นางกวัก มาจากไหน?

ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ

นางกวัก เป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังยอดนิยมของชาวไทย (และรวมไปถึง “มูเตลูชน” ชาติพันธุ์อื่นๆ ทุกเผ่าพันธุ์) โดยเชื่อกันว่า นางในปรัมปรานิยายนี้จะสามารถ “กวัก” โชคลาภเงินทอง หรือสิ่งดีๆ มาให้กับผู้บูชาได้

แต่อะไรที่เรียกว่า “นางกวัก” นี้กลับมีความเป็นมาที่คลุมเครือ สืบค้นประวัติความเชื่อ ที่ดูมีมูลน่าเชื่อถือได้ยากเอาการทีเดียวนะครับ

โดยเฉพาะข้อมูลเท่าที่มักจะอ้างต่อๆ กันมาในอินเตอร์เน็ตนั้น ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นใหม่ในยุคหลังกันทั้งนั้น

เช่น เรื่องที่อ้างว่านางมีชีวิตอยู่ในสมัยพุทธกาล และได้มีโอกาสทำบุญตักบาตรให้กับพระอรหันต์องค์สำคัญถึง 2 รูป คือ พระมหากัสสป และพระสิวลี จึงมีฤทธิ์สามารถกวักเอาทรัพย์สินโชคลาภเข้ามาได้

ซึ่งก็แน่นอนว่า เรื่องราวดังกล่าวไม่ได้ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก หรือคัมภีร์ในพุทธศาสนาฉบับใดๆ เลยสักนิด

 

นิทานอธิบายเหตุอีกเรื่องที่ก็มีให้อ่านได้อยู่ในแหล่งข้อมูลตามอินเตอร์เน็ต แต่ดูจะน่าสนใจยิ่งกว่า อ้างว่า นางกวักนั้นเป็นลูกสาวของ “ปู่เจ้าเขาเขียว” ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับพญายักษ์ตนหนึ่งที่มีชื่อว่า กกขนาก

เดิมพญายักษ์มีชื่อว่า อุณราช เป็นเจ้านครสิงขร แต่ครั้งหนึ่งในระหว่างที่พระรามกำลังตามหานางสีดาอยู่นั้น ได้แผลงศรที่ทำจากต้นกกปักอกพญายักษ์ตนนี้เอาไว้

ดังนั้น ผู้คนจึงเรียกยักษ์ตนนี้ว่า กกขนาก

พระรามได้สาปให้ศรตรึงยักษ์ตนนี้ไว้จนกว่าพระศรีอาริย์จะมาประกาศพระศาสนาอีกครั้ง ในถ้ำบนเขาวงพระจันทร์ ทางตอนเหนือของเมืองลพบุรี

นางประจันทร์ผู้เป็นธิดาของพญายักษ์ทราบเรื่องเข้า จึงมาปรนนิบัติพ่อของตนเอง แต่ชาวบ้านชาวเมืองเกรงว่าจะทำให้พญายักษ์กกขนากฟื้นคืนกำลังขึ้นมา จึงพากันกลั่นแกล้งนางประจันทร์กันสารพัด

จนเรื่องทราบถึงหูของปู่เจ้าเขาเขียว จึงได้ส่งลูกสาว ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามของตนเองมาช่วยนางประจันทร์ปรนนิบัติยักษ์กกขนากผู้เป็นสหายของตนเอง และอยู่เป็นเพื่อนนางประจันทร์ เพื่อจะให้คลายทุกข์โศกลงบ้าง

ปรากฏว่า เมื่อธิดาของปู่เจ้าเขาเขียวมาอยู่ด้วย ชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายที่เคยจงเกลียดจงชังธิดาของพญายักษ์นางนี้ ต่างก็กลับใจมารักเอ็นดูนางประจันทร์มันเสียอย่างนั้น

แถมยังนำของกำนัลมาให้กับนางอย่างไม่หยุดหย่อน

นางประจันทร์จึงได้ตั้งชื่อให้ลูกสาวของปู่เจ้าเขาเขียวว่า “แม่นางกวัก”

เพราะได้กวักเอาผู้คนและโชคลาภเข้ามาหา จนทำให้พระเกจิอาจารย์ผู้มีฤทธิ์ทางเวทมนตร์ได้สร้างรูปแม่นางกวักเอาไว้ เพื่อมีฤทธิ์ทางมหานิยมนั่นเอง

 

แน่นอนว่า เรื่องเล่าของนางกวักเรื่องหลังนี้ก็เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นใหม่ในชั้นหลังเพื่ออธิบายเหตุว่า ทำไมจึงมีการสร้างรูปนางกวักขึ้น ด้วยความเชื่อทางด้านมหานิยม ไม่ต่างอะไรกับเรื่องเล่าเรื่องแรกที่ผมได้เล่าให้ฟังหรอกนะครับ

แต่ที่ผมบอกว่า เรื่องของนางกวักเรื่องหลังนั้น “น่าสนใจยิ่งกว่า” เรื่องแรก มีเหตุผลอยู่ 2 ข้อ

ข้อแรกคือ เป็นเรื่องเล่าที่อิงอยู่กับชุดความเชื่อที่ควรจะมีมาก่อน คือความเชื่อที่ว่า นางกวักนั้น เป็นลูกสาวของปู่เจ้าเขาเขียว ดังจะเห็นได้ว่า ในคาถาบูชานางกวักซึ่งมีอยู่มากมายหลายสำนวนนั้น ต่างก็มักจะมีข้อความคล้ายคลึงกันอยู่ทั้งหมด คือข้อความที่ว่า

“โอม ปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกสาวคนเดียว ชื่อว่า แม่นางกวัก”

มักจะอธิบายกันว่า “ปู่เจ้าเขาเขียว” นั้นคือ “พนัสบดี” แปลตรงตัวว่า “เจ้าป่า เจ้าเขา” ซึ่งก็คงจะไม่ใช่คำอธิบายที่ผิดพลาดอะไร เพราะชื่อของพ่อปู่ท่านก็บอกอยู่ทนโท่นะครับว่า เป็น “เจ้า” ของ “เขาเขียว”

อย่างไรก็ตาม เราไม่มีพยานยืนยันได้ว่า ความเชื่อว่า “นางกวัก” เป็นลูกสาวของ “เจ้าป่า เจ้าเขา” นั้น เก่าแก่เพียงไร? และทำไมเธอถึงมีฤทธิ์ทางเมตตามหานิยม สามารถกวักโชคลาภเงินทองเข้ามาได้? อยู่ดีนั่นแหละ

 

เหตุผลข้อ 2 ที่ทำให้ผมคิดว่าเรื่องเล่าดังกล่าวน่าสนใจ เป็นเพราะว่าท้องเรื่องเกิดขึ้นในละแวกเมืองลพบุรี ดังจะเห็นได้ว่าพญายักษ์กกขนากนั้น ถูกพระรามสาปไว้ในถ้ำบนเขาวงพระจันทร์

“ลพบุรี” นั้นเป็นชื่อใหม่ของเมือง “ละโว้” ที่เพิ่งจะมาเปลี่ยนเอาเมื่อ สมเด็จพระนารายณ์ แห่งกรุงศรีอยุธยา (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.2199-2231) เสด็จมาประทับที่เมืองนี้ แล้วสร้างพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ ขึ้นมาเท่านั้นนะครับ

ส่วนเหตุผลที่เปลี่ยนชื่อเมืองเข้าใจว่าเป็นเพราะต้องการเปลี่ยนให้ชื่อเมืองเกี่ยวข้องกับพระราม (ที่เกี่ยวพันอยู่กับพระนามของ สมเด็จพระนารายณ์ อีกทอดหนึ่ง) โดยคำว่า “ลพ” ในชื่อเมืองนั้น หมายถึง “พระลพ” ผู้เป็นบุตรชายของพระราม ในรามเกียรติ์ นั่นเอง

การเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นลพบุรีนี้เอง ที่ทำให้สิ่งต่างๆ ในเมืองแห่งนี้ถูกลากโยงเข้ากับรามเกียรติ์ไปหมด เช่น ทะเลสาบชุบศร ที่มีนิทานเล่าว่า ได้ชื่อจากการที่พระรามแผลงศรพรหมาสตร์มาตกลงที่นี่ โดยกำหนดให้บริเวณที่ศรตกเป็นเมืองของหนุมาน หรือเขาสมอคอน ที่มีนิทานเล่าว่าในขณะหนุมานกำลังเหาะกลับมาจากการไปนำเอาต้นสังกรณีตรีชวา มาทำยาให้พระลักษมณ์ที่ต้องหอกโมกขศักดิ์

ด้วยความรีบร้อนจึงยกเอาเขาที่ไม้สมุนไพรดังกล่าวขึ้นอยู่ไปทั้งลูก ระหว่างทางดิน หินที่แบกมาก็ตกหล่นลงบนทุ่งนา จนเกิดเป็นเขาลูกเล็กๆ คือ เขาสมอคอน ขึ้นบนกลางทุ่ง เป็นต้น

