ขอแสดงความนับถือ

ขอแสดงความนับถือ

 

รับรู้และเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

ว่า เกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่ง

กับนโยบายส่งเสริม-สนับสนุนวัฒนธรรมของตนเอง

ทั้งในด้านภาพยนตร์ ดนตรี และวรรณกรรม

จนเกิดการสร้างสรรค์วัฒนธรรม “เกาหลี”

ดนตรี K-POP เปล่งประกายไปทั่วโลก

นอกจากจะนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศแล้ว

ยังทำให้เกิด “สินค้า” วัฒนธรรมที่ถูกขนานนามว่าเป็น “อำนาจอ่อน” หรือ “ซอฟต์เพาเวอร์”

สร้างมูลค่าเศรษฐกิจมหาศาลให้กับเกาหลีใต้

รัฐบาลทั่วโลก รวมถึงรัฐบาลไทย ตื่นตัวและอยากเอาอย่างเกาหลีใต้

โดยทุ่มเททรัพย์สร้าง “ซอฟต์เพาเวอร์” กันยกใหญ่

 

นอกจาก “ซอฟต์เพาเวอร์” ที่เกาหลีใต้จุดความสนใจของทั่วโลกแล้ว

ตอนนี้ “ฮาร์ตเพาเวอร์” ของเกาหลีใต้ ก็กำลังกลายเป็นสิ่งที่ทั่วโลกสนใจ

และกำลังจุดประกายและแรงบันดาลใจให้กับฝ่ายที่กำลังแสวงหาประชาธิปไตยอย่างสูง

สูง หลังจาก นายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1979 หรือกว่า 40 ปีมาแล้วเมื่อกลางดึกวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา

โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องเกาหลีใต้จากภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

และกล่าวหาพรรคฝ่ายค้านเป็นกองกำลังต่อต้านชาติซึ่งฝักใฝ่เกาหลีเหนือ

ที่มีเจตนาโค่นล้มระบอบการปกครองของประเทศ

แต่จริงๆ กฎอัยการศึกดังกล่าว นายยุนใช้เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางการเมืองของตนเองมากกว่า

จึงทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากประชาชน และสภาเกาหลีใต้

ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ผนึกกำลังโหวตญัตติล้มกฎอัยการศึกอย่างเป็นเอกฉันท์

จนมีการยกเลิกกฎอัยการศึกหลังถูกประกาศใช้เพียง 3-4 ชั่วโมง

ถือเป็นชัยชนะของการปกป้องประชาธิปไตย

และนายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กำลังเผชิญแรงกดดันที่จะถูกถอดถอน หรือกดดันให้ลาออก

 

“ฮาร์ตเพาเวอร์” เพื่อปกป้องประชาธิปไตยของ ส.ส.และประชาชนเกาหลีใต้นี้

ได้รับการยกย่อง และถูกคาดหมายว่าจะเป็น “ต้นแบบ” อีกต้นแบบหนึ่งให้กับประเทศที่กำลังล้มลุกคลุกคลานกับการเป็นประชาธิปไตย

แน่นอน รวมถึงไทยด้วย

ซึ่งกำลังมีการพูดกันว่า เราจะออกแบบอย่างไร เพื่อป้องกันการรัฐประหารไม่ให้เกิดขึ้น

หรือเกิดขึ้นแล้ว จะไม่เป็นที่ยอมรับ

และมีกลไกลที่จะล้มล้างปฏิบัติการอันไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นอย่างไร

แน่นอน ไม่ง่าย

และคงต้องผ่านการแลกเปลี่ยน ผลักดัน ต่อสู้กันอีกยาวนาน

 

ตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…) พ.ศ….

ที่นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ เป็นผู้เสนอ

โดยเปิดรับฟังความเห็นตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม ถึงวันที่ 1 มกราคม 2568

ปรากฏว่า เสียงเห็นด้วยน้อยกว่าไม่เห็นด้วย

ชี้ว่าการผลักดันกฎหมายนี้จะประสบความสำเร็จได้ไม่ง่าย

ยิ่งไปกระทบกับ “กองทัพ” ซึ่งมีบทบาทในการรัฐประหารของไทยมาโดยตลอด เช่น

ห้ามมิให้ใช้กำลังทหารหรือข้าราชการทหารเพื่อกระทำการดังต่อไปนี้

1) เพื่อยึดหรือควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาล หรือเพื่อก่อการกบฏ

2) เพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ราชการของส่วนราชการต่างๆ

3) เพื่อธุรกิจหรือกิจการอันเป็นประโยชน์ส่วนตัวของผู้บังคับบัญชา

4) เพื่อกระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายประการอื่น

ข้าราชการทหารผู้ใดได้รับคำสั่งให้กระทำการตามวรรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิ์ที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นได้

โดยมิให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยทหารหรือกฎหมายอาญาทหาร

 

ถือว่าแหลมคม

จึงไม่แปลกที่มีการ “ต้าน” สูง

จนนายประยุทธ์ต้อง “ถอย” ขอนำเอากฎหมายมาทบทวนใหม่

การออกกฎหมายเพื่อแขวนกระพรวนแมวสีเขียว ไม่ให้ทำรัฐประหาร จึงมีเส้นทางอีกยาวไกล

ไกลแม้ว่าจะมีแรงหนุนในเชิงสากล อย่างที่สะท้อนผ่านการ์ตูนของ “อรุณ วัชระสวัสดิ์”

ที่กล่าวถึง K-COUP-ซอฟต์พาวเวอร์ ใหม่ ของเกาหลีใต้ ได้อย่าง “คมกริบ”

 

อนึ่ง “อรุณ วัชระสวัสดิ์” ผู้นำเสนอการ์ตูนชิ้นนี้

คือ ผู้ที่ได้รับการประกาศให้รับ “รางวัลมติชนเกียรติยศ”

ทำไมถึงได้รับ รับเมื่อใด

โปรดพลิกอ่านเพื่อร่วมแสดงความยินดีที่หน้า 24-25 •