ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
10 ปีหลังนี้โลกเปลี่ยนเร็ว เทคโนโลยีก้าวหน้าจนตามไม่ทัน การแข่งขันรุนแรง
ทุกอาชีพถูกกระทบจนซวนเซ
การแข่งขันขยายข้ามเขตประเทศ ธุรกิจใหญ่หรือเล็กมีโอกาสล้มได้ทั้งสิ้น
การปรับตัวต้องมีอย่างต่อเนื่อง
ถ้าพลาดทั้งเจ้าของและลูกจ้างอาจต้องหางานใหม่
สิ่งที่จะพบและกระทบกับทุกคน คือ…
1.การปรับอัตรา ค่าจ้างขั้นต่ำ
จบตามประกาศ
สรุปว่าค่าจ้างขั้นต่ำ จะเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย คือเพิ่มในอัตราวันละ 7-55 บาท (เฉลี่ยร้อยละ 2.9) โดยมีอัตราสูงสุด คือ วันละ 400 บาท และอัตราต่ำสุด คือ วันละ 337 บาท ที่ว่าจะขึ้นวันละ 400 บาททั่วประเทศนั้นทำไม่ได้แล้วเพราะฝ่ายนายจ้างไม่ยอม เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ พวกเขาก็คิดว่าไม่สามารถแข่งขันได้ จุดนี้จึงกลายเป็นการประนีประนอม ที่ทางรัฐและฝ่ายนายทุนยอมรับ
ส่วนฝ่ายลูกจ้างจะรับได้หรือไม่ได้ ก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่อยากทำต่อก็ลาออกไปได้ แต่สภาพเศรษฐกิจขณะนี้ใครมีงานก็ต้องกอดเอาไว้ให้แน่น เพราะโอกาสตกงานมีสูงมากเนื่องจากการล้มของบริษัททั้งใหญ่และเล็ก ไม่ใช่เฉพาะ SME แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ ก็ยังต้องปิดตัวลง
ในทางการเมืองแล้วรัฐบาลคงไม่สามารถนำการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจำนวนเล็กน้อยนี้มาเป็นผลงานการเมืองคงต้องรอดูจนถึงปีสุดท้ายที่รัฐบาลอยู่ในตำแหน่งว่าสามารถขึ้นไปได้เท่าไร
2.การขึ้นภาษี VAT
แนวคิดการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันที่จัดเก็บ 7% แนวคิดที่จะปรับขึ้นภาษีสูงสุด 15% ก็คงเป็นเรื่องโยนก้อนหินถามทาง เพราะผู้คุมนโยบายก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มภาษี VAT ให้มากขนาดนั้น
แม้การจัดเก็บที่ 7% ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
กัมพูชา อินโดนีเซีย และ สปป.ลาว จัดเก็บ VAT อยู่ที่ 10%
มาเลเซีย จัดเก็บ VAT Sale อยู่ที่ 10% และ Service อยู่ที่ 8%
ฟิลิปปินส์ จัดเก็บ VAT อยู่ที่ 12%
สิงคโปร์ จัดเก็บ VAT อยู่ที่ 9%
เมียนมา จัดเก็บ VAT อยู่ที่ 5%
และบรูไน ที่ไม่จัดเก็บภาษีเพราะรวย
การจัดเก็บภาษี VAT ของไทยเป็นรายได้หลักของประเทศจากรายงานของกระทรวงการคลัง พบว่า ในปีงบประมาณ 2567 ประเทศไทยจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 9.47 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 9.13 แสนล้านบาท 10 ปีก่อน ประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษี VAT อยู่ที่ 7.09 แสนล้านบาท และเมื่อคำนวณถึงการเติบโตในรายได้ด้านภาษี VAT ในช่วง 10 ปี พบว่า มีการขยายตัวสูงถึง 33%
