Modest Heroes ว่าด้วยโลกอันตรายและสายสัมพันธ์

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

เป็นหนังสั้นสามเรื่องความยาวรวม 50 กว่านาที

ผลิตโดยสตูดิโอโพนอคในชุด Ponoc Short Films Theatre ออกอากาศตั้งแต่ปี 2018 สตรีมทางเน็ตฟลิกซ์วันนี้

น่าเสียดายถ้าจะมองข้ามไป

เรื่องที่ 1 “Kanini & Kanino”

หนังประหลาดมาก เริ่มด้วยฉากหนองน้ำและลำธาร น้ำใสแจ๋วเหมือนจริงเกินกว่าที่จะเป็นการ์ตูนวาดด้วยมือ กล้องจับเบิร์ดอายวิวแล้วดำดิ่งผ่านผิวน้ำลงไปข้างใต้ พบใบไม้สีเขียวสดใสใต้น้ำและพื้นทรายใสสะอาด ใต้ใบไม้ที่เห็นนั้นเองมีคนตัวเล็กๆ อาศัยอยู่สามคน

คือพ่อเคราดกซึ่งเด็กสองคนเรียกว่า ตาต้า เด็กสองคนนั้นเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งเรียกว่า คะนินิและคะนิโนะ ตามลำดับ พวกเขาเดินบนทรายใต้น้ำ ถือของเดินบนทรายใต้น้ำ มือหนึ่ง “ถือ” หอกที่มีปลายหอกเป็นก้ามปู เขาใช้ก้ามปูนี้จับปลาตัวเล็กๆ

เด็กๆ กำลังอำลาแม่ที่กำลังท้องแก่ พวกเขาเรียกแม่ว่า คาคา แม่คาคาออกมาฉากเดียวยิ้มให้แก่เด็กๆ แล้วก็ปล่อยร่างกายตัวเองลอยขึ้นสู่ผิวน้ำหายไป

โพรงใต้ก้อนหินใกล้ๆ นั้นก็มีครอบครัวปูแม่ลูกสองแอบดูพวกเขาอยู่ ตาต้าใช้หอกก้ามปูจับปลามาให้ลูกสองคนกิน ดูถึงตอนนี้นักดูหนังจึงรู้ว่าพวกเขาไม่มีภาษา พวกเขาเปล่งเสียงได้แค่ชื่อตัวเองและชื่อคนอื่น ตาต้าพูดกับลูกๆแค่คำว่า “คะนินิ” กับ “คะนิโนะ” เด็กๆ ก็พูดได้แค่ชื่อ “ตาต้า” กับชื่อพี่น้อง แต่ยังไงไม่รู้เราก็ฟังรู้เรื่องว่าตาต้าจะออกไปล่าปลาใหญ่ดุร้ายที่เข้ามารบกวนความสงบของน่านน้ำ ระหว่างพ่อไม่อยู่พี่ชายคะนินิดูแลน้องสาวคะนิโนะดีๆ ด้วย

เป็นไปตามทฤษฎีพัฒนาการทางภาษาของเด็กที่ว่าในตอนเริ่มต้น คำหนึ่งคำแทนทั้งประโยค คำว่า “มามา” คำเดียวบอกความต้องการทั้งหมด อยู่ที่คุณแม่จะเข้าใจหรือเปล่า

คะนินิใช้หอกก้ามปูต่างมือได้คล่องแคล่วกว่าคะนิโนะผู้น้องสาว เขาช่วยเหลือน้องสาวหลายครั้งแต่ครั้งนี้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดน้องสาวลอยไป ที่แท้พ่อตาต้ากำลังต่อสู้กับปลายักษ์ดุร้ายตัวนั้น ทรายคละคลุ้งฝุ่นและเศษทรายต่างๆนานาทำเอาน้ำขุ่น แล้วพ่อตาต้าก็หายไป คะนินิช่วยคะนิโนะมิให้ลอยหายไปกับกระแสน้ำได้แล้วสองพี่น้องก็ชวนกันออกเดินตามหาพ่อที่ได้รับบาดเจ็บ

