จุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลง : หนึ่งปีบนเส้นทางประกันสังคมก้าวหน้า

ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี

สําหรับผู้ติดตามคอลัมน์ฝนไม่ถึงดิน ปีนี้เราเข้าสู่ปีที่สามแล้ว และผมเขียนบทความให้แก่มติชนสุดสัปดาห์ในคอลัมน์นี้มามากกว่า 100 บทความแล้ว

เราได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันผ่านตัวหนังสือ ในประเด็นความเหลื่อมล้ำ รัฐสวัสดิการ ความหวังต่อการเปลี่ยนแปลง ผ่านจังหวะของการเมืองที่สิ้นหวัง หรือความหวังลุกโชน ผ่านช่วงเวลาที่หดหู่ ผ่านช่วงเวลาที่มีความหวังร่วมกันผ่านตัวหนังสือ

สำหรับท่านที่อ่านบทความผ่านหน้าหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ท่านอาจจะเป็นประชากรกลุ่มเล็กๆ ที่ได้จับแผ่นกระดาษเปื้อนหมึกพิมพ์ กับถ้อยคำตัวหนังสือที่ผ่านระบบบรรณาธิการ

ส่วนท่านที่อ่านทางออนไลน์ ผมหวังว่า บทความนี้จะชะลอท่านจากความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ที่ยุ่งเหยิง และขบคิดกันในเรื่องสังคมที่พึงเป็น แลกเปลี่ยนในสิ่งที่พึงเป็นแม้วันที่สังคมยังไม่เปิดรับ

ผมสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยมาสิบกว่าปี ด้วยอายุผมอายุน้อยกว่าประชากรผู้อ่านของผมส่วนใหญ่ ที่กำลังพลิกหนังสืออ่าน

แต่ด้วยความฝันที่ผมมี มันมีอายุเก่าแก่ ยาวนาน ต่อเนื่องมาหลายรุ่น ความฝันถึงรัฐสวัสดิการ ความฝันถึงสังคมที่ยุติธรรม ความฝันถึงสังคมนิยมประชาธิปไตย และปรารถนาให้เห็นมันด้วยตาของผมเองในอายุขัยที่เหลืออีกประมาณครึ่งหนึ่ง

ผมขอใช้พื้นที่บทความนี้ทบทวนและบอกเล่าถึงความสำเร็จก้าวเล็กๆ ที่สะสมของพวกเรา

 

ผมนั่งทบทวนความทรงจำของวันที่ 24 ธันวาคม ปีที่แล้ว วันที่ผมและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในทีมประกันสังคมก้าวหน้าได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ความรู้สึกของการเป็นตัวแทนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงยังคงสดใหม่เสมอ แม้เวลาจะผ่านไปแล้วหนึ่งปีเต็ม

เมื่อได้ก้าวเข้ามาสู่บอร์ดไตรภาคี แม้จะไม่ใช่อำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ด้วยพลังแห่งอุดมการณ์และความมุ่งมั่น เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ เมื่อเรายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ผู้คนก็พร้อมจะก้าวเดินเคียงข้างเรา

เมื่อเราเชื่อมั่นและทุ่มเทสุดกำลัง ความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

แม้การรับรู้เรื่องประกันสังคมอาจไม่เป็นที่จับตาเท่ากับการเมืองระดับประเทศแต่ต้องยอมรับว่าสื่อมวลชนจำนวนมากให้ความสนใจการทำงานของคณะกรรมการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

และทำให้ความโปร่งใสและถูกตรวจสอบได้ส่งผลต่อการทำงานต่างๆ ของพวกเรา ที่ได้รับการสนับสนุนในทิศทางที่ดี

ด้วยความมุ่งมั่นเราได้ผลักดันเงินเลี้ยงดูเด็กเป็น 1,000 บาท ครอบคลุมเด็กกว่า 1.2 ล้านคน ด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ยกระดับประกันการว่างงานจากการถูกเลิกจ้างเป็น 9,000 บาทต่อเดือน จากเดิม 7,500 บาท

พร้อมทั้งพัฒนาสูตรบำนาญใหม่ที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ฐานเงินเดือนลดลงเมื่อยามถูกเลิกจ้าง

 

เราได้สนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วยดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1.59 ต่อปี วงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับแรงงานอิสระมาตรา 40

เราได้ขยายเงินเดินทางพบแพทย์เป็น 200 บาทต่อครั้ง ขยายการชดเชยทุพพลภาพจาก 15 ปีเป็นตลอดชีวิต เพิ่มการชดเชยการตั้งครรภ์สูงสุดเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน และปรับเกณฑ์สถานพยาบาลที่ออกใบรับรองแพทย์ให้ครอบคลุมถึงคลินิกคู่สัญญา สปสช. การบังคับใช้เหลือเพียงขั้นตอนตามกฎหมาย

ด้านการบริหารเงินลงทุน เราได้วางกรอบการลงทุนที่มีธรรมาภิบาลมากขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 จากค่าเฉลี่ยเดิมร้อยละ 3 สร้างผลประโยชน์เพิ่มกว่า 40,000 ล้านบาทต่อปี

พร้อมทั้งขยายการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดอย่างรัดกุมและโปร่งใส ลดการใช้ดุลพินิจ

การลงทุนของกองทุนประกันสังคมเป็นเงื่อนไขสำคัญในการยืดอายุกองทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มกลับมาเป็นสิทธิประโยชน์ได้

ในการบริหารสำนักงานที่มีงบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท เราได้ปรับสมดุลการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณด้าน IT และ Cyber Security ที่เคยใช้งบประมาณถึงร้อยละ 80 ให้สมดุลกับการให้บริการประชาชน ด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งใช้งบประมาณถึงร้อยละ 80 ของกองทุน 4 กรณี

เรามุ่งเน้นให้การเพิ่มงบประมาณส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการรักษาที่ดีขึ้นสำหรับผู้ประกันตน โดยผลักดันการขยายการรักษาพยาบาลแบบปฐมภูมิและการลดความแออัดในโรงพยาบาล

 

ตลอดเส้นทางการทำงาน ผมได้พบกัลยาณมิตรมากมาย ผู้ซึ่งไม่ได้นำเงินทองหรือยศถาบรรดาศักดิ์มาให้ แต่นำพาความกล้าหาญทางจริยธรรม ความเมตตา และจิตวิญญาณแห่งการรับใช้ประชาชนมาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง

พวกเขาคือผู้ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างความถูกต้อง แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก

ผมอยากขอบคุณพวกเขาอย่างจริงใจ พวกเขาที่อยู่ทุกภาคส่วนที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัว

พวกเขาเป็นป้ายบอกทางของยุคสมัย ไม่ใช่แค่กังหันที่เอนลู่ตามลมไปเรื่อยๆ

เส้นทางข้างหน้าอาจยังมีความท้าทายรออยู่ แต่ด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นและความหวัง เราจะก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปด้วยกัน เพราะสิ่งที่เราต่อสู้นั้นยิ่งใหญ่กว่าตัวเราเอง คือการสร้างระบบประกันสังคมที่เป็นธรรม เพื่อให้ทุกชีวิตได้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและความหวัง

เพราะวันนี้เราไม่มีอะไรต้องเสียนอกจากโซ่ตรวน แต่มีโลกทั้งใบรอให้เราพิชิต