ดังนั้น จึงไม่แปลกอะไรนักที่หากนิทานอธิบายเหตุเรื่องใดเล่าถึงเรื่องราวในลพบุรีแล้ว จะอ้างถึงรามเกียรติ์

 

แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในเขต จ.ลพบุรี มีพิธีกรรม (แต่ปัจจุบันมักเรียกว่า การละเล่น) ที่เรียกว่า “การเล่นแม่นางกวัก”

คำว่า “กวัก” ในที่นี้ไม่ใช่คำกริยา ที่หมายถึง ท่าทางกวัก แต่เป็นคำนาม หมายถึง อุปกรณ์ชนิดหนึ่งในกลุ่มเครื่องมือที่ใช้เตรียมเส้นด้าย หรือเส้นไหม ก่อนใช้ทอผ้า บางทีก็เรียกว่า “อัก”

ส่วน “แม่นางกวัก” ที่ว่า ก็คือ “ผี” ที่สิงอยู่ในเครื่องมือที่เรียกว่า “กวัก” หรือ “อัก” นี่เอง

กล่าวโดยสรุป การเล่นแม่นางกวักนั้น ก็คือการเข้าทรงผีที่สิงอยู่ในกวัก โดยจะนำเอากวักมาสวมใส่เสื้อผ้า เหมือนเป็นลำตัวของแม่นางกวัก แล้วนำไม้คานมาสอดทะลุลอดแขนเสื้อทั้งสองข้าง นัยว่าเป็นแขน จากนั้นแต่ดั้งเดิมก็จะเอากะลามะพร้าวมาทำวาดหน้าทาปากเป็นศีรษะ แต่ปัจจุบันจะเลือกหาอุปกรณ์ตามสะดวก

ในพิธีจะมีหญิงสาวสองคน ถือกวักกันคนละข้าง ทางด้านหน้าของหุ่นนางกวักนั้น จะมีกระด้งบรรจุทรายปาดหน้าทรายจนเรียบ ไว้ใช้สำหรับให้ผีนางกวักเขียนตอบคำถามจากผู้เข้าร่วมพิธี

จากนั้นจะมีพิธีอัญเชิญผีนางกวักมาเข้าทรง โดยมีเครื่องเซ่นสรวงบูชาต่างๆ แล้วให้ผู้เข้าร่วมพิธีนั่งล้อมเป็นวง แล้วร่วมกันร้องเชิญนางกวัก (ซึ่งมีหลากหลายสำนวน ตามแต่ละพื้นที่) วนซ้ำไปมาจนกว่าแม่นางกวักจะลงทรง

จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีก็จะตั้งคำถามให้แม่นางกวักตอบโดยการใช้แขน ที่สมมุติขึ้นจากไม้คานเขียนคำตอบสั้นๆ ลงบนผืนทรายในกระด้งที่จัดเตรียมไว้

การเล่นแม่นางกวักจะจัดขึ้นในช่วงสงกรานต์ของทุกปี เช่นเดียวกับการเล่นเข้าทรงผีเครื่องมือเครื่องใช้ประเภทอื่นๆ เช่น ผีนางด้ง (กระด้ง) ผีครก ผีสาก โดยจะทำกันในกลุ่มลาวพวน และลาวครั่ง ที่อาศัยอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ในกรณีของพื้นที่ จ.ลพบุรี ก็เช่น กลุ่มลาวพวน ที่ ต.บ้านทราย อ.บ้านหมี่ เป็นต้น

ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า “นางกวัก” ที่อยู่ในเรื่องเล่าของพญายักษ์กกขนาก ที่ถูกสาปไว้ในถ้ำบนเขาวงพระจันทร์ ซึ่งก็คือภูเขาลูกสำคัญในเขต จ.ลพบุรีนั้น จะมีที่มาจาก “ผีนางกวัก” ที่สิงอยู่ในกวัก ที่เป็นเครื่องมือเตรียมเส้นด้าย เส้นไหมทอผ้านี้เอง

โดยคำว่า “กวัก” ซึ่งเป็นชื่อของเครื่องมือเครื่องใช้ที่รู้จักกันเป็นการเฉพาะกลุ่มนั้น พ้องเสียงกับคำกริยาว่า “กวัก” อันเป็นคำที่รู้จักและเป็นที่เข้าใจกันอย่างแพร่หลายมากกว่า จึงทำให้ความหมายเปลี่ยนแปลงไป จนกลายเป็น “นางกวัก” ที่เรียกโชคเรียกลาภ ทรัพย์สิน เงินทอง มีคุณทางเมตตามหานิยม อย่างในปัจจุบันนั่นแหละครับ •

 

On History | ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