ปฏิบัติการของดีเอสไอ จับกุมนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับมารดา นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ เป็นอีกหนึ่งคดีที่แตกมาจากจักรวาล ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ เป็นการยืนยันว่าคลิปเสียงจ่ายส่วยให้เทวดา ระหว่าง ‘บอสพอล’ กับ ‘นักการเมือง ส.’ ที่ทั้งคู่ปฏิเสธมาตลอดนั้น ไม่ใช่เรื่องไร้มูลความจริง

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่หน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ปล่อยกำลังเจ้าหน้าที่จำนวน 2 ชุด เพื่อเข้าตรวจค้นจับกุมนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช กับนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ที่ 5682/2567 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ให้จับกุมทั้งคู่ในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน”

จุดแรก เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านหรูในหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ย่านถนนพรานนก-พุทธมณฑล แขวงบางพรหม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ของนายสามารถ แต่ไม่พบตัว เจ้าหน้าที่คาดว่าเจ้าตัวเพิ่งจะออกจากบ้านไปไม่นาน เพราะแอร์ในห้องยังเย็นฉ่ำอยู่ คล้ายกับเจ้าตัวจะรู้ล่วงหน้า

จุดที่สอง เป็นบ้านพักหลังหนึ่งในซอยพญานาค เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ของนางวิลาวัลย์ จุดนี้เจ้าหน้าที่พบตัวนางวิลาวัลย์ อยู่ภายในบ้าน จึงแสดงหมายจับ พร้อมควบคุมตัวมาสอบสวนที่ดีเอสไอ โดยนางวิลาวัลย์ให้การว่า ลูกชายเดินทางไป จ.เชียงใหม่

พ.ต.ต.ยุทธนาเปิดเผยว่า จากการปฏิบัติการของดีเอสไอครั้งนี้ สืบเนื่องจากคดีพิเศษที่ 115/2567 (คดีฟอกเงินทางอาญากรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด) ซึ่งดีเอสไอรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีการระดมเงินของบรรดาสมาชิกไปยังบัญชีของบริษัท ดิไอคอนฯ และบัญชีธนาคารของบริษัท ดิไอคอนฯ ก็โอนต่อไปยังบุคคลในหมายจับหลายทอด

พฤติการณ์ดังกล่าวนี้คือ การโอนหรือรับโอนเงิน เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน หรือเพื่อปกปิดอำพรางซุกซ่อนลักษณะแท้จริงของการได้มาซึ่งทรัพย์สิน เข้าข่ายความผิดอาญาฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน

ต่อมาวันที่ 24 พฤศจิกายน พนักงานสอบสวนดีเอสไอ นำหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับบุคคล 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล 2.นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช และ 3.นางนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์

พ.ต.ต.ยุทธนาเปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบพบจำนวนเงินผ่านเข้าออกในบัญชีธนาคารของนางวิลาวัลย์ รวมกว่า 100 ล้านบาท จากการสืบสวนพบมาจากหลายแหล่ง จึงต้องขยายผลต่อว่าเป็นเงินมาจากแหล่งใดบ้าง

แต่ที่ผู้ต้องหารับโอนตรงมาจากบอสพอล มีจำนวน 2.5 ล้านบาท และรับโอนตรงจากนายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ จำนวน 500,000 บาท พฤติการณ์ส่วนใหญ่ที่นางวิลาวัลย์รับโอนเงินจากทั้งบอสพอล และบอสปีเตอร์ ล้วนเป็นการรับโอนเงินเป็นล็อตๆ ไม่ใช่รับโอนเงินก้อน

บางครั้งรับโอนเงิน 100,000 บาทบ้าง 300,000 บาทบ้าง สูงสุด 500,000 บาท โดยเป็นพฤติการณ์ในไทม์ไลน์ปี 2564-2566 หากดูเป็นจำนวนครั้งที่มีการรับโอนเงินระหว่างกัน คือประมาณ 15 ครั้ง

ทั้งนี้ หากผู้ต้องหาจะชี้แจงว่าเป็นเงินฝากทำบุญ ก็สามารถยื่นใบอนุโมทนาบุญได้ เพราะดีเอสไอยินดีรับฟัง พร้อมตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทำบุญจริงหรือไม่ ดีเอสไอตรวจสอบได้อยู่แล้ว ส่วนบัญชีของนายสามารถ จะมีการโอนเงินไปที่วัดใดหรือไม่ ดีเอสไอจะขยายผลต่อไป

หลังคว้าน้ำเหลวในการบุกจับสายฟ้าแลบ ดีเอสไอจึงไล่เช็กข้อมูลจนรู้ว่านายสามารถเดินทางไป จ.เชียงราย จึงได้ประสาน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ให้ส่งกำลังตำรวจช่วยติดตามตัว

ต่อมาเวลา 11.45 น. วันเดียวกัน (25 พฤศจิกายน) พ.ต.อ.สิทธิชัย ไกรแสง รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุล ผกก.สส.ภ.จ.เชียงราย พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย นำกำลังควบคุมตัวนายสามารถ ได้ขณะเดินทางมาไหว้พระที่วัดห้วยปลากั้ง ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

ก่อนนำตัวไปลงบันทึกประจำวันแล้วแจ้งข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจภูธรแม่ยาว โดย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง ก่อนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะมารับตัวไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เพื่อนำมาสอบสวนที่ดีเอสไอ โดยมีรายงานว่านายสามารถให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อหา

พ.ต.ต.ยุทธนาเปิดเผยในวันต่อมาว่า แม้บอสพอลไม่ติดใจจะแจ้งความดำเนินคดีกับนายสามารถในเรื่องเรียกรับเงินค่าคุ้มครองตามคลิป แต่เนื่องด้วยพฤติกรรมของทั้ง 3 คน เข้าข่ายเป็นความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นจะต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ หากพนักงานสอบสวนพบความผิดก็ต้องดำเนินการ

เพื่อตัดวงจรการกระทำความผิดทางมาตรการการฟอกเงิน โดยเป็นนโยบายของกระทรวงยุติธรรมและรัฐบาล ที่ต้องบังคับใช้กฎหมายในทุกมิติ ดังนั้น หากฝั่งของบอสพอลจะออกมาปกป้องนายสามารถ ก็ถือเป็นสิทธิ หรือจะยื่นพยานหลักฐานชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใดก็ได้

การกระทำความผิดมูลฐานนั้นเจ้าหน้าที่ต้องมีหลักฐานระดับหนึ่ง ศาลจึงพิจารณาออกหมายจับ ทั้งความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หรือความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ก็เป็นความผิดมูลฐานทั้งสิ้น

เมื่อมีพยานหลักฐานแน่ชัดแล้ว การได้ทรัพย์จากการกระทำผิดแล้วมีการมาโอน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพฯ ก็ถือเป็นความผิดอาญาฐานฟอกเงิน

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวถึงผลการตรวจยึดสิ่งของที่ใช้เป็นพยานหลักฐานว่า พนักงานสอบสวนตรวจยึดสิ่งของภายในบ้านของแม่นายสามารถ เป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง ขณะที่บ้านพักของนายสามารถ ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ รถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด 1 คัน และเอกสารเกี่ยวกับบัญชีการเงิน (Statement) รวมถึงเอกสารสัญญาต่างๆ

นอกจากนี้ หากพบว่ามีใครที่รับโอนเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาคดีดิไอคอนฯ ก็ต้องพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมโดยไม่ละเว้น แต่ในตอนนี้พบเพียง 3 รายที่ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน คือ บอสพอล นายสามารถ และนางวิลาวัลย์

ทั้งนี้ ในระหว่างสอบปากคำ นางวิลาวัลย์มีความเครียดเนื่องจากสูงอายุ ส่วนตัวนายสามารถก็เครียดเช่นกัน ส่วนคำให้การยังไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐาน ยังยืนยันเป็นเงินทำบุญกับอีกส่วนเป็นเงินกู้ แต่ไม่บอกว่ากู้มาทำอะไร

สำหรับบัญชีแม่ของนายสามารถ จะเป็นหนึ่งในหลายบัญชีม้าหรือไม่นั้น ก็อาจเป็นไปได้ ส่วนนายสามารถจะโอนถึงใครบ้างอยู่ระหว่างตรวจสอบ พนักงานสอบสวนมีมติร่วมกันแล้วว่าจะคัดค้านการประกันตัวทั้งคู่ เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีพฤติการณ์ต่างๆ ที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้

วันที่ 26 พฤศจิกายน ดีเอสไอคุมตัวนางวิลาวัลย์และนายสามารถไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา โดยนายสามารถเปิดเผยระหว่างถูกควบคุมตัวขึ้นรถไปศาลว่า “อยากพูดแต่พูดไม่ได้”

ขณะที่นางวิลาวัลย์นำเศษกระดาษขนาด A4 ยัดใส่มือนักข่าว มีข้อความระบุว่า 1.เรื่องเกิดปี 2564 ตอนนั้นดิไอคอน กรุ๊ปยังไม่มีปัญหาธุรกิจ เงินที่ได้มา ทำบุญกับกู้ยืม พอลก็ได้เซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานว่าได้คืนหมดแล้ว ได้ทำหนังสือออกมาให้แล้ว 2.ใครคือผู้เสียหาย 3.จะฟอกเงินได้อย่างไร

4.ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดนกลั่นแกล้ง 5.ไม่มีส่วนรู้เห็นในธุรกิจดิไอคอน เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว 6.จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้อย่างไร 7.จะขอต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมจนกว่าชีวิตจะหาไม่ 8.ถ้าต้องโทษจนถึงตายจนถึงตายก็ถือว่าประเทศไทยไม่มีความยุติธรรม

ขณะที่คำร้องขอฝากขังชี้แจงพฤติกรรมบางส่วนว่า พนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อมูลบัญชีธนาคารและธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้อง พบข้อมูลบัญชีเงินฝากของนางวิลาวัลย์มีการเคลื่อนไหว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มกราคม 2561 – 28 ตุลาคม 2567 พบว่ามีการทำธุรกรรมผ่านบัญชีหลักร้อยล้านบาท เป็นการโอนเงินไปยังบัญชีอื่นจำนวน 103,813,577.04 บาท และรับโอนเงินจากบัญชีอื่นจำนวน 88,894,306.46 บาท

ตรวจสอบการโอนเงินเข้าบัญชีของนายสามารถ 5 บัญชี พบยอดเงินในบัญชีมากกว่า 14 ล้านบาท มีการโอนเงินจากนายวรัตน์พล จำนวน 2.5 ล้านบาท และรับโอนเงินจากผู้ต้องหารายอื่นที่เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวน

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบการโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของนางวิลาวัลย์ ไปยังบัญชีเงินฝากของนายสามารถ เป็นเงินรวมกว่า 34 ล้านบาท เมื่อปรากฏธุรกรรมการโอนเงินหมุนเวียนจำนวนหลักร้อยล้านบาทของนางวิลาวัลย์ แต่กลับไม่ปรากฏข้อมูลการยื่นแบบแสดงการเสียภาษีของกรมสรรพากรแต่อย่างใด

หลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง ทนายความยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินหลายชุดรวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท เพื่อประกันตัวทั้งคู่ ต่อมาศาลอาญาพิจารณาให้ประกันตัวนางวิลาวัลย์ ในวงเงิน 5 แสนบาท ส่วนนายสามารถศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว นายสามารถจึงถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

การจับกุมนายสามารถครั้งนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกโยงไปถึงพรรคพลังประชารัฐที่เจ้าตัวเคยสังกัดอยู่ จึงเป็นที่จับตาของสังคมว่า เทวดาที่พูดถึงในคลิปมีจริงหรือไม่ และถ้ามีจริงจะเป็นใครกันแน่

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022