โดยหากดูตัวเลขการเติบโตดังกล่าว จะพบว่า มีความเป็นไปได้ว่า รายได้ของ VAT ไทยจะทะลุที่ 1 ล้านล้านบาทต่อปีได้ไม่ยากนัก แต่การใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางต่างๆ ใช้เงินมากมาย ดังนั้น การเพิ่มภาษี VAT จึงเป็นทางออกที่ง่ายที่สุดและได้เงินก้อนใหญ่ที่สุด กฎหมายเดิมเปิดช่องไว้ให้เก็บได้ถึง 10% แต่ปัจจุบันเก็บเพียงแค่ 7%
ดังนั้น ถ้าเพิ่มขึ้น 1% คือจาก 7% เป็น 8% ก็น่าจะเก็บภาษี VAT ได้มียอดถึง 1.08 ล้านล้านบาทต่อปี ถ้าเพิ่มขึ้น 2% คือเก็บที่ 9% ก็จะมีรายได้ 1.22 ล้านล้านบาทต่อปี
ถ้าประเมินผลกระทบทางการเมืองด้วยแล้วแม้รัฐจะอยากมีรายได้สูงขึ้นแต่คงไม่กล้าเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 10% ทันทีในปีแรก
แต่โอกาสที่จะเก็บในอัตรา 9% เท่ากับสิงคโปร์มีสูง เพราะจะทำให้มีรายได้เพิ่มอีก 200,000 ล้าน และรัฐบาลก็คงไม่อยากจะเพิ่มภาษีปีละ 1% ปีละครั้ง
ถ้าตัดสินใจได้แล้วในปี2568 น่าจะเป็น 9%
แต่รัฐบาลอาจมีวิธีการเก็บแบบมีรายละเอียด ไปยังสินค้านำเข้าต่างๆ ในทุกราคา และขณะเดียวกันก็อาจจะมีข้อยกเว้นหรือลดภาษีให้กับสินค้าบางชนิดที่ผลิตในประเทศ เช่น อาหารหรือยา หรือการบริการบางอย่าง
ความจำเป็นในปี 2568 มาถึงจุดที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่ขึ้นภาษี VAT ก็จะหาเงินก้อนใหญ่มาสนับสนุนการใช้จ่ายทางภาครัฐไม่ได้ ส่วนภาษีรายได้ของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ บริษัทที่มีกำไรก็มีน้อย บุคคลธรรมดาก็มีรายได้ที่จำกัด โอกาสที่เก็บเพิ่มก็มีน้อยมาก
ดังนั้น เราต้องชื้อสินค้าแพงขึ้นบ้าง
3.SME จะล้ม คนต้องเปลี่ยนอาชีพ
วิกฤตเศรษฐกิจคงขยายตัวออกไปอีกซึ่งเป็นไปทั้งระดับโลก ระดับภูมิภาคและในประเทศเรา ไม่ต้องพูดถึง SME ที่จะล้มระเนระนาดในปี 2568 และ 2569 การช่วยแก้ปัญหาหนี้สินเป็นทางออกที่รัฐพอช่วยได้บ้าง แต่ยังไม่เห็นรูปธรรม
ขณะนี้แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ ก็ยังอยู่อย่างยากลำบาก ตัวอย่างบริษัทผลิตรถยนต์ ถ้าไม่รวมตัวกันตั้งป้อมสู้ก็ต้องปิดตัวเอง การผลิตสินค้าจำนวนมหาศาลทั้งชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กตั้งแต่รถยนต์ไปยันเสื้อผ้า ได้มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปช่วยจนกำลังการผลิตล้นเกินความต้องการ
ของเก่าที่ล้นสต๊อกก็ถูกเทออกมาขายไปตามประเทศที่ยากจนทั้งหลาย เมื่อสินค้าเก่าราคาถูกทะลักเข้ามา อุตสาหกรรมต่างๆ ภายในประเทศเล็กๆ ก็ล้มหายตายจากไปโดยฉับพลัน
ดังนั้น การตกงานของลูกจ้างอุตสาหกรรมจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ความสามารถในการปรับตัวเพื่ออยู่รอด คือจะต้องออกจากความเคยชินเดิมที่อยู่ในอาชีพที่ทำมานับ 10 ปีเปลี่ยนไปทำอาชีพใหม่ถ้าทำไม่ได้ชีวิตจะยากลำบากมาก
อาชีพที่เคยกินเงินเดือนประจำแบบเก่าอาจจะไม่มีอีกแล้ว
แต่เมื่อคนจำนวนมากคิดเปลี่ยนแปลงมาค้าขายก็จะพบว่ามีคู่แข่งจำนวนมากที่มีอยู่แล้ว และเพิ่มขึ้นพร้อมกับตัวเองในช่วงเวลาเดียวกัน
การแข่งขันจึงหนักหน่วงมากขึ้นมันเป็นการแข่งขันตั้งแต่ระดับผู้ผลิตจนถึงผู้ขายปลีก
4.ปัญหาการสร้างสมดุลจากแรงงานต่างด้าว
เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
เมื่อตำแหน่งงานลดลงคนต้องการงานเพิ่มขึ้นจะต้องมีการจำกัดอาชีพของคนต่างด้าวมากขึ้น
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันการหางานทำไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ยิ่งถ้าจบปริญญาตรีและต้องการเงินเดือนที่เหมาะสม ต้องมีความสามารถพิเศษที่จะแย่งชิงตำแหน่งกับคนอื่นได้จึงจะมีโอกาสได้ทำงาน
ส่วนแรงงานระดับล่างนั้นปัจจุบันได้รับการชดเชยจากแรงงานต่างด้าวซึ่งเป็นชาวพม่า กัมพูชา และลาว ทำให้ทุกวันนี้ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสภาพที่ขาดแคลนแรงงานระดับล่าง และยังมีทะลักเข้ามาเรื่อยๆ เนื่องจากสงครามในพม่า
ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจของทั้งพม่า ลาว กัมพูชา ได้ส่งผลกระทบทั้ง 2 ด้าน เพราะประเทศเหล่านี้ก็คือลูกค้าของสินค้าไทยที่ส่งออกไปขายในประเทศรอบบ้านเราเมื่อกำลังซื้อของพวกเขาตก ยอดขายสินค้าของประเทศไทยก็ตกตามไปด้วย แถมยังโดนสินค้าจากประเทศจีนที่ราคาถูกเข้ามาตีตลาด
สภาพจริงที่เพิ่งเดินทางเข้าไปพบเห็นในประเทศเพื่อนบ้านปัจจุบันดูแล้วยังไม่ฟื้นง่ายๆ คนหนุ่มสาวต้องออกจากโรงเรียน และวิทยาลัย เพื่อหางานทำ
พวกเขาเองก็คาดหวังประเทศไทยเป็นที่พึ่งพิง ดังนั้น จึงคล้ายกับว่าประเทศไทยมีจังหวัดที่งอกเงยเพิ่มขึ้นมาจากทุกทิศ ทั้งตะวันออก ตะวันตก เหนือ อีสาน มีคนรวมกันหลายล้านครอบครัว
เงินทองของใช้ที่หาได้ก็นำส่งกลับไปให้ครอบครัวในประเทศต่างๆ ปัจจุบันมีระบบการส่งเงินและของแบบโพยก๊วนถึงหน้าบ้านของแต่ละครอบครัว เดี๋ยวนี้พัฒนาส่งของเป็นกระสอบ โดยมีรถมารับ กระสอบที่แพ็กเรียบร้อยแล้วจากเมืองไทยไปถึงหมู่บ้านในพม่า เพื่อให้พ่อแม่ญาติมิตรมีโอกาสใช้ชีวิตที่ดีขึ้น
ปัญหาค่าแรงและสวัสดิการคงต้องให้กันไปตามกฎหมาย แต่การเก็บภาษีจากรายได้ทุกชนิดของคนต่างชาติ ทั้งค่าจ้างและภาษีการค้าขนาดใหญ่และเล็ก ควรทำให้ทั่วถึงไม่ให้เกิดส่วย
มีหลายอาชีพที่รัฐจะต้องคิดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น เช่น เจ้าหน้าที่ รปภ. อาชีพที่ต้องขับรถ การเกิดคดี การตามหาผู้รับผิดชอบ อาชีพที่ใช้ความรู้และภาษาไทย
ควรจะปรับปรุงรายการอาชีพที่ต้องสงวนอะไรไว้ให้คนไทย?
การค้าขายของคนต่างชาติจะ มีข้อจำกัดอย่างไร?
การมีชีวิตอยู่วันนี้ แม้ดูไม่มั่นคงแต่เราก็ต้องอยู่ ทำความเคยชินกับมันเหมือนกับเรานั่งรถโดยสาร เราไม่ใช่คนขับ แม้ต่างคนจะมีจุดหมายของตัวเอง
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022