พีระ ‘พัง’ พีระ ‘พ้น’? ก๊วนกอล์ฟซูเปอร์วีไอพี

บทความในประเทศ

 

พีระ ‘พัง’

พีระ ‘พ้น’?

ก๊วนกอล์ฟซูเปอร์วีไอพี

 

แม้ ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล หรือคุณปลื้ม นักวิเคราะห์การเมืองชื่อดัง จะรู้สึกว่าฉายารัฐบาลปี 2567 จากผู้สื่อข่าวทำเนียบ ดูธรรมดาไป เป็นประเด็นที่คนทั่วไปก็รู้ๆ อยู่แล้ว

แต่ต้องยอมรับว่า สำหรับคนส่วนใหญ่ฉายารัฐบาลปีนี้ฮือฮา แสบๆ คันๆ ไม่แพ้ยุครัฐบาลประยุทธ์สมัย 2

หากมองไปที่ดุลอำนาจการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ คนสำคัญที่กำลังตกเป็นเป้าหมายการพูดถึงใน “การเมืองหลังม่าน” มากที่สุด เห็นจะเป็น “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

อันเนื่องมาจากฉายานายพีระพันธุ์ เป็น “พีระพัง”

สื่อทำเนียบรัฐบาลให้เหตุผลที่มาที่ไปของฉายานี้ว่า “พัง” แรก เกิดจากการข้ามขั้วมาจับมือกับตระกูลชินวัตร คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง

หลังนั่งเก้าอี้ใหม่ๆ ก็ประกาศ แก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน

ส่วน “พังที่สอง” คืองานการเมือง สื่อทำเนียบชี้ว่า รวมไทยสร้างชาติ ยุค “หัวหน้าพี” กุมบังเหียน ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบ เกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ไม่รู้จะพังไปก่อนไหม

 

ถามว่าทำไมการเมืองสัปดาห์นี้จึงโฟกัสไปที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวเรือใหญ่รวมไทยสร้างชาติ พรรคทายาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

คำตอบเริ่มขึ้นจากการที่นายทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอิทธิพลทางความคิดแห่งพรรคเพื่อไทย ไปบรรยายพิเศษให้ที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยฟัง

ช่วงหนึ่งนายทักษิณกล่าวตำหนิอย่างรุนแรงไปยังพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคโดยไม่เอ่ยชื่อ หลังไม่ยอมเข้าร่วมประชุม ครม.ในวาระการพิจารณากฎหมายสำคัญ

“มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” คือคำที่หลุดออกมาจากปากอดีตนายกฯ ตามมาด้วย “ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า” และ “ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่”

หลังผู้สื่อข่าวไปตามเช็กหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลไหนไม่เข้าร่วมประชุมวาระสำคัญดังที่นายทักษิณอ้างถึง

ปรากฏเป็นชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นอันดับแรก

นายอนุทินเลือกที่จะชี้แจงเหตุผลที่ไม่เข้าว่าติดธุระที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

แต่คำตอบของคำถามมาเฉลยช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หลังเกิดภาพดวลกอล์ฟชื่นมื่น นายทักษิณ นายอนุทิน และ 2 บิ๊กผู้บริหารธุรกิจพลังงานใหญ่ของประเทศ

ตามมาด้วยการยืนยันอย่างหนักแน่นจากปากนายทักษิณว่าอย่าไปสนใจเรื่องอีแอบ ยืนยันว่าคุยกับภูมิใจไทยอยู่เป็นประจำ

นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ก็ร่วมยืนยันว่านายทักษิณและนายอนุทินสนิทกันมา 20 ปีแล้ว จึงตีกอล์ฟกันชื่นมื่นเป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่าไม่มีอะไร ไม่ได้สยบรอยร้าวอะไร

ตีความแบบชาวบ้านได้ว่า คนจะไล่ออก ขาดความสัมพันธ์จากกัน คงไม่นัดตีกอล์ฟสบายอารมณ์กันแบบนี้

นั่นส่งผลให้ให้คำตอบเรื่อง “อีแอบ” เป็นใคร ขยับมาหา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ทันที เพราะเป็นอีกคนที่ไม่เข้าประชุม

 

เกิดคำถามขึ้นว่า แค่การไม่เข้าร่วมประชุม ครม.นัดเดียวหรือ ที่ทำให้นายทักษิณถึงกับประกาศขู่จะไล่ออกจาก ครม.แรงๆ ขนาดนี้ คำตอบคือไม่… ต้องดูบริบทการเมืองอื่นๆ ที่เกิดก่อนหน้านี้

การไม่เข้าประชุม ครม.เป็นเพียงฟางเล็กๆ เส้นท้ายๆ เตรียมพร้อมการอาจจะขาดความสัมพันธ์ต่อกัน

ต้องไม่ลืมว่ากระทรวงพลังงานคือกระทรวงสำคัญในทางเศรษฐกิจอย่างยิ่ง มีทรัพยากรมหาศาลอยู่ในกำมือ เป็นหนึ่งในกระทรวงที่พรรคเพื่อไทยต้องการตั้งแต่แรก

แต่เพราะสถานการณ์เปลี่ยนข้างทางการเมือง จำเป็นต้องดึงพรรคอนุรักษนิยมอย่างรวมไทยสร้างชาติมาร่วมตั้งรัฐบาล จึงต้องแบ่งเก้าอี้นี้ให้

แต่บริบทการเมืองวันนี้ เพื่อไทยแม้มีเสียง ส.ส. 142 เสียง แต่ก็เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่เข้มแข็งอย่างยิ่ง

ผนึกกับพรรคภูมิใจไทย ที่แม้จะมีอาการ “ขวาง” ในทางนโยบายอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องนโยบายการเมือง การแก้รัฐธรรมนูญ การแก้ กม.ประชามติ การนิรโทษกรรม เสียเป็นส่วนใหญ่ ภูมิใจไทยไม่ได้ขวางนโยบายเรือธงเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อไทยเลย

ภาพก๊วนกอล์ฟวีไอพียิ่งสะท้อนความเหนียวแน่น

ต้องไม่ลืมว่าพรรคประชาชาติ ชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังเหนียวแน่น รวมถึง 5 เสียงของพรรคไทยสร้างไทย ทั้งหมดล้วนเป็นคนระดับ “คุยกันได้” กับนายทักษิณ

และล่าสุดคือ 24 เสียงของพรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มาเป็นตัวแปรสำคัญของพรรคเพื่อไทยให้เข้มแข็งขึ้น

พูดตรงไปตรงมาก็คือ วันนี้ไม่มีรวมไทยสร้างชาติ รัฐบาลเพื่อไทยก็ยังเหนียว

 

มากกว่านั้น ต้องไม่ลืมรากฐาน ที่มาที่ไปของนายพีระพันธุ์

เขาคือหนึ่งในขบวนการต้านนายทักษิณในอดีต ช่วงท้ายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการนายกฯ ทั้งยังมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงได้ชื่อว่าพรรคมรดกทายาท พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแท้จริง

การลดบทบาทนายพีระพันธุ์ หรือทำให้ออกไปจากตำแหน่งทางการเมืองสำเร็จ นัยยะหนึ่งก็ตรงกับที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ เขี่ยรวมไทยสร้างชาติ ก็เท่ากับจัดการ มรดก 3 ป. คนสุดท้ายในระบบการเมืองสำเร็จ

อย่าลืมว่าพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ล้วนเป็นแหล่งรวมอริเก่าบ้านจันทร์ส่องหล้าระดับเชี่ยวกราก และในวันนี้พรรคนี้ก็ได้เคลื่อนมาถึงจุดที่ไม่เหนียวแน่นเช่นเดิม ต่อให้ถูกถอดออกจากการร่วมรัฐบาล ก็ไม่ใช่ว่าทั้ง 36 คนจะเต็มใจไปเป็นฝ่ายค้าน มีบางกลุ่มในพรรคไม่ได้ต้องการเช่นนั้น

ไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมวาทะ “อีแอบ” ไล่พรรคร่วมรัฐบาล จึงเกิดขึ้น

1. คือไล่จริงๆ หรือส่งสัญญาณปูทางล่วงไว้ก่อนจะไล่จริง

2. ก็คือได้ขู่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ด้วยที่กำลังคิดต่อรอง

 

ถามว่า ค่ายรวมไทยสร้างชาติและนายพีระพันธุ์ สู้หรือไม่ หรือเดินเกมต่อรองหรือไม่ อย่างไร คำตอบคือ สู้…

โดนสื่อให้ฉายา “พีระพัง” เฟซบุ๊กทางการของพรรคก็ตอบโต้ทันทีว่า “พังจริง” แต่จะพังการผูกขาด พังระบบที่เน่าเฟะ พังการโกงกิน

ขณะที่นายพีระพันธุ์ก็เดินเกมในสภา นำทีมแถลงยื่นกฎหมายสนับสนุนให้ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงแดด หรือโซลาร์รูฟท็อป

สาระของกฎหมายนี้คือให้คนไทยติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนราชการ ส่งผลให้คนไทยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล

กฎหมายนี้ดูเผินๆ เหมือนไม่กระทบอะไรในทางการเมือง แต่จริงๆ กระทบระดับสูง ใครๆ ก็รู้ว่าร่างกฎหมายนี้สำคัญแค่ไหน และหากทำได้สำเร็จจะเกิดผลอย่างไร

 

คําถามคือว่า ทำไมนายพีระพันธุ์เลือกที่จะเดินเกมเสนอกฎหมายนี้ในช่วงนี้

พาให้นึกถึง นายสุทิน คลังแสง ช่วงนั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม มีข่าวจะหลุดจากเก้าอี้ในการปรับ ครม.เพื่อไทยครั้งแรก จู่ๆ นายสุทินก็ชิงเสนอ กม.ปฏิรูปกองทัพตัดตอนรัฐประหาร จากข่าวว่าเตรียมหลุดจากตำแหน่ง ก็เปลี่ยนเป็นตรงข้าม แล้วก็ได้นั่งตำแหน่งเดิมต่อจริงๆ

กรณีนายพีระพันธ์คงไม่เหมือนนายสุทิน แต่มีวิธีการดำเนินไปในทางคล้ายกัน คือการขยับเพื่อส่งสัญลักษณ์ทางการเมืองบางอย่าง

ยังไม่นับเร็วๆ นี้ที่นายพีระพันธุ์ก็ส่งเสียงตรงกับผู้นำฝ่ายค้าน ไม่เห็นด้วยการซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทน 3,600 เมกะวัตต์ ที่รัฐบาลเพื่อไทยกำลังเดินหน้า

ทั้งหมดคือการท้าชนกลับจากนายพีระพันธุ์ แบบไม่อ้อมค้อม หากรู้จักนายพีระพันธุ์มานาน จะรู้ว่านี่คือนิสัยของเขา สไตล์ผู้พิพากษาเก่า ยึดมั่นในศักดิ์ศรีตัวเอง

แรงมา แรงกลับ เชือดกลับนิ่มๆ

และแน่นอน นายทักษิณ ก็เช่นกัน

จับตาอย่ากะพริบ การเมือง 2568 จะร้อนแรงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว