ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 ธันวาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
เรื่อยๆ มาเรียงๆ พักใหญ่กับค่าย “นิสสัน”
เพราะแม้จะมีรถหลายรุ่นทำตลาดทั้งเก๋งเล็ก และพีพีวี ยอดขายยังพอไปได้แต่ไม่หวือหวามากนัก
กระทั่งในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ที่ผ่านมา นิสสันกลายเป็นหนึ่งในบูธที่มีผู้เข้าไปเยี่ยมชมไม่น้อย
พระเอกไม่พ้นรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ “นิสสัน เซเรน่า” S-Hybrid
หรือชื่อยศคือ “นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ไฮเวย์ สตาร์”
เพราะที่ผ่านมามีเสียงเรียกร้องให้นิสสัน ประเทศไทย นำเข้ามาทำตลาดเสียที หลังปล่อยให้เกรย์มาร์เก็ต หรือผู้นำเข้าอิสระ ดำเนินการมานานพอสมควร
บวกกับความนิยมในขุมพลังไฮบริด ทำให้นิสสัน ตัดสินใจแนะนำรุ่นนี้อย่างเป็นทางการ
นิสสัน เซเรน่า เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2534 ในประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมอย่างมาก
จนมาถึงโมเดลล่าสุด ภายนอกหล่อเหลาด้วยกระจังหน้าดีไซน์ทรง V-motion เอกลักษณ์ของนิสสัน
ไฟหน้าออกแบบทรงเรียวยาว 2 ชั้น ไฟหลักแบบ LED โปรเจ็กเตอร์ เปิด-ปิดและปรับระดับอัตโนมัติ
ไฟหรี่ LED ซิกเนเจอร์ไลต์ และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน
กันชนหน้าออกแบบให้ดูบึกบึนและแข็งแกร่ง พร้อมกับช่องระบายอากาศขนาดใหญ่
ด้านข้างมีเส้นสายดูเรียบง่ายและพลิ้วไหว บริเวณข้างประตูช่วยให้รถดูทันสมัยมากขึ้น พร้อมกับการตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมที่ให้ความรู้สึกหรูหรา
ประตูสไลด์ไฟฟ้าทั้ง 2 ข้าง เปิด-ปิดอัตโนมัติ
กระจกข้างพับเก็บอัตโนมัติ
ไฟท้ายมีลักษณะเป็นแนวตั้ง รูปทรงทันสมัยแบบ LED เชื่อมต่อกับเส้นสายของตัวรถทำให้ดูเป็นหนึ่งเดียว
ขณะที่กันชนหลังมีขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม
ประตูหลังแยกเปิดปิดได้ โดยสามาหรถเปิดทั้งบานขนาดใหญ่ หรือเลือกเปิดเฉพาะกระจก เพิ่มความสะดวกในการหยิบหรือเก็บของขนาดเล็ก
หลังคามีลักษณะลาดลงเล็กน้อย ช่วยให้ตัวรถดูไม่สูงเกินไป
ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 195/65
ขนาดตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,740 x 4,790 x 1,865 ม.ม. ฐานล้อ 2,860 ม.ม.
ภายในออกแบบให้มีความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เน้นพื้นที่กว้างขวางและเทคโนโลยีทันสมัย รองรับการโดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง
จัดวางเบาะที่นั่งให้มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 13 รูปแบบ เช่น โหมดขนกระเป๋า หรือสัมภาระชิ้นยาวอย่างถุงกอล์ฟ
โหมดเพิ่มพื้นที่ช่วงขา โดยปรับเลื่อนที่นั่งแถว 2 และ 3 ไปด้านหลัง เพิ่มพื้นที่ขา
โหมด “travel-to-the-sea” เลื่อนเบาะแถว 2 และ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางเซิร์ฟบอร์ด อุปกรณ์ดำน้ำ และกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
โหมด “Fun-at-the-back” ที่ปรับเบาะที่นั่งแถว 2 และ 3 ราบ ให้กลายเป็นที่นั่งราบเหมือนห้องนั่งเล่น
พวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น
มาตรวัดเรืองแสง Fine Vision Meter
หน้าจอแสดงผลการชขับขี่และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงขนาด 7 นิ้ว
หน้าจอกลางแบบทัชสกรีน HD ขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบไร้สายและด้วยสาย
เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
รองรับเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitoring (IAVM)
ลำโพง 6 ตำแหน่ง
หน้าจอเชื่อมลงมาถึงด้านล่างกับแผงคอนโซลเกียร์ ทำให้มีที่ว่างบริเวณเบาะตอนหน้า สามารถเดินเชื่อมไปถึงด้านหลังได้
ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล โดยด้านหลังสามารถปรับอุณหภูทมิแยกต่างหากสำหรับที่นั่งแถว 2-3
ขุมพลังเครื่องยนต์ S-Hybrid (mild hybrid) เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตัน-เมตร
เกียร์อัตโนมัติ CVT
ทำงานร่วมกับ ECO Motor ที่ให้ทั้งความสนุกจากการตอบสนองทันใจ และประหยัดเชื้อเพลิง
ช่างล่างด้านหน้า แบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต เล็กกันโคลง
ด้านหลังทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง
ความปลอดภัยและตัวช่วยการขับขี่ จัดเต็มกับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360 องศา Nissan Safety Shield
พร้อมระบบ Advanced Driver Assistance System (ADAS)
อาทิ กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor (IAVM) พร้อมระบบตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหว Moving Object Detection (MOD) ที่ให้มุมมองจากด้านบน เห็นสภาพถนน และการจราจรรอบคัน และเตือนผู้ขับขี่เมื่อตรวจพบวัตถุเคลื่อนที่รอบคัน
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าหรือ Intelligent Forward Collision Warning (IFW)
ระบบเบรกฉุกเฉินหรือ Intelligent Forward Emergency Braking (IEB) ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนด้านหน้า
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) จะส่งเสียงเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว
ระบบป้องกันเพื่อความปลอดภัย Active Safety รบครันด้วยระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอื่นเข้ามาในจุดอับสายตา
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ช่วยปกป้องให้ความปลอดภัยเมื่อถอยหลังออกจากช่องจอด
ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness – IDA) ที่ติดตามและคอยเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพักเมื่อเริ่มเหนื่อยหรือล้า
ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution – EBD)
ระบบช่วยเบรก (Brake Assist – BA)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System – TCS)
เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC)
และระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาด (Hill Start Assist – HSA)
อื่นๆ เช่น ระบบความปลอดภัย Passive Safety ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด
ระบบติดตั้งคาร์ซีตสำหรับเด็ก ISOFIX
เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับเพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ ฯลฯ
นิสสัน เซเรน่า มี 2 สี ดำ (Diamond Black) และขาว (White Solid)
ราคา 1,469,000 บาท
ส่วนสาวกที่ชื่นชอบขุมพลัง “อี-เพาเวอร์” ต้องอดใจรออีกสักพัก
จะเสริมทัพเข้ามาในปี 2568 •
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022