เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
สำรวจสภาพป่า
ป่าธรรมชาติ หน้าหนาว ต้นไม้ทิ้งใบ
จึงต้องระแวดระวังไฟป่าให้ดี
ไม่เช่นนั้นป่ามีสิทธิวอดวายและก่อปัญหาต่อเนื่องทั้งปัญหาฝุ่นและกระทบสิ่งแวดล้อม
ส่วนป่าการเมือง ก็ต้องระแวดระวังไม่ต่างกัน
เพราะตอนนี้ กำลังมีการสุมไฟหลายกอง พร้อมจะลุกลาม ให้คนชอบอยู่ป่า”เดือดร้อน”
แถมเป็นความเดือดร้อน ในห้วงที่”บารมี”อยู่ในห้วงขาลงด้วย
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงอาจมากทวีคูณ
จากที่เคยเป็นฝ่ายรุก ทั้งให้ “นักร้อง” ที่ใกล้ชิดกับคนในพรรค ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ เล่นงานรัฐบาลและนายทักษิณ ชินวัตร ใน 6ประเด็นหนักๆ อาทิ ครอบงำ ทำลายระบอบประชาธิปไตย ไปจนถึงกรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
นอกจากนี้ ยังปลุกกระแสชาตินิยมกรณีเอ็มโอยู 44 ขึ้นมาขย่มซ้ำ
หวังจะโค่นฝ่ายรัฐบาลลงให้ได้
แต่หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับวินิจฉัย ทำให้อาวุธหนักทางการเมือง เบาลงทันที
หลังจากนั้นก็เริ่มเจอปฏิบัติการ”เอาคืน” อย่างเป็นขบวน
พร้อมๆกับที่องค์ต่างๆที่เคยเป็นประหนึ่งแนวร่วมเปลี่ยนแปลงไป
อย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังผลัดใบประธานป.ป.ช.
ก็มีข่าวลือหลุดออกมา เช่น ข่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี ชั้น 14 ได้มีมติชี้มูลคนระดับรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
แต่มีบุคคลลึกลับแจ้งให้เปลี่ยนเรื่องเป็นยุติสอบสวน ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว
จน นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รักษาการประธานป.ป.ช. ออกมาบอกว่า คดีดังกล่าวยังอยู่ในชั้นตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่เข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ แต่คาดว่าจะเข้าเร็วๆ นี้
เรื่องชั้น 14 ในตอนนี้จึงไม่ยุติ
แต่กระนั้นหลายคนก็เริ่มจับตามองป.ป.ช. ว่าจะมีมติอย่างไร
จับตา เช่นเดียวกับ กรณี การตรวจสอบคดีรุกที่ดิน ส.ป.ก. ของไร่ภูนับดาว ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ส่งสำนวนมาถึงป.ป.ช. ตั้งแต่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา จะถูก “เร่ง”ขึ้นมาพิจารณาหรือไม่
อย่างที่ทราบกันทั่วไปว่า กรณีนี้ ถูกโยงเกี่ยวข้องกับหวานใจของอดีตบิ๊กการเมือง ซึ่งอื้ออึงและระอุร้อน ไม่ต่างกับไฟที่โหมไหม้ป่า
และ เมื่อว่าถึงเรื่องนี้แล้ว คงต้องพูดถึงแวดวงตำรวจ ที่ ว่ากันว่า คนอยู่ป่า เคยมีบารมี”เปี่ยมล้น”
แต่ตอนนี้ ทุกอย่าง”เปลี่ยนไป” เมื่อ”บารมี”มีศูนย์กลางใหม่
จึงทำให้เราได้เห็น การเอาจริงเอาจังของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ออกมาออกมาลุยกรณี หวานใจอดีตรองนายกรัฐมนตรี โดยอ้างถึงเส้นเงินเกี่ยวข้องกับการรุกที่ดิน ส.ป.ก.จากเริ่มต้น 10 ล้านบาท และลามไปถึง900 ล้านบาท
จริงเท็จอย่างไร ยังต้องรอการพิสูจน์ แต่กรณีนี้ครึกโครมไปทั่วบ้านทั่วเมืองเรียบร้อย
ทำให้ คนอยู่ป่า กระเทือน
กระเทือนคล้ายๆกับ กรณีที่เป็นคนละเรื่องเดียวกัน
เมื่อมีการหักดิบ ยึด เก้าอี้ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย
หลังประธานโอลิมปิคฯไปพ่ายแพ้เลือกตั้งประมุขสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทยกีฬาทางน้ำฯอย่างสุดช็อกโลก
ทำให้ขาดคุณสมบัติ ที่จะนั่งประธานโอลิมปิกฯต่อไป
ความพ่ายแพ้ดังกล่าว สะท้อนถึง”บารมี”และ”พลังอำนาจ”ที่อยู่ในภาวะขาลง”ในทุกด้าน”ชัดเจน
เมื่อสำรวจสภาพป่าตอนนี้
เราได้เห็นภาวะ”เสื่อมโทรม”รุกลามเข้ามาทุกด้าน
—————-