
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 ธันวาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ฝนไม่ถึงดิน |
ผู้เขียน | ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี |
เผยแพร่ |
สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลก มีกองทัพและเทคโนโลยีมากมายมหาศาล เป็นที่ตั้งของโรงเรียนแพทย์ที่มีชื่อเสียง บริษัทยามูลค่าสูง มีมหาเศรษฐีมากมาย
แต่น่าเศร้าที่ประชาชนยังโกรธแค้นจากความเจ็บป่วย ความยากจนแร้นแค้นที่อยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์
“ยิงกลางหลัง” – เสียงปืนที่ดังขึ้นหน้าโรงแรมหรูกลางแมนฮัตตัน ไม่ใช่แค่การสังหารซีอีโอบริษัทประกันยักษ์ใหญ่
แต่มันคือเสียงสะท้อนของระบบสาธารณสุขอเมริกันที่มีปัญหาอย่างหนัก
แมงจิโอเน่โดยพื้นหลังแตกต่างดูไม่ใช่อาชญากรโหดเหี้ยม
เขาเป็นเด็กหนุ่มหัวดี จบไอวี่ลีก เคยทำงานเป็นวิศวกรข้อมูล
การกระทำของเขาได้ตีแผ่ปีศาจร้ายที่ชื่อว่า “ระบบประกันสุขภาพอเมริกา”
“Three Ds” – “ปฏิเสธ” (deny), “ป้องกัน” (defend) และ “ปลด” (depose) คำสามคำที่ถูกเขียนบนปลอกกระสุน สะท้อนความเจ็บปวดของผู้ป่วยนับล้านที่ต้องเผชิญกับกลยุทธ์สามประสานของบริษัทประกัน วนเวียนอยู่ในวังวนของเอกสาร การต่อสู้ทางกฎหมาย และการพิสูจน์ความเจ็บป่วยของตัวเอง
“พวกปรสิตพวกนี้สมควรแล้ว” – ประโยคในจดหมายของแมงจิโอเน่ สะท้อนความแค้นที่สั่งสมมาจากระบบที่มองมนุษย์เป็นแค่ตัวเลขในสมการกำไร-ขาดทุน ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้คำว่า “complicated healthcare system”
ระบบที่ซับซ้อนเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้าใจ แต่ง่ายพอที่บริษัทประกันจะหาช่องทางปฏิเสธการจ่ายเงิน
เราอาจประณามการฆาตกรรม แต่เราไม่อาจปฏิเสธว่าระบบประกันสุขภาพอเมริกาคือโศกนาฏกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ทุกวัน
ที่ซึ่งคนป่วยต้องเลือกระหว่างการรักษาชีวิตกับการล้มละลาย
ที่ซึ่งหมอต้องคำนวณว่าการรักษาแบบไหนที่ประกันจะจ่าย
แทนที่จะคิดว่าการรักษาแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้
แมงจิโอเน่อาจถูกจับได้ แต่ปีศาจตัวจริงยังลอยนวลอยู่ในตึกสูงระฟ้า
ในห้องประชุมที่คุยกันแต่เรื่องผลประกอบการและราคาหุ้น ในระบบที่แปรเปลี่ยนความเจ็บป่วยให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ
ระบบประกันสุขภาพเอกชนในสหรัฐอเมริกาได้สร้างวิกฤตความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพที่รุนแรงและซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนในวงกว้าง จากรายงานของศูนย์วิจัยทางการแพทย์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากถูกปฏิเสธการรักษาในระยะแรก ด้วยข้ออ้างเรื่อง “pre-existing conditions” หรือ “โรคที่เป็นอยู่ก่อน” การทำประกัน ส่งผลให้หลายรายต้องรอจนโรคลุกลามถึงขั้นรุนแรงก่อนจะได้รับการรักษา
สถิติปี 2022 ชี้ให้เห็นว่า สัดส่วนการล้มละลายส่วนบุคคลในสหรัฐมีสาเหตุมาจากหนี้ค่ารักษาพยาบาลในอัตราที่สูง
แม้ผู้ป่วยจะมีประกันสุขภาพ แต่ค่าใช้จ่ายส่วนที่ต้องร่วมจ่าย (co-pay) และค่ารับผิดส่วนแรก (deductible) มักสูงเกินกำลังของครอบครัวทั่วไป จนหลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านและทรัพย์สินเพื่อรักษาชีวิตของคนที่รัก การปฏิเสธการรักษาที่จำเป็นเป็นปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่ง
มีรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับการที่บริษัทประกันปฏิเสธการผ่าตัดหรือการรักษาที่แพทย์ระบุว่าจำเป็น โดยมักอ้างว่าเป็น “ไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์”
สะท้อนให้เห็นว่าการตัดสินใจทางการแพทย์ถูกแทรกแซงด้วยผลประโยชน์ทางธุรกิจ
ความซับซ้อนของระบบยังก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม โรงพยาบาลหลายแห่งมีอัตราค่ารักษาที่แตกต่างกันอย่างมากสำหรับการรักษาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับประกันที่ผู้ป่วยใช้
นอกจากนี้ ยังมีการเลือกปฏิบัติโดยปฏิเสธการทำประกันสำหรับผู้ที่มีประวัติการรักษาทางจิตเวช แม้จะไม่มีอาการมาเป็นเวลานาน
ปัญหา “out-of-network” หรือการรักษานอกเครือข่ายยังสร้างภาระหนี้มหาศาลให้กับผู้ป่วย
โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉินที่ผู้ป่วยไม่มีทางเลือกในการเลือกโรงพยาบาล ค่ารักษาในกรณีเช่นนี้อาจสูงถึงหลายหมื่นดอลลาร์
อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของบริษัทประกันคือ “กรมธรรม์” และ “เงื่อนไข” ที่ซ่อนอยู่ในตัวหนังสือเล็กๆ ในสัญญาหนาเป็นร้อยหน้า ที่ไม่มีใครอ่านจนจบ แต่ทุกคนต้องเซ็นชื่อยอมรับ
ความโกรธของแมงจิโอเน่อาจผิดทาง แต่มันสะท้อนความสิ้นหวังของผู้คนที่ถูกบดขยี้ด้วยระบบที่ไร้หัวใจ
ระบบที่ทำให้การเจ็บป่วยกลายเป็นการต่อสู้สองด้าน ทั้งกับโรคและกับบริษัทประกัน
เสียงปืนที่ดังขึ้นอาจเงียบลงแล้ว แต่เสียงร้องของผู้ป่วยที่ถูกปฏิเสธการรักษา เสียงสะอื้นของครอบครัวที่ต้องขายทุกอย่างเพื่อประคองชีวิตคนที่รัก ยังคงดังก้องอยู่ทั่วอเมริกา
นี่คือโศกนาฏกรรมที่ไม่มีวันจบ
ตราบใดที่ระบบยังมองว่าสุขภาพคือสินค้า
และชีวิตคือตัวเลขในงบดุล
ตราบใดที่คำว่า “การรักษา” ยังต้องมาพร้อมกับคำว่า “ผลกำไร” ระบบสาธารณสุขที่เป็นธรรม ก็คงไม่เกิดในสหรัฐอเมริกา ประเทศศูนย์กลางของระบบทุนนิยมโลก
และหวังว่าไทยสามารถเรียนรู้ได้ถึงปัญหาระบบการบริการสาธารณสุขจากสหรัฐอเมริการในครั้งนี้
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022