อุรุดา โควินท์ / ความทรงจำ : ปลาทูตัวนั้นยังไม่ตาย

ปลาทