ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 ธันวาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว | มุกดา สุวรรณชาติ
การเมืองเปรียบเทียบ…
ไทย-เกาหลีใต้
จากเผด็จการ สู่ ประชาธิปไตย (1)
การประกาศกฎอัยการศึก โดยประธานาธิบดี ที่เพิ่งเกิดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ และสั่งทหารมาปิดล้อมสภา ไม่ให้มีการประชุม ในโลกเสรีประชาธิปไตยมองว่านั่นคือการยึดอำนาจ แต่ทำไม่สำเร็จเพราะ ส.ส.กับประชาชนต่อต้าน ตามช่องทางรัฐธรรมนูญ การใช้ทหารมาขัดขวางการประชุมสภา หมายความว่าต้องการยึดอำนาจมาเป็นของตนเอง
เรื่องนายกฯ ปิดสภา ของไทยเกิดขึ้นมานานแล้ว
27 มิถุนายน 2475 หลังคณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครองได้สำเร็จ
มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว ออกมาใช้ และได้จัดตั้งคณะกรรมการราษฎรเป็นฝ่ายบริหาร มีสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาที่ได้มาจากการแต่งตั้ง 70 คน
มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรอย่างรวดเร็ว ซึ่งประกาศใช้ในวันที่ 10 ธันวาคม 2475 รัฐบาลมีกำหนดจะจัดการเลือกตั้งครั้งแรกในเดือนตุลาคม พ.ศ.2476 นั่นคือต้นกำเนิดวันรัฐธรรมนูญ
ระบอบประชาธิปไตยของไทยออกสตาร์ตก่อนประเทศเกาหลี ซึ่งเวลานั้นยังถูกญี่ปุ่นยึดครอง ผู้รักชาติบางส่วนยังต้องทำสงครามกองโจรอยู่แถวชายแดนจีนต่อสู้อยู่จนกระทั่งญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 เดือนสิงหาคม 2488 เกาหลีจึงถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศ เกาหลีเหนือปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ส่วนเกาหลีใต้ในช่วงแรก ก็มีเผด็จการทหารปกครอง
ประชาธิปไตยของไทยออกวิ่งไปก่อน แต่อุปสรรคก็มากมายหลายด่าน เหมือนวิ่งวิบาก
บทเรียนการยึดอำนาจ
ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว
การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเมษายน 2476 ไม่ถึงหนึ่งปีหลังปลี่ยนแปลงการปกครอง มิถุนายน 2475
เนื่องจากคณะราษฎร…ได้เสนอให้พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานคณะกรรมการราษฎร (เทียบเท่ากับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน)
เพราะพระยามโนฯ มีความรู้ในทางกฎหมาย เป็นเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ และมีภริยาเป็นนางสนองพระโอษฐ์พระบรมราชินี จึงน่าจะเป็นผู้ที่เหมาะในฐานะคนกลางระหว่างสถาบันกษัตริย์ กับคณะราษฎร
แต่ว่าพระยามโนฯ เมื่อได้เป็นประธานคณะกรรมการราษฎร ก็ได้บริหารราชการแผ่นดินไปในแนวทางเก่าและทำให้เกิดความแตกแยกในคณะผู้ก่อการ
จุดแตกหักเกิดเมื่อพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ได้มอบหมายให้หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เป็นผู้ร่างโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ หลังร่างเสร็จกลับมีความเห็นไม่ตรงกัน แยกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกับเค้าโครงการเศรษฐกิจ อีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วยซึ่งมีพระยาทรงสุรเดช พระยามโนปกรณ์นิติธาดา และพระยาศรีวิสารวาจา
1 เมษายน พ.ศ.2476 มีการสั่งปิดสภาผู้แทนฯ พร้อมกับประกาศงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ยุบคณะรัฐมนตรี และตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่ โดยอ้างว่า
“…ในคณะรัฐมนตรี ณ บัดนี้เกิดการแตกแยกเป็น 2 พวก มีความเห็นแตกต่างกัน ความเห็นข้างน้อยนั้นปรารถนาที่จะวางนโยบายเศรษฐกิจไปในทางอันมีลักษณะเป็นคอมมิวนิสต์ ความเห็นข้างมากนั้นเห็นตรงกันข้ามว่านโยบายเช่นนั้นจักนำมาซึ่งความหายนะแก่ประชาราษฎร และเป็นมหันตภัยแก่ความมั่นคงของประเทศ…”
(มีผู้ได้ศึกษากฎหมายกล่าวว่าขณะนั้นไม่มีกฎหมายใด หรือรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจทำได้แบบนี้ และขณะนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มี)
พระยามโนฯ ยังได้ประกาศใช้กฎหมายคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นฉบับแรกของไทย เป็นการบีบให้ ดร.ปรีดี ต้องลี้ภัยไปฝรั่งเศส
ผลของกฎหมายทำให้มีการกวาดล้างจับกุมผู้ที่สงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และถูกจำคุก
ปิดสภา
ฝ่ายบริหารรุกต่อทั้งการเมือง-การทหาร
จากนั้นคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของพระยามโนฯ ก็จัดการเข้าควบคุมอำนาจทั้งในการบริหารและนิติบัญญัติไว้เบ็ดเสร็จ จึงได้ออกกฎหมายขึ้นบังคับใช้โดยรัฐบาลเองหลายฉบับ
เช่น การแก้ไขประมวลกฎหมายว่าด้วยการตั้งสมาคมการเมือง การฟื้นศาลาว่าการพระราชวัง การแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการฟื้นระบบเดิม
การรุกด้านการทหาร ยังติดขัดเพราะมีพระยาพหลฯ ที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก ขวางอยู่อีกคน จึงวางแผนให้สี่ทหารเสือของคณะราษฎร ลาออก (คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช พระยาฤทธิอัคเนย์ พระประศาสน์พิทยายุทธ) ด้วยข้ออ้างเรื่องสุขภาพ
จากนั้นก็มีการโยกย้ายคนของพระยาพหลฯ ออกจากหน่วยคุมกำลังทั้งหมด และจะให้พวกผู้ก่อการที่คัดค้านพระยามโนฯ นั้นไปศึกษาวิชาในต่างประเทศ เช่น หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ถูกสั่งให้เตรียมตัวเข้าศึกษาวิชาทหารเรือ ณ ประเทศฝรั่งเศส
การเปลี่ยนแปลงทางการทหารทำให้คณะราษฎรสรุปได้ว่า พระยามโนฯ เตรียมเปลี่ยนการปกครองกลับเป็นระบอบเก่า จึงแสร้งทำเป็นเสือป่วย เมื่อข่าวไปถึงหูนายทหารทุกคนก็กลัวว่าจะต้องถูกลงโทษ ทำให้ต้องโต้ตอบกลับ
คณะราษฎร ยึดอำนาจ
เพื่อให้ทำตามรัฐธรรมนูญ
ด้วยการเปิดสภา
โดยทั่วไปแล้วการยึดอำนาจไม่ว่าที่ไหนๆ ก็จะยึดและล้มรัฐธรรมนูญ แถมยังปิดสภาผู้แทนราษฎรด้วย แต่ 20 มิถุนายน 2476 กลุ่มนายทหารของคณะราษฎรโดยมีหลวงพิบูลสงคราม และหลวงศุภชลาศัยเป็นหัวหน้า ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลพระยามโนฯ บังคับให้พระยามโนฯ และคณะรัฐมนตรีลาออก
มีการประกาศแถลงการณ์แก่ประชาชนถึงเหตุผลของการยึดอำนาจว่า “ด้วยคณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดิน ณ บัดนี้ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยเริ่มต้นปิดสภาผู้แทนราษฎร แล้วงดใช้รัฐธรรมนูญ คณะทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน จึงได้ดำเนินการเพื่อให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ…”
มีการเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2476 หลังจากที่ปิดไปเป็นเวลากว่า 81 วัน
สรุปการต่อสู้ จากปิดสภาจนเปิดสภา ในสมัยนั้นประชาชนก็ยังไม่มีส่วนร่วม ส่วนพระยามโนฯ ต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ปีนังจนเสียชีวิต
เปรียบเทียบระบบเผด็จการ
ไทยกับเกาหลี
หลังเปิดสภาได้ไม่ถึง 3 เดือนก็เกิดกบฏบวรเดช ตุลาคม 2476 พันโทหลวงพิบูลสงครามเป็นผู้บังคับบัญชาทหารฝ่ายรัฐบาลปราบกบฏบวรเดชสำเร็จ จึงได้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลคณะราษฎรมาโดยตลอด
จนถึง พ.ศ.2481 เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี และเริ่มแสดงความเป็นผู้นำแบบชาตินิยมและเผด็จการมากขึ้นจนเริ่มแตกแยกกับคณะราษฎรสายพลเรือน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น
จนใน พ.ศ.2487 จอมพล ป.แพ้มติในสภา ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนญี่ปุ่นแพ้สงคราม ครองอำนาจได้ 5 ปีกว่า
ต่อมาเกิดรัฐประหาร 2490 และจอมพล ป.พิบูลสงคราม กลับมาขึ้นครองอำนาจในปี 2491 ติดต่อกันยาวนานเกือบ 10 ปี
จอมพล ป.ถูกประท้วงเรื่องเลือกตั้งสกปรก ปี 2500 และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ทำรัฐประหาร จอมพล ป.ต้องลี้ภัยการเมืองออกไปอยู่ญี่ปุ่น จนเสียชีวิตในปี 2507
เกาหลีใต้ได้รับเอกราชในปี พ.ศ.2491 ดร.ชิง มันรี ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่ 2491 เขาเริ่มต้นแบบพระเอกเหมือนกันเพราะมีบทบาทในการต่อต้านญี่ปุ่นจนถูกจับไปขังช่วงเวลาหนึ่ง และเมื่อถูกปล่อยก็มีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
จากนั้นก็กลับมาเคลื่อนไหวต่อต้านญี่ปุ่นอีก เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามก็ได้รับการผลักดันจากสหรัฐอเมริกาให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ดำรงตำแหน่งถึง 2 สมัย ยังไม่พอ ฉีกรัฐธรรมนูญและร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขอดำรงตำแหน่งต่อตลอดกาล
ในปี พ.ศ.2503 เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยคะแนน 90% เพราะ โช บยองอ๊ก คู่แข่งคนสำคัญได้เสียชีวิตไม่นานก่อนวันเลือกตั้ง 15 มีนาคม ฝ่ายค้านอ้างว่าการเลือกตั้งนี้ไม่โปร่งใส ประชาชนประท้วง
เมื่อตำรวจยิงผู้ประท้วงทำให้เกิดความโกรธแค้น กลายเป็นการปฏิวัติเดือนเมษายน บังคับให้ชิง มันรี ต้องลาออกในวันที่ 26 เมษายน อีก 2 วัน ซีไอเอก็พาเขาออกจากเกาหลีใต้ ในขณะที่ผู้ประท้วงล้อมรอบทำเนียบประธานาธิบดี โดยลี้ภัยไปอยู่โฮโนลูลู รัฐฮาวาย จนเสียชีวิตปี 2508
ผู้นำเผด็จการไทย และเกาหลีใต้ ชุดแรกปิดฉากลง แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นของความมืดที่ปกคลุมสองประเทศนี้เท่านั้น ยังมีผู้สืบทอดอำนาจเผด็จการต่ออีกหลายชุด โปรดติดตามการเปรียบเทียบต่อไป
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022