ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 ธันวาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ลึกแต่ไม่ลับ |
ผู้เขียน | จรัญ พงษ์จีน |
เผยแพร่ |
“พ้นทุกข์พ้นโศกเสียที” ย่างกรายก้าวออกจากคุกแล้ว “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมสมัยในรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ให้จำคุกในคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ “จีทูจี” ตามนโยบายโครงการจำนำข้าว เมื่อปี 2558 โดย “นายบุญทรง” ได้รับโทษจำคุก 42 ปี และต่อมาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 พิพากษาเพิ่มโทษอีก 6 ปี ทบต้นทบดอกศิโรราบรวมเป็น 48 ปี
โครงการระบายข้าวแบบจีทูจีของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ต่อยอดมาจากโครงการจำนำข้าว ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 ถูกนักวิชาการ สื่อหลายสำนัก องค์กรอิสระทั้งสำนักงานคณะป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ในขณะนั้น รวมถึงภาคประชาชน คัดค้านและดาหน้าออกมาเตือนให้มากด้วยความระมัดระวัง แต่ไม่เป็นผล
กระทั่งสื่อและฝ่ายค้านขุดคุ้ยพฤติการณ์พบว่า มีเรื่องไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ การขายข้าวแบบจีทูจีไม่มีอยู่จริง แต่มีการนำข้าวมาเวียนเทียนขายให้กับโรงสีภายในประเทศ กระทั่งมีการยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. และได้รับเรื่องไปดำเนินการไต่สวน จึงมีมติชี้มูลความผิด “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์” พร้อมพวก คือ “นายภูมิ สาระผล” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกอีกสี่ซ้าห้าราย ต่อมาศาลมีคำพิพากษาออกมาดังกล่าวข้างต้น
สวรรค์มีกฎ โลกมีเกณฑ์ ทุกอย่างอยู่ที่ฟ้าลิขิต “นายบุญทรง” นักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงของจังหวัดเชียงใหม่ เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยมา 4 สมัย ดีกรีนักเรียนนอก หน่วยก้านดี วิถีชีวิตทางการเมืองก้าวกระโดดรุ่งโรจน์ขึ้นเรื่อยๆ และผงาดตั้งแต่วัยหนุ่มเป็นมือขวาข้างกาย ประหนึ่ง “ลูกโปรด” ของเจ้าแม่วังบัวบาน ไม่นานได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นลิฟต์เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แค่ประเดี๋ยวประด๋าว จึงสลับฟันปลาขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เมื่อปี 2555 ส่งตรงมาเพื่อเข้ามาดำเนินการโครงการ “ระบายข้าวจีทูจี” โดยเฉพาะ แต่สุดท้าย อนาคตดับ
การติดคุกของ “นายบุญทรง” มีข่าวถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆ ว่า หลังศาลอ่านคำพิพากษา เจ้าตัว “แค้นฝังหุ่น” สะสมกันมากมายหลายเรื่อง ช็อตแรกเลยคือ วันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา นัดฟังพร้อมกับ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” นัดหมายกันดิบดีว่า จะมาฟังพร้อมกัน แต่พอถึงเวลาจริง อีกฝ่ายสวมบท “เสือเผ่น” แอบตีกรรเชียงหลบหนีออกนอกประเทศ ปล่อยให้ “บุญทรง” เผชิญชะตากรรมเพียงคนเดียว
ที่เจ็บใจจี๊ดที่สุด เจ็บปวดเหมือนถูกควักหัวใจ สำหรับลูกผู้ชายที่ชื่อ “บุญทรง” คือระหว่างที่ต่อสู้คดี ก่อนศาลพิพากษาจำคุกส่งเข้าไปอยู่ในเรือนจำ “นายเก่า” เจ้าแม่วังบัวบานก็ดี พรรคเพื่อไทยต้นสังกัดก็ด้วย ตัดหางปล่อยวัดไม่ดูดำดูดี
“นายบุญทรง” สะท้อนผ่านเพื่อนเลิฟทางการเมืองที่ชื่อ “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” อดีตเลขาฯ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ และนำมาโพสต์ข้อความที่สนทนา “ผมเคยนั่งจิบไวน์กันก่อนสองต่อสองกับบุญทรง ผมถามว่ามึงเล่าให้กูฟังหน่อยได้มั้ยเรื่องเป็นยังไง มันบอกว่ากูพูดไม่ได้ ผมนับถือน้ำใจมันมาก เพียงแค่นี้ก็เป็นอันเข้าใจว่าบุญทรงกุมความลับระดับใดไว้ในมือ”
จากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่าง “บุญทรง” กับ “นายเก่า” ทั้งตระกูล ขาดสะบั้น ศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 เขาจึงส่งลูกชายคือ “นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์” แหกค่ายเพื่อไทย ไปลงสมัครในนาม “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล แต่สอบตก เลือกตั้งปี 2566 ย้ายค่ายมาลงพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้งเช่นเดิม
ระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ มีข่าวลือตลอดว่า “บุญทรง” จะถองแค้น เปิดเผยความลับเกี่ยวกับคนที่อยู่เบื้องหลังนโยบายระบายข้าวจีทูจี ตัวจริง “ตัวละครเอก” ที่ตัวเองกุมไว้ ไม่เคยแพร่งพรายที่ไหนมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่จำคุก แม้จะต้องคำพิพากษา 48 ปี แต่เจ้าตัวเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยม เข้าข่ายการได้รับพระราชทานอภัยโทษในโอกาสต่างๆ มาเรื่อย จนเหลือโทษติดคุก 10 ปี และจะพ้นโทษในวันที่ 21 เมษายน 2571 ติดคุกมาแล้ว 7 ปี เหลือโทษอีก 3 ปี กับ 5 เดือน
“นายบุญทรง” จึงเข้าข่ายได้รับการพักโทษ เนื่องจากต้องโทษคือจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 ตามปกติเมื่อนักโทษหรือผู้ต้องขังรายใดเข้าข่ายการพักโทษ หรือเข้าข่ายการปล่อยตัวชั่วคราว ต้องนำรายชื่อเข้าสู่ที่ประชุมผู้บริหารกรมราชทัณฑ์เพื่อพิจารณาการพักโทษ
การพักโทษไม่ได้หมายความว่าสิ้นสุดระยะเวลาจำคุก แต่เป็นการพักโทษชั่วคราว การปล่อยตัวนอกจากเข้ากฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์แล้ว ต้องดูเรื่องอายุว่าเป็นผู้สูงอายุตามที่กำหนดหรือไม่
เมื่อปล่อยตัวแล้ว จะต้องใส่กำไลอีเอ็ม แต่กรณีที่เจ็บป่วย มีเหตุจำเป็นด้านสุขภาพ หรืออื่นๆ ผู้ต้องขังไม่หลบหนีระหว่างการพักโทษปล่อยตัว และมีหลักเงื่อนไขทั่วๆ ไป เช่น ห้ามเดินทางไปต่างประเทศ ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง
ก่อนหน้านี้ “นายบุญทรง” ก็มีลางบอกเหตุที่ดีมาก่อนแล้ว เมื่อกรมราชทัณฑ์ได้อนุญาตให้สิทธิออกนอกคุก เดินทางไปร่วมงานศพแม่บังเกิดเกล้า ทั้งที่ยังไม่ได้รับการพักโทษ แต่ขออนุญาตไปร่วมงานตามระเบียบ ซึ่งผู้ต้องขังมีคุณสมบัติครบเกณฑ์ตามสิทธิขออนุญาตตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565
และเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ ถูกปล่อยตัวชั่วคราวออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เรือนจำที่กรุงเทพฯ และเดินทางกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่ทันที แบบต้องสวมกำไลอีเอ็ม และต้องไปรายงานตัวต่อสำนักงานคุมประพฤติอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้มีดีลลับอะไรหรือไม่ระหว่าง “นายใหญ่” กับ “บุญทรง” ลูกน้องเก่า รู้แต่ว่า หมากกระดานต่อไป คือพาน้องสาวกลับบ้านมาร่วมสงกรานต์ในเดือนเมษายนปีหน้า
เส้นทางและเงื่อนไขต่างๆ สะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022