ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 ธันวาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | คุยกับทูต |
เผยแพร่ |
คุยกับทูต | วิคเตอร์ เซเมนอฟ
สงครามไม่ได้เป็นอุปสรรค
สัมพันธ์ไทย-ยูเครน ยังคงแข็งแกร่ง (2)
สงครามที่เกิดขึ้นกับยูเครนส่งผลกระทบต่อการค้า มีการดำเนินการอะไรบ้าง
นายวิคเตอร์ เซเมนอฟ (Mr. Viktor Semenov) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตยูเครน ชี้แจงว่า
“ดังที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ การค้าระหว่างประเทศของเราทั้งสอง โดยเฉพาะในสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ เช่น ธัญพืช มีความสำคัญมาโดยตลอด มีมูลค่าหลายพันล้านบาทต่อเดือน ที่น่าทึ่งคือ แม้จะมีความท้าทายจากสงคราม ปริมาณการค้ากลับเพิ่มขึ้นกว่า 8.5 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
โดยธัญพืชเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจาก 232.4 ล้านบาทในเดือนตุลาคมของปีที่แล้วเป็น 2 พันล้านบาทในเดือนตุลาคมของปีนี้ ตามวันที่ของกรมศุลกากรแห่งรัฐยูเครน ในช่วง 10 เดือนของปี 2024 มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างยูเครนและไทยสูงถึง 386 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่เราเคยมีในปี 2020
การเติบโตนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หากคุณตรวจสอบข้อมูล คุณจะเห็นว่าการค้าพุ่งสูงขึ้นทันทีที่เราดำเนินการตามเส้นทางเดินเรือมนุษยธรรมในทะเลดำที่จัดตั้งโดยกองทัพเรือยูเครนหลังรัสเซียถอนตัวออกจากโครงการริเริ่มธัญพืชทะเลดำ และการรักษาเส้นทางเดินเรือที่สำคัญไว้ได้ การบรรเทาภัยคุกคามจากการโจมตีของรัสเซียและการใช้เรืออย่างผิดกฎหมาย เราจึงมั่นใจได้ว่าสินค้าที่สำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกจะผ่านได้อย่างปลอดภัย
นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าบูรณภาพแห่งดินแดนไม่ใช่แค่แนวคิดทางการเมืองหรือทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่ออุตสาหกรรมการดำรงชีพ และเศรษฐกิจในประเทศของเราทั้งสอง เมื่อรักษาอำนาจอธิปไตยไว้ได้ ความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองก็จะตามมา เป็นการเตือนใจที่ทรงพลังว่าทำไมเราต้องปกป้องหลักการเหล่านี้ร่วมกันต่อไป เพราะไม่เพียงแต่จะเกิดประโยชน์ต่อยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงต่อพันธมิตรทั่วโลกของเราด้วย
นอกจากนี้ ผมต้องการเน้นความสนใจเป็นพิเศษถึงวิธีที่ยูเครนช่วยให้โลกมีเสถียรภาพและความปลอดภัยแม้ว่าจะต้องเผชิญกับการรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซีย ด้วยการผนึกกำลังกันต่อต้านความวุ่นวายและวิกฤตอาหารที่เป็นผลมาจากการรุกรานของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านโครงการ ‘ธัญพืชจากยูเครน’ (Grain from Ukraine) ซึ่งเป็นโครงการอาหารเพื่อมนุษยธรรมที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) แห่งยูเครน เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2022 และนำเสนอในระหว่างการประชุมสุดยอดนานาชาติครั้งแรกเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารในกรุงคีฟ

โครงการดังกล่าวได้รับการดำเนินการร่วมกับโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติอย่างใกล้ชิด ในขณะที่การรุกรานและการปิดล้อมของรัสเซียส่งผลกระทบต่อการขนส่งทางน้ำ ท่าเรือที่สำคัญในการค้าธัญพืชทั่วโลกต้องหยุดชะงัก ยูเครนจึงพยายามปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีต่อชุมชนโลกเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารระดับโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามสูตรสันติภาพของประธานาธิบดีเซเลนสกี ดังนั้น ‘ธัญพืชจากยูเครน’ จึงมอบอาหารที่จำเป็นแก่ผู้คนนับล้านในภูมิภาคที่เสี่ยงต่อความหิวโหยมากที่สุด ช่วยเสริมสร้างบทบาทของยูเครนในระดับโลกในฐานะผู้ค้ำประกันความมั่นคงทางอาหารระดับโลก
ในการประชุมสุดยอดระหว่างประเทศครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน เรื่องความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงคีฟ ภายใต้โครงการด้านมนุษยธรรม Grain from Ukraine หลังจากการประชุมสุดยอด ประเทศที่เข้าร่วมได้ให้คำมั่นที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมสำหรับ Grain from Ukraine มูลค่าประมาณ 44 ล้านเหรียญสหรัฐ การประชุมสุดยอดเน้นย้ำในหัวข้อการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืนและการปรับปรุงสุขภาพของผู้คนในอนาคตผ่านการปฏิรูประบบอาหารในโรงเรียน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยูเครนพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์และทรัพยากรของตน
ผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเน้นย้ำว่าการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บธัญพืชของยูเครนโดยรัสเซีย รวมถึงการปิดกั้นแหล่งจัดหาธัญพืช เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางอาหารของผู้คนนับล้านทั่วโลก การรับรองแถลงการณ์ร่วม เป็นการยืนยันถึงพันธกรณีร่วมกันและกำหนดกรอบการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้กับความหิวโหย ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน และรับรองโครงการที่มุ่งเป้าไปที่การลงทุนเพื่อสุขภาพของคนรุ่นอนาคต”

หลังประสบกับความอดอยากที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างโหดร้าย-ว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน ด้วยความอดอยากที่เรียกว่า Holodomor ในปี 1932-1933 ยูเครนจะไม่ยอมให้รัสเซียใช้ความอดอยากเป็นอาวุธโจมตีตนเองหรือประเทศอื่นๆ ในโลกอีกต่อไป
“ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ประเทศที่ประสบปัญหาความอดอยากจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ไขวิกฤตการณ์เฉพาะหน้า
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาความมั่นคงทางอาหารในระยะยาวอยู่ที่การเสริมอำนาจให้ประเทศเหล่านี้ผลิตอาหารเพียงพอด้วยตนเอง การลงทุนด้านการศึกษา เทคโนโลยีการเกษตร และการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนจะสร้างเงื่อนไขสำหรับการพึ่งพาตนเอง ลดการพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศ กระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพิ่มความสามารถในการรับมือต่อความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศและเศรษฐกิจ

โดยผมมั่นใจว่าหัวข้อเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งผู้แทนของประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารและความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจัดขึ้นภายใต้กรอบของสูตรสันติภาพ”
อุปทูตเซเมนอฟ กล่าวว่า
“เราขอแสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนของประเทศไทยเพื่อการบรรลุสันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืนสำหรับยูเครน”
“และขอเน้นย้ำว่า อาหารของยูเครนประกอบด้วยธัญพืชหลายสิบล้านตันซึ่งไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากไม่มีประเทศใดที่สามารถผลิตอาหารของตนเองได้เพียงพอภายใน 4-5 ปีข้างหน้า” •


รายงานพิเศษ | ชนัดดา ชินะโยธิน
Chanadda Jinayodhin
คุยกับทูต | วิคเตอร์ เซเมนอฟ สงครามไม่ได้เป็นอุปสรรค สัมพันธ์ไทย-ยูเครน ยังคงแข็งแกร่ง (1)
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022