“บ้านป่ารอยต่อ” ถนนสายการเมืองอุดตัน | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

“บ้านป่ารอยต่อ” ของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” บิ๊กบราเธอร์ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในตอนนี้ บอบช้ำสะบักสะบอมหนักยิ่งกว่า “หมู่บ้านกระสุนตก” อาการสาหัสมาก เคราะห์ใหญ่หลวงกำลังมาเยือน แตกพ่ายทางการศึก เกิดโกลาหล บ้านถูกวางเพลิง เหลือแต่ซากปรักหักพัง ตอกับเถ้าถ่าน

“ลุงป้อม” อยู่ในสภาพที่น่าสงสาร สถานะอยู่ในช่วงที่ลำบาก มองไปทางทิศไหนเจอแต่อุปสรรค พบพานแต่ปัญหา รู้สึกเหมือนเดินโดดเดี่ยวอยู่ในอุโมงค์ที่มองไม่เห็นแสงสว่าง ท้อแท้ ผิดหวัง เหนื่อยล้าจากปัญหาต่างๆ ที่ถาโถงไม่รู้จักจบจักสิ้น

ประวัติศาสตร์ทางการเมือง-การทหาร อาจจะมีหลายหน้า หลายด้าน แต่เมืองไทยต้องจารึกชื่อไว้ว่า กาลครั้งหนึ่ง กลุ่มนายทหารที่ถูกเรียกว่า “พี่น้อง 3 ป.” เติบโตมาจากรั้วทหาร ผ่านเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบกมาทั้ง 3 คน ประกอบด้วย “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-พี่รอง-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา-น้องเล็ก-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

“ป้อม-ป๊อก-ป.ประยุทธ์-ตู่” วางเกมสืบทอดอำนาจใช้ชื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทำการปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 อ้างว่า เพื่อยุติความขัดแย้งของบ้านเมืองที่มีการชุมนุมนั้น และ “ขอเวลาไม่นาน” ในการจัดระเบียบประเทศ โดยขอจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวเข้ามาแก้ปัญหา

โดยพี่น้อง 3 ป.แบ่งบทบาทกันกำกับ ควบคุมดูแลศูนย์อำนาจ 3 ส่วนไว้ในมือคนละด้าน “พล.อ.ประยุทธ์” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมศูนย์อำนาจ “พล.อ.ประวิตร” ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ “พล.อ.อนุพงษ์” ฉีกตัวไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

“พี่น้อง 3 ป.” อุปภัมภ์ค้ำชูกันมายาวนาน ตั้งแต่เมื่อครั้งรับใช้ชาติในค่ายทหารเสือราชินี หรือ “กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์” ค่ายนวมินทราชินี อ.เมือง จ.ชลบุรี สารตั้งต้นชื่อกระฉ่อน รู้จักกันในนาม “บูรพาพยัคฆ์” มาด้วยกัน

การแชร์อำนาจกำกับดูแลของสามพี่น้องต่างสายเลือด เวิร์กมากๆ นอกจากรวมศูนย์อำนาจทุกภาคส่วนไว้ในมือแล้ว ในการแต่งตั้งบุคคลมาดำรงตำแหน่ง 5 องค์กรตามไฟต์บังคับของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 หรือที่เรียกว่า “แม่น้ำ 5 สาย” ที่ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ 3 คนเป็นตัวหลักในการเคาะชื่อ ให้ใครเป็นก็ได้ ต่อยอดมาถึงสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ หรือแม้กระทั่งการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ชุด 250 คน ที่เป็นชุดเฉพาะกาล ทั้ง 3 คนมีบทบาทสำคัญ แต่ “มือเคาะ” ตัวจริงเสียงจริงคือ “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”

โลกไม่ได้สวยตลอดกาล อำนาจเมื่ออิ่มตัวต้องมีการแบ่งปั่น หลังผูกปีมายาวนาน แต่รัฐบาล คสช.ครบวาระการรวมศูนย์ ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชนตามสัญญา ต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ทางพี่น้อง 3 ป.หันมาต่อสู้บทถนนสายประชาธิปไตย ด้วยการประกาศจัดตั้งพรรคการเมืองที่ชื่อ “พลังประชารัฐ” ขึ้นในปี 2561 โดย “พี่ใหญ่” คือ “บิ๊กป้อม” เป็นตัวจักรคนสำคัญ อยู่หลังฉาก ใช้มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่ตัวเองป็นประธานอยู่ เป็น “ศูนย์บัญชาการทางการเมือง”

และพี่ใหญ่ไม่ทำให้น้องรักต่างสายเลือดผิดหวัง ศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เขตเลือกตั้งพ่ายแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย ที่เข้าป้ายมาถึง 136 เสียง ขณะที่ “พลังประชารัฐ” ได้เพียง 116 ที่นั่ง

แต่เมื่อนำคะแนนมหาชน หรือป๊อปปูลาร์โหวต ที่ พปชร.ได้ 8.4 ล้านเสียง ขณะที่เพื่อไทยได้ 7.9 ล้านเสียง แต่คะแนนพึงมีจากบัญชีรายชื่อเพื่อไทยไม่ได้รับเลยแม้แต่ที่นั่งเดียว “พลังประชารัฐ” จึงแซงเอาโค้งสุดท้าย กลายเป็นพรรคที่มีแต้มนำไปเล็กน้อย สามารถสร้างความชอบธรรมในการเป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาล 19 พรรค จำนวน 254 เสียง

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จึงสง่างามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ที่มาจากการเลือกตั้ง “พล.อ.ประวิตร” ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ “พล.อ.อนุพงษ์” รากงอกอยู่ที่เก่า ว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

มนุษย์ขัดบัญชาสวรรค์ไม่ได้ ศึกเลือกตั้งใหญ่ทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 “ยุคโลกสวย” พี่น้อง 3 ป. มีมุมมองทางการเมืองที่ต่างกัน ต้องตัดสินใจ “แยกกันเดิน” โดย “บิ๊กบราเธร์” ขอสู้ที่พรรคเดิมคือ พปชร. ขณะที่ “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์” ไปทำทัพพรรคใหม่ที่ชื่อ “รวมไทยสร้างชาติ” ส่วน “พล.อ.อนุพงษ์” ประกาศวางมือ ผลการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลที่ชูนโยบาย “มีลุงไม่มีเรา” ชนะถล่มทลาย 151 เสียง ขณะที่ “พลังประชารัฐ” ได้ 40 ที่นั่ง และรวมไทยสร้างชาติได้ ส.ส.เข้าสภาเพียง 36 เสียง

แม้จะได้ 40 ที่นั่ง แต่ “ลุงบ้านป่าฯ” ยังไม่สิ้นหวังในเกมอำนาจ โดยอาศัยติ่งบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ยังให้อำนาจ ส.ว.ชุด 250 คน มีส่วนร่วมกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ “บิ๊กป้อม” แต่งตั้ง ส.ว.มากับมือ เชื่อว่าสามารถกดปุ่มไม่ให้เทคะแนนให้แคนดิเดตจากพรรคคู่แข่งอื่นๆ ได้ ยกแรกลงเอยตามคาดคือ ส.ว.ไม่ได้โหวตให้ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล จนตกม้าตาย

แต่ยกที่สอง ในการโหวตเลือก “นายเศรษฐา ทวีสิน” มีนักเลงดี ตลบหลัง ดึง ส.ว.สายบิ๊กตู่มาเทคะแนนให้ “นายเศรษฐา” อย่างถล่มทลาย

จากนั้น “พี่น้อง 3 ป.” ทยอยปิดฉาก โดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก้าวลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง “องคมนตรี” ขณะที่ “พล.อ.อนุพงษ์” ถือว่าเยี่ยมไปทุกองค์ประกอบ ดุจน้ำปลาตราเด็กสมบูรณ์ขนานแท้ ไม่มีคดีในร้องเรียนจาก ป.ป.ช. หรือศาลติดตัว ร่างกายยังฟิตแอนด์เฟิร์ม ร่ำรวยอู้ฟู่

เหลือแต่ “พี่ใหญ่-ประวิตร” ยังฮึกเหิม คึกคะนองลำพองศึก ไม่ยอมก้าวลงจากหลังเสือ ยังยืนหยัดต่อสู้อยู่ในสมรภูมิแห่งการเมือง โดยไม่รู้กลวิธีแห่งการเอาตัวรอดอย่างไร สุดท้ายเสือกัด

ตอนนี้บ้านป่ารอยต่อฯ เผชิญหน้ากับปัญหาสารพัด นอกจากถนนสายการเมืองอุดตันสนิทแล้ว โอกาสกลับมายิ่งใหญ่ไม่ได้แล้ว “ลูกน้องเก่า” ยังพ่นพิษ ข่าวคนใกล้ชิดมาผสมโรง และยังมีเรื่องราวอื่นๆ ตามมาอีกมากมายหลายเรื่อง

ฉบับหน้าเอาไว้ขยายความต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป