สรรพสี | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

สรรพสี

 

การเมืองสีๆนับวันจะเข้มข้นขึ้นตามลำดับ

ในเดือนธันวาคมนี้ การเลือกตั้งเวทีเล็กจะมีขึ้นอีก 5 จังหวัด

และปลายเดือน คือ 23-27 ธันวาคม จะมีการเปิดรับสมัครชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อีก 47 จังหวัด

ทำให้รอยต่อปี 2567 ไปถึง 1 กุมภาพันธ์ 2568 การเมืองท้องถิ่นจะเชื่อมโยงสู่การเมืองระดับชาติอย่างร้อนระอุ

และผลการเลือกที่ออกมาน่าจะชี้แนวโน้ม การเมืองใหญ่ ที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 3 และ 4 ของรัฐบาล ได้ชัดเจนระดับหนึ่ง

ความชัดเจนนี้ ย่อมนำไปสู่ การปรับทัพ อย่างเข้มข้น เพื่อรับมือ”การเมืองโค้งสุดท้าย”

ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้

ความเชื่อที่ว่า รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมโดยไม่ทำอะไร ถือเป็นความประมาทอย่างยิ่ง

ดังนั้นการเมืองนับจากนี้คงมากด้วยความเคลื่อนไหว

กล่าวสำหรับสีแดง หลังจากได้รับชัยชนะที่อุดรธานี แน่นอนย่อมสร้างความมั่นใจทางการเมืองได้ไม่น้อย

กระนั้นไม่อาจวางใจอะไรได้มาก

เพราะแม้จะได้รับชัยชนะ แต่เป็นชัยชนะที่ต้องทุ่มเททรัพยากรลงไปเยอะมาก

ขณะที่อัตรา”เติบโต”และอัตรา”เร่ง”ของชัยชนะนั้น เมื่อเทียบกับ”สีส้ม” แล้ว

ปรากฏว่า สีส้มมีอัตราเติบโตและอัตราเร่งทางการเมือง สูงกว่า

จนในหลายพื้นที่”สีส้ม”สามารถหายใจรดต้นคอ “สีแดง”ได้

นี่จึงเป็นสิ่งที่”สีแดง”จะต้องรีบทบทวน และคงต้องใช้ “ทัพใหญ่” ทั้งผู้มีบารมีในพรรค และนอกพรรค อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนทัพใหญ่ ก็ต้องระมัดระวัง

เพราะถูกจับจ้อง จับผิด จากคู่อริ มากเป็นพิเศษ

ทำอะไรหมิ่นเหม่ ถูกหยิบไป”บ่อนทำลาย”ในทันที

ขณะที่”สีส้ม”แม้กราฟการเติบโตจะพุ่งขึ้นโดยตลอด

แต่ก็เป็นการพุ่งขึ้นที่ยังไม่ได้รับชัยชนะในสนามเลือกตั้งเลย

นี่จึงเป็นสิ่งที่ต้องรีบแก้ไข เพราะการที่จะพุ่งทะลุจนได้รับชัยชนะ

จำเป็นต้องมี”แรงผลักดัน” ที่คงไม่ใช่แรงผลักดันธรรมดา

หากต้องเป็นแรงระดับ”ระเบิด” อย่างที่เคยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อทะลุเพดานไปสู่”ชัยชนะ”ให้ได้

การเลือกตั้งนายกฯอบจ.ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หากไม่อาจเบียดแทรกเข้ามาได้ ย่อมทำลายความเชื่อมั่นต่อ”สีส้ม”อย่างหนัก

สีส้ม จึงมีการบ้านที่จะต้องทำมากเช่นกัน

ส่วน สีน้ำเงิน ซึ่งแม้จะรุกคืบอย่างน่าจับตา ตั้งแต่สภาสูง ลงไปถึงการเมืองท้องถิ่น

แต่ก็ต้องเผชิญแรงเสียดทานจาก”สีแดง” ที่แม้จะอยู่ในรัฐบาลเดียวกัน

โดยเราก็เห็นร่องรอย การช่วงชิง-ต่อรองทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา

ยิ่งฐานการเมืองโดยเฉพาะในภาคอีสานซ้ำซ้อนกับ”สีแดง” จึงหลีกเลี่ยงการปะทะ หรือเชือดเฉือนกันยาก

จึงทำให้ เส้นทางของ”สีน้ำเงิน”ไม่ราบรื่นนัก

และคงต้องเร่งหาพื้นที่การเมืองใหม่ๆเพื่อการเติบโตยิ่งขึ้น

ซึ่งตอนนี้สีน้ำเงิน โฟกัสไปที่ภาคใต้ เพราะเจ้าของพื้นที่เก่า คือ”สีฟ้า”อยู่ในภาวะ”ขาลง”อย่างหนัก

มีโอกาสสูญเสียให้กับ”สีน้ำเงิน”ไม่น้อย

“สีฟ้า”จึงต้องดิ้นรนอย่างมากเพื่อเอาตัวให้รอดใน”สงครามการเมืองสีๆ”นี้

อนึ่ง ควรหมายเหตุไว้สักนิด ว่า การเมืองสีๆ ทั้งแดง-ส้ม-น้ำเงิน-ฟ้า ข้างต้น แม้จะแข่งขันกันในทุกรูปแบบ ทั้งบนดินและใต้ดิน หรือมากด้วยด้วยเล่ห์กลทางการเมือง

แต่ถึงที่สุดก็ยึดโยงกับประชาชนผ่านการเลือกตั้ง

ตรงข้ามกับอีกสีหนึ่ง คือ”เหลือง” ที่พยายามฟื้นกลับมาเข้ามาเป็นอีกหนึ่งในสมการอำนาจตอนนี้

ซึ่งคงต้องจับตากันให้ดี

เพราะบทเรียนในอดีตชี้ว่า สีๆนี้มักปูทางให้ “อำนาจนอกระบบ”เข้ามาแทรกแซงโดยตลอด

บทเรียนเดิมๆไม่ควรเกิดขึ้นอีก!

———–