สำรวจ ‘DENZA D9’ ลักชูรีเอ็มพีวี พลัง EV จัดจ้าน-ห้องโดยสารสุดหรู

สันติ จิรพรพนิต

แรงดีไม่มีตกจริงๆ กับ “เรเว่ ออโต โมทีฟ” ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ค่ายบีวายดี (BYD)

คราวนี้เจาะเข้าตลาดเอ็มพีวีหรู นำแบรนด์ในเครือ “เดนซ่า” (DENZA) เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยกับรุ่น “D9” รถเอ็มพีวีพลังไฟฟ้าล้วน

จากการออกแบบ-ตกแต่งภายนอก และภายในส่งมาซัดกับเจ้าตลาดทั้งแบรนด์จีน และญี่ปุ่น รวมถึงเกาหลีใต้ แบบจั๋งๆ

การตั้งราคาถือว่ามาแหวกแนวทีเดียว เพราะมีเพียง 2 รุ่นย่อย ราคาต่างกันถึง 7 แสนบาท

รุ่น Premium ราคา 1,999,9000 บาท

และ Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท

หลักๆ ต่างกันที่อุปกรณ์ตกแต่ง ออปชั่นความสะดวกสบาย ระบบความปลอดภัย ระบบรองรับ

และแน่นอนว่าขุมพลังที่ต่างกันมากพอสมควร โดยเฉพาะอัตราเร่ง

ดูจากสเป๊กต่างๆแล้ว รุ่นท็อปมาดุดันดีเหลือเกิน

ภาพลักษณ์ภายนอกทรงเอ็มพีวียอดนิยมแบบ 7 ที่นั่ง พัฒนาบน e-Platform 3.0

ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ภายใต้แนวคิด DENZA – Motion

หน้าตาดุดันด้านกระจังหน้าแบบปิดสีดำ มีเส้นโครเมี่ยมเรียงเป็นแนวดิ่ง ตรงกลางเป็นโลโก้ของแบรนด์

ไฟหน้าทรงเรียวเล็กแบบ LED ใส่ออปชั่นมาเพียบ

ไม่ว่าจะเป็น ระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ

ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC)

ฟังก์ชั่นหน่วงเวลาการปิดไฟหน้า Follow-Me-Home

ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED

มีระบบไฟส่องมุมอับสายตา LED เมื่อเปิดไฟเลี้ยวหรือหมุนพวงมาลัย ขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ

ด้านหลังตัดแนวตรง มีแถบไฟสีแดงพาดกลาง

ไฟท้ายออกแบบด้วยแนวคิดฝนดาวตกแห่งกาลเวลาแบบ LED

ระบบไฟเลี้ยวด้านหลังแบบ Sequential

ไฟเบรกดวงที่ 3 ติดตั้งด้านบนแบบ LED เช่นกัน

ประตูสไลด์ไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

มีไฟตกแต่งช่องชาร์จแบบมัลติคัลเลอร์

ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า

ภายในตกแต่งหรูหรา กว้างขวางให้แบบ VIP Cockpit

มีให้เลือก 2 สี คือ เบจ และน้ำตาล ตัดขอบด้านโครเมียม

เพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม

พวงมาลัย 2 ก้านแบบท้ายตัด พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น

หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว แบบ 3 มิติ

รุ่น Performance AWD เสริมด้วยระบบแสดงผลบนกระจกหน้า ขนาด 12 นิ้ว (W-HUD)

กระจกมองหลังแบบภาพวิดีโอ กรณีมีผู้โดยสารหรือสิ่งของขวางมุมมอง

หรือถ้ามองไม่ถนัดจะปรับเป็นเป็นกระจกธรรมดาก็ได้

ตรงกลางเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว

รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

ระบบเครื่องเสียงพรีเมียมแบบ Hi-Fi Class Dynaudio สำโพง 14 ตำแหน่ง

เบาะหุ้มหนังแท้ Nappa คู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ

แต่ที่พิเศษสุดสุด ต้องยกให้ที่นั่งแถว 2 เพราะรถลักษณะนี้ ส่วนหนึ่งนำไปใช้เป็นพาหนะของผู้บริหาร

ทำให้ทีมออกแบบใส่ใจกับที่นั่งแถว 2 เป็นพิเศษ

เบาะแบบกัปตันซีต คล้ายนั่งอยู่ในโซฟาหนังชั้นดี มีระบบนวดไฟฟ้าพร้อมระบบระบายอากาศ

ปรับพนักดันหลังได้ 4 ระดับ ช่วยให้คลายความเมื่อยล้าได้ เขายังมีระบบจดจำที่นั่งด้วย

บริเวณพนักวางแขนติดตั้งจอ LCD ควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ตามต้องการ

เบาะคนขับและผู้โดยสารแถวที่สอง ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น Welcome Seat

หลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้าดึงลงมาเป็นถาดวางแก้ว หรือวางโน้ตบุ๊กเพื่อทำงาน ลักษณะคล้ายบนเครื่องบิน

นอกจากนี้ มีตู้เย็นขนาด 7.5 ลิตร แช่น้ำเย็นอุณหภูมิต่ำสุด -6 องศา และปรับอุ่นร้อนได้สูงสุด 50 องศา

ที่วางขาและเหนือศีรษะมีเหลือเฟือ นั่งสบายตลอดการเดินทาง

Panoramic Glass Roof ขนาด 1.1 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า

ระบบแสงไฟสร้างบรรยากาศแบบมัลติคัลเลอร์ พร้อมโหมดต่างๆ เพื่อปรับบรรยากาศห้องโดยสาร

ระบบปรับอากาศแบบอิสระ 3 โซน พร้อมระบบกรองอากาศ IONIZER และระบบกรองฝุ่น PM 2.5

ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 3 จุด (กำลังสูงสุด 50W)

ห้องโดยสารตอนหน้า และ 2 จุดสำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่สอง

ช่องจ่ายไฟ 12V และ ช่อง USB-C และ USB-A สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า

ความจุสัมภาระด้านท้าย 410 ลิตร หากปรับเบาะแถว 3 เพิ่มเป็น 2,310 ลิตร

ขุมพลังรุ่นท็อปขับเคลื่อนขับเคลื่อน 4 ล้อ พลังสูงสุด 275 กิโลวัตต์ แรงบิดสูสุด 470 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 6.9 วินาที

ช่วงล่างอัพเกรดแบบถุงลม ติดตั้งระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD

วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 580 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)

ส่วนรุ่น Premium ขับเคลื่อน 2 ล้อ พลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ แรงบิด 360 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 9.5 วินาที

ระบบกันสะเทือนด้านหน้า แม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลัง มัลติลิงก์

วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 600 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)

BYD Blade Battery ความจุแบตเตอรี่สูงสุด 103.36 กิโลวัตต์-ชั่วโมง

ระบบขับเคลื่อนแบบ 8 in 1

รองกรับการชาร์จกระแสสลับ AC กำลังสูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส)

ชาร์จกระแสตรง DC แบบ CCS2 กำลังสูงสุด 166 กิโลวัตต์

ชาร์จ DC Fast Charging ความจุ 10-80% ประมาณ 38 นาที

ออปชั่นและตัวช่วยขับขี่จัดหนักจัดเต็ม เด่นๆ เช่น กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา

ระบบช่วยเตือน/เบรก เมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาทั้งด้านหน้าและหลัง

ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู

ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ

ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน

ระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน

ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน

ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา

ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว

ระบบป้องกันการลื่นไถล ฯลฯ

“DENZA D9” ถือว่าเป็นรถเอ็มพีวีระดับลักชูรี อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ

แวะไปดูตัวเป็นๆ ได้เลย ทั้งที่โชว์รูม

และงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคมนี้ ที่เมืองทองธานี •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]