หนังสนุก น่ารัก ดนตรีประกอบไพเราะ ภาพสวย โลกใต้น้ำที่แปลกตา กฎทางฟิสิกส์ที่ถูกละเลย สร้างความสงสัยว่าพวกเขาสามคนเป็นเผ่าพันธุ์อะไร จนถึงตอนจบเมื่อเด็กทั้งสองพบพ่อบาดเจ็บสาหัสใต้ก้อนหิน เวลานั้นปลาดุร้ายเขี้ยวคมกริบกำลังจะจู่โจม “ปูน้อย” ทั้งสามเป็นครั้งสุดท้าย กับแค่หอกก้ามปูจะทำอะไรได้!

สปอยล์อะเลิร์ต!

ทันใดนั้นปากนกปลายแหลมใหญ่เท่ายักษ์เคลื่อนตัวทะลุผิวน้ำลงมางาบเจ้าปลาอันธพาลลอยผ่านผิวน้ำแล้วกระเดือกลงคอนกหายไปทั้งตัวต่อหน้าต่อตา พวกเขารอดตายหวุดหวิด แล้วอีกสักครู่แม่ปูพร้อมทารกเกิดใหม่ห้า “ตัว” ก็ค่อยๆ ลอยลงมา ครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง หอกก้ามปูไม่เคยหลุดจากมือของพวกเขาเลย

หรือว่าที่แท้พวกเขาเป็นปู

เรื่องที่สอง “Life Ain’t Gonna Lose”

เด็กชายชุน ยาชิมา แพ้ไข่ถึงตาย เขาเป็นมาตั้งแต่กำเนิด วันนี้เขาโตแล้วไปโรงเรียนได้ แม่ต้องเตรียมอาหารพิเศษใส่กล่องข้าวไปโรงเรียนให้แก่เขาทุกวัน

เขานั่งกินข้าวกับเพื่อนๆ ได้แต่มีกติกาชัดเจนเพื่อนห้ามยื่นหรือแบ่งปันอะไรให้เขากิน ห้ามพูดคุยน้ำลายกระเซ็นลงกล่องอาหารของเขาด้วยเพราะอาจจะปนเปื้อนไข่ไม่รู้ตัว

ชีวิตเขามีข้อจำกัดแต่เด็กซะอย่างจะอย่างไรก็เติบโตได้

หากเป็นสมัยก่อนการดูแลชุนให้รอดจากไข่ไม่น่าจะยาก ด้วยตลาดสดขายอาหารสดแยกเป็นพวกๆ เห็นได้ชัดเจน

แต่อาหารสมัยใหม่จากโรงงานอาหารสมัยใหม่ปรุงนั่นใส่นี่กันให้ยุ่งวางขายห้างสะดวกซื้อทั่วไป

แม่และชุนถึงกับต้องเตรียมตารางแยกส่วนประกอบอาหารที่สำคัญๆ ไว้พร้อมใช้งาน และสอนให้ชุนรู้จักตรวจเช็กด้วยตนเองก่อนซื้อก่อนกิน

แม่ของเขาเป็นครูสอนเต้นรำ ไม่เห็นพ่อในหนัง

วันหนึ่งระหว่างที่ชุนนั่งดูแม่กำลังเต้นรำในชั้นเรียน มือเขาเผลอหยิบคุกกี้ของคนอื่นที่วางไว้บนโต๊ะใกล้มือเข้าปาก

แม่เหลียวมาทันเวลาปราดออกจากคลาสเข้าตบปากขนมกระเด็นไปท่ามกลางอาการตกตะลึงของผู้คนและที่ตะลึงที่สุดคือชุน เขาถูกแม่ตบ

แม่โกรธสุดขีดด่าเขาซ้ำทำไมประมาท ก่อนสติจะคืนมาแล้วดึงชุนมากอดพร้อมเอ่ยปากขอโทษ

ถึงวันแข่งขันเต้นรำ แม่ไม่ว่าง ปล่อยชุนอยู่บ้านคนเดียว ชุนเปิดประตูหยิบอาหารยี่ห้อปลอดภัยกิน ทันใดนั้นเขาเหลือบเห็นคำเตือนข้างกล่องว่านี่เป็นสูตรใหม่เติมไข่ ตกใจตาเหลือกรีบโทร.หาแม่ แม่สั่งให้วิ่งลงจากแฟลตไปหาป้าห้องข้างล่างทันที ชุนไม่ลืมที่จะคว้ายาฉีดแก้แพ้ติดมือไปด้วย

แต่ละขั้นบันไดที่ลงไปตุ่มแดงปรากฏมากขึ้นทุกที ใหญ่ขึ้นทุกที ชุนหายใจลำบากมากขึ้นทุกที เขาเริ่มล้มลุกคลุกคลาน ตามองไม่เห็น บัดนี้ตุ่มบวมแดงกระจายเต็มตัวและใบหน้า เขาหายใจไม่ออกแล้วล้มลงบนบันไดนั้นเอง

สปอยล์อะเลิร์ต!

แต่ก็เป็นเวลาที่ป้าห้องข้างล่างวิ่งสวนขึ้นมารับร่างของเขาทันเวลา เป็นแม่ที่โทร.ไปแจ้งป้าห้องข้างล่าง ยิ่งไปกว่านั้นป้าเคยเรียนวิธีฉีดยาให้ชุนจากแม่มาก่อนแล้ว

ชุนรอดชีวิตอีกครั้งหนึ่ง รอดนาทีสุดท้ายเหมือนคะนิโนะกับคะนินิ เรื่องนี้น่าสงสารมากมาย ตื่นเต้นสุดขีด

เรื่องที่สาม “Invisible”

เรื่องนี้หลุดไปอีกโทนหนึ่งคือโทนมนุษย์ล่องหน The Invisible Man ไม่มีใครเห็นเขาเขาจึงต้องใส่เสื้อคลุมแขนยาวใส่รองเท้าและถุงมือใส่หมวกและแว่นดำแต่เจ้ากรรมไม่เห็นจะเหมือนที่ เฮช จี เวลส์ เขียนเมื่อปี 1897 เลยไม่มีใครเห็นเขาอยู่ดี

เขาไปซูเปอร์มาร์เก็ตไม่มีใครเห็นเขา บางจังหวะเหมือนแคชเชียร์จะเห็นเขาแล้วแต่ไม่ใช่อีก เขาอยู่คนเดียวจริงๆ

หนังดำเนินไปในสไตล์หนังทีวีปี 60 ชุด แดนสนธยา (Twilight Zone) รอเวลาว่าจะจบอย่างไร นั่งดูเพลินไม่ทันเบื่อก็ถึงตอนจบเสียแล้ว

สปอยล์อะเลิร์ต!

ทารกคนหนึ่ง “มองเห็น” เขาและยิ้มให้เขา

 

หนังสั้นสามเรื่องเหมือนจะพูดเรื่องสำคัญสองเรื่อง

หนึ่งคือโลกกว้างใหญ่มากมายมีอันตรายเกินควบคุม

สองคือท่ามกลางความกว้างใหญ่ไพศาลของโลกที่เราควบคุมไม่ได้นั้น ยูนิตเล็กๆ คือ “สายสัมพันธ์” ในครอบครัวเป็นสิ่งเดียวที่เหนี่ยวรั้งและช่วยเหลือเราได้

เมื่อครอบครัวปูน้อยสิ้นหวัง ปากนกกระสายักษ์พุ่งลงมาเหมือนยานต่างดาวจากเหนือโลกฉะนั้น

เมื่อชุนใกล้หมดลมหายใจ ป้าข้างบ้านที่มีสายสัมพันธ์อันดีวิ่งขึ้นมาจากชั้นล่างสุดทันเวลา

และเมื่อทารกที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ต้องตายกลางถนนแน่นอนพลันความช่วยเหลือก็มาจากมือที่มองไม่เห็น

และถึงแม้ก็อาจจะไม่มีใครเห็นต่อไปแต่บัดนี้ “สายสัมพันธ์” ระหว่างทารกกับโลกกว้างใหญ่ที่ไว้ใจได้ได้อุบัติขึ้นแล้ว •

 

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์