ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | การเมืองวัฒนธรรม |
ผู้เขียน | เกษียร เตชะพีระ |
เผยแพร่ |
การเมืองวัฒนธรรม | เกษียร เตชะพีระ
‘ต้อนรับปีงูเล็ก 2568’
ปี 2567 ที่เพิ่งมาถึงค่อนข้างสลับซับซ้อนด้วยปัญหาและวิกฤตรุมล้อมรอบด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ทั้งในและนอกประเทศ
แค่คิดอ่านให้ออกว่าควรทำยังไง ระวังอะไรก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว แต่ที่ยุ่งและแย่กว่าคือเรามีระบอบการเมืองที่ไม่สามารถแสดงออกซึ่งเจตจำนงของประชาชนโดยรวม (la volont? g?n?rale) อย่างแท้จริงผ่านสถาบันประดามีของมันได้ (แนวคิดสำคัญในปรัชญาการเมืองของฌอง-ฌากส์ รูสโซ ดู https://www.populismstudies.org/Vocabulary/general-will-volonte-generale/)
มีแต่เจตจำนงของผู้มีอิทธิพลคนนั้นคนนี้ซึ่งไม่ได้ครองฐานะตำแหน่งทางการและมีสิทธิอำนาจตามกฎหมาย หากแต่กลับแบ่งปันกันกุมอำนาจอธิปไตยเร้นลึกไปคนละทางสองทาง (deep sovereignty)
อะไรที่ควรทำ ต้องทำและเร่งทำจึงไม่ได้ทำเพราะไม่มีเจตจำนงทางการเมืองโดยรวมที่จะทำ มีแต่สิ่งที่ตกลงกันได้ว่าจะไม่ยอมให้ทำหรือฉันทามติเชิงนิเสธในเรื่องที่กระทบดุลอำนาจเปราะบางของสังคมการเมืองอย่างสำคัญ ส่วนที่เหลือก็งานรูทีนแบบแผนกิจวัตรประจำวันเหมือนจุดธูปเทียนบนบานศาลกล่าวไหว้เจ้าเมื่อถึงเทศกาล
ในภาวะการเมืองถูกจี้สกัดจุดให้เป็นอัมพฤกษ์เช่นนี้ ชวนให้คิดถึงเกมงูตกกระไดที่เคยเล่นสมัยเด็ก เดินหน้าหาทางไต่กระไดอยู่ดีๆ อาจตกช่องงูไหลปรู๊ดทะรูดทะราดหล่นตุ้บลงมาได้ง่ายๆ (ไม่เชื่อถามอดีตนายกฯ บางท่านดูได้)
ปีงูเล็กนี้จึงต้องอาศัยใจบันดาลแรงเอามากๆ โดยมีแบบอย่างเพื่อนมิตรครูบาอาจารย์เป็นตัวช่วยชูใจให้ลุก ยืนขึ้นเดินหน้าต่อดังนี้ :
แด่ครูผู้เป็นเทียน
เทียนเผาไหม้ตัวเองเพื่อเปล่งแสง ส่องสว่างทางแจ้งแรงเทียนไข
หลอมละลายเลือนลับดับวูบไป จุดเทียนอื่นลุกไหม้สว่างตาม
จากหนึ่งเล่มลุกลามสองสามสี่ เทียนจุดเทียนมิมีใครอาจห้าม
เชื้อปัญญาแผ่กว้างสว่างวาม เปล่งปรากฏงดงามข้ามค่ำคืน
รอยครู
ทีละแถวเรียงถ้อยร้อยบรรทัด ทีละคำเนื่องขนัดเชิงอรรถอ้าง
ทีละข้อคิดคืบสืบสานทาง ค้นโลกอันเลือนรางหมั่นขัดเกลา
กระดาษว่างค่อยกลายเป็นลายเส้น พื้นที่ว่างค่อยเห็นโครงสร้างเสา
มีรากฐานมุมแง่และเงื้อมเงา นักเรียนน้อยวัยเยาว์พอเข้าใจ
รอยความคิดล้มลุกผู้บุกเบิก แผลถลอกปอกเปิกกรุยทางใหม่
คนแปลกหน้าทั้งหลายรายถัดไป ได้อาศัยรอยร่องลองเดินตาม
คนเดินก่อนถึงไหนใคร่จะรู้ คนเดินตามทุกผู้นึกไถ่ถาม
คำครูสอนบอกทางอย่างงดงาม ให้แสวงหาความหมายต่อไป
แด่อาจารย์ของปวงชน
ประชาชนปกป้องคนของเขา ผู้ค้นความจริงเอามาตีแผ่
เมื่ออำนาจเกเรเล่นรังแก มือกุมมือแน่วแน่ประคับประคอง
ดอกไม้งามหอมกรุ่นพาอุ่นอก อาหารคาวหวานพกมาสนอง
ป้อนน้ำใจให้กันฉันพี่น้อง ประชาชนปกป้องคนของตน
ปิดทองหลังปก
ข้างหลังของปกหลังใช่ว่างเปล่า มีรอยเงาหยาดเหงื่อหนุนเนื้อหา
ด้วยเรี่ยวแรงแข็งขันปลูกปัญญา เพื่อใต้ฟ้าเดียวกันบรรเจิดงาม
ไม่โดดเด่นเสียงชื่อหนังสือส่ง ไม่มีภาพพิมพ์ลงปกอร่าม
แบกรับภัยภาระคดีความ ผองเพื่อนนิรนามผู้เบิกฟ้า
ย้อนรอยแผล
แผลความจำในใจฝังไว้ลึก กลบกดความรู้สึกสู่ก้นบึ้ง
ใต้สำนึกคับแค้นแน่นเครียดตึง คนทำคนเหมือนหนึ่งไม่ใช่คน
คนก่อกรรมทำเข็ญไม่เป็นธรรม กลั้นสะอื้นกลืนกล้ำก็หลายหน
น้ำตาเดือดคุกว่าลาวาวน ระเบิดพรั่งพรูบนสนามบอล
เสียงกล่าวโทษข้ามกึ่งศตวรรษ เสียงโหยหวนถนัดตามหลอกหลอน
เสียงทวงถามแกร่งกร้าวร้าวราญรอน อกแผ่นดินรุ่มร้อนระงมครวญ
ความจริงใจของคนจริง
คนจริงพูดจะแจ้ง จริงใจ
ค้อนทุบโทษลงไป ปากแห้ง
คำกะล่อนเหลวไหล ลิงหลอก เจ้าเฮย
กระหึ่มก้องเสแสร้ง ศัพท์อื้ออึงอล
เกินกว่าซี่กรงขัง
ซี่กรงขวางกางกั้นกันรอบทิศ ล่ามโซ่ตรวนตรึงติดอยู่คาขื่อ
ก่อกำแพงสูงแบ่งแย่งยุดยื้อ เหตุผลยังดึงดื้อเผยแผ่ไป
อำนาจสั่งขังได้ก็แต่คน ฤๅจะขังเหตุผลได้ไฉน
ฤๅจะขังความจริงสิ่งแจ้งใจ จะวิ่งหนีอย่างไรก็ไม่พ้น
บุรุษรัตน์แห่งยุคสมัย
บุรุษรัตน์แกว่นกล้า กลางไผท
เปล่งสัจจะจากใจ เจิดจ้า
เพื่อโลกเพื่อลูกใน อนาคต
อยู่เยี่ยงคนทั่วหล้า ลุกขึ้นเท่าเทียม
ตรวนล่ามกายล่ามได้ แต่ตัว
ใจกระพือปีกรัว ลัดฟ้า
ซี่กรงกักกั้นกลัว เสียงกู่ ก้องเฮย
จริงเท็จเที่ยงตรงหน้า หน่ายใบ้เบือนหนี
สิบหกศักราชห้วง โหดเขลา
ฤๅฟอกดำด่างเทา เที่ยวล้าง
มิจฉาทิฐิเงา งำครอบ
สละตนสืบสร้าง สืบสู้สยามสมัย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022