ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 ธันวาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
ในที่สุด นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้รับการพักโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำชั่วคราว หลังจากรับโทษจำคุกมานานกว่า 7 ปี ในคดีร่วมกันทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายบุญทรงเข้าเงื่อนไขเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษมาอย่างต่อเนื่อง และมีกำหนดพ้นโทษวันที่ 21 เมษายน 2571
แม้ว่านายบุญทรงอายุยังไม่ถึง 70 ปี แต่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ชี้แจงว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการพักการลงโทษ พิจารณาให้นายบุญทรงได้รับการพักโทษปล่อยตัวชั่วคราว
เนื่องจากเข้าหลักเกณฑ์ตามปกติ คือ ต้องโทษมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของโทษจำคุกตามคำพิพากษา
ย้อนกลับไปสำหรับคดีนี้เกิดขึ้นในสมัยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เมื่ออัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายบุญทรงกับพวก ในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2558
ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติถอดถอนนายบุญทรง พร้อมกับนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ส่งผลให้ทั้ง 3 คนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
กระทั่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาจำคุกนายบุญทรงเป็นเวลา 42 ปี กรณีมีส่วนรู้เห็นในการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้วฯ ซึ่งมีอัตราโทษรุนแรง
จากนั้นจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามกฎหมายใหม่ เพื่อขอลดโทษเนื่องจากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่อัยการโจทก์กลับขออุทธรณ์เพิ่มโทษจำเลยเพื่อต่อสู้ด้วย โดยศาลได้พิพากษาแก้โทษจำคุกนายบุญทรงเพิ่มอีกกระทงหนึ่ง จำคุกอีก 6 ปี จากเดิม 42 ปี รวมเป็น 48 ปี พร้อมสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ชดใช้ค่าเสียหายให้กระทรวงการคลังรวมกว่า 16,912 ล้านบาท
ส่วนอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รอลงอาญา และขณะนี้กำลังหลบหนีคดีในต่างประเทศ
ซึ่งตามกฎหมายแล้วอดีต รมว.พาณิชย์ วัย 64 ปี จะต้องถูกจำคุกจริงเป็นเวลา 20 ปี หลังถูกคุมขัง แต่มีรายงานว่านายบุญทรงเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษรอบแรกเมื่อปี 2564 เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษรอบสอง เนื่องในวันพ่อแห่งชาติปี 2564 เหลือวันต้องโทษ 10 ปี โดยจะพ้นโทษวันที่ 21 เมษายน 2571
ล่าสุดนายบุญทรงได้รับพระราชทานอภัยโทษอีกครั้ง และเข้าเงื่อนไขการพักโทษ เนื่องด้วยผ่านเกณฑ์จากเหตุรับโทษจำคุกมาแล้ว 7 ปี และเป็นผู้ต้องขังป่วย สูงอายุมากกว่า 60 ปี ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเข้าสู่กระบวนการพักโทษในที่สุด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติได้เข้าไปติดกำไลอีเอ็มให้นายบุญทรงที่ทัณฑสถานโรงพยาบาล โดยนายบุญทรงแจ้งว่าจะขอโอนย้ายไปคุมประพฤติที่บ้านพักในจังหวัดเชียงใหม่ อีก 3 ปี 5 เดือน
และได้เข้ารายงานตัวกับทางคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่แล้วเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา
นายบุญทรงมาในสภาพใส่หน้ากากอนามัยสีเขียว สวมแว่นตาสีดำ ใช้ไม้เท้าในการช่วยพยุงเดิน โดยมีการ์ดส่วนตัวมาดูแลความปลอดภัย และปิดปากเงียบไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายนายบุญทรง กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์แจ้งเรื่องการพักโทษของคุณพ่อเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม จึงเดินทางไปรับคุณพ่อ เพื่อเดินทางกลับไปยังบ้านพักที่จังหวัดเชียงใหม่
คุณพ่อไม่ได้แจ้งให้ใครทราบข่าวเรื่องการพักโทษ หลังจากนี้จะให้คุณพ่อได้ปรับตัวสักระยะ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้ใครทราบ แต่เมื่อมีข่าวออกมาแล้ว ก็คงมีเพื่อนสนิท และคนรู้จักเข้ามาเยี่ยมที่บ้านพักบ้าง
ระหว่างนี้คุณพ่อจะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ขอใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว คงต้องรอให้ผ่านหลังเทศกาลปีใหม่ไปก่อน ซึ่งคุณพ่อจะเข้ารายงานตัวตามที่กรมราชทัณฑ์ได้กำหนดไว้ ส่วนอาการป่วยขณะนี้มีเพียงเรื่องหมอนรองกระดูกและโรคประจำตัว ไม่ได้มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง
“ยืนยันว่าการได้รับพักโทษของคุณพ่อ ไม่ได้มีสิทธิพิเศษใดๆ เพราะคุณพ่อได้รับพระราชทานอภัยโทษในโอกาสต่างๆ หลายครั้ง จนกระทั่งเข้าเกณฑ์ได้รับการพักการลงโทษ”
“คดีความที่เหลืออยู่ เรื่องระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในส่วนของคดีอาญาคงหมดแล้ว เหลือแค่ในส่วนของคดีแพ่ง คงต้องไปดูในรายละเอียดและขั้นตอนการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป” นายเดชนัฐวิทย์ระบุ
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยืนยันว่า เรื่องการพักโทษมีแนวทางการปฏิบัติเหมือนเดิม พูดไปเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ซึ่งในส่วนของนายบุญทรงได้รับพระราชทานอภัยโทษมาแล้วหลายครั้ง จนเหลือโทษ 10 ปี ถูกลงโทษมาแล้ว 7 ปี 6 เดือน เหลือโทษประมาณ 3 ปี
โดยการพักโทษจะถือภูมิลำเนาของผู้อุปการะ ซึ่งในกรณีของนายบุญทรง ผู้อุปการะคือบุตรชาย ซึ่งอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยติดกำไรอีเอ็ม และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนคนอื่นๆ ในคดีจำนำข้าวและข้าราชการมีหลายคนที่ได้พักโทษ เพราะเราไม่เลือกปฏิบัติ
ส่วนใหญ่กฎหมายการพักโทษเป็นการบริหารของกรมราชทัณฑ์ ไม่มาถึงตัวรัฐมนตรี การพักโทษไปสั่งการไม่ได้ เป็นรูปแบบของคณะกรรมการ มีคณะอนุกรรมการ พิจารณาพักโทษ ถ้าไม่มีมติเอกฉันท์ ก็ต้องทบทวน ซึ่งคณะกรรมการจะมาจากกระบวนการยุติธรรม เช่น ตำรวจ อัยการ ศาล เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ ป.ป.ส. แพทย์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
“ท่านบุญทรงไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศ เพราะกฎหมายไม่อนุญาต แต่ถ้าเดินทางออกนอกจังหวัดเชียงใหม่จะต้องขออนุญาต” รมว.ยุติธรรมกล่าว
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี แสดงความชื่นชมนายบุญทรงที่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ไม่เหมือนใครบางคนที่ใช้อภิสิทธิ์และไม่ยอมติดคุก
“ผมขอชื่นชมนายบุญทรง ที่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ยอมติดคุกแบบลูกผู้ชาย ฝากบอกนายบุญทรงด้วยว่า นายบุญทรงแมนจริงๆ ไม่เหมือนใครบางคน ที่ใช้อภิสิทธิ์และไม่ยอมติดคุก”
“สิ่งที่ต้องตำหนิคือคดีจำนำข้าวใช้งบประมาณสูงถึง 9 แสน 4 หมื่นล้านบาท คดีนี้เป็นคดีทุจริต ถูกศาลตัดสินจำคุก 48 ปี แต่ติดจริงประมาณ 7 ปี ใช้เวลาต่อสู้คดีประมาณ 5 ปี”
“สิ่งที่ต้องถามคือคดีทุจริตที่สร้างความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองขนาดนี้ ติดคุกจริงๆ แค่นี้ กระบวนการต่างๆ หลังศาลมีคำพิพากษา มีความผิดปกติหรือไม่ คิดว่านักการเมืองจะเข็ดหลาบไหม”
“สิ่งที่ต้องตำหนิ และปฏิรูปอย่างเร่งด่วนคือ กระบวนการพักโทษที่ออกระเบียบมาแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ปัญหาการทุจริตได้รับการแก้ไข แต่ยิ่งทำให้พวกโกงได้ใจ” นพ.วรงค์ระบุ
ขณะเดียวกันหลังจากนายบุญทรงได้รับการพักโทษ ทำให้หลายฝ่ายประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในวันที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ภายใต้ดีลลับกับกลุ่มอำนาจ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การเปิดทางให้ยิ่งลักษณ์เดินทางกลับไทยด้วยหรือไม่
แต่นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะนายบุญทรงเป็นผู้ต้องขัง ส่วนอาปูไม่ได้เป็น
“ท่านบุญทรงเป็นผู้ต้องขัง ท่านยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็น ไม่น่าจะเกี่ยวกัน และจากการฟัง พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ ท่านบุญทรงเข้าเกณฑ์ ก็มีการปล่อยตัว และก็มีคนเข้าเกณฑ์อีกมากมาย”
“เรื่องนี้เป็นเกณฑ์ของราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ไม่เกี่ยวกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์อยู่แล้ว เป็นคนละสถานการณ์กัน” แพทองธารกล่าว และย้ำว่าอาปูไม่ได้ประสานมาว่าจะกลับไทยเมื่อไหร่อย่างไร แค่โทรศัพท์พูดคุยกันเฉยๆ
ก่อนหน้านี้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะพี่ชาย ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าจะนำน้องสาวกลับมาฉลองสงกรานต์ที่ประเทศไทยในปีหน้า
ดังนั้น การที่นายบุญทรงได้รับการพักโทษ จึงอาจเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับยิ่งลักษณ์ด้วยหรือไม่อย่างไร เพราะภารกิจในแผนยังไม่จบ ดีลลับกับกลุ่มอำนาจต้องเดินหน้าต่อไปให้สุดทาง จนกว่ายิ่งลักษณ์จะได้รับโอกาสเช่นเดียวกับทักษิณหรือไม่
และการที่ยิ่งลักษณ์จะได้กลับไทยหรือไม่นั้น อยู่ภายใต้เงื่อนไขอะไร จะตามรอยพี่ชาย “ทักษิณโมเดล” หรือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ
บทสรุปของภารกิจสำคัญในการนำยิ่งลักษณ์กลับไทย อาจขึ้นอยู่กับดีลลับและการต่อรองกับขั้วอำนาจที่เป็นผู้กำหนดอนาคตในเกมนี้?!?
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022