย่อมเสื่อมทรามตามไปด้วย สุดท้าย มิน อ่อง ลาย เองก็จำต้องยอมรับว่า ตนเองไม่สามารถอาศัยพลังอำนาจของกองทัพเพื่อการอยู่รอดทางการเมืองได้อีกต่อไป
ชะตากรรมของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย กำลังเรียวลงทุกทีนับตั้งแต่ปีใหม่นี้เป็นต้นไป
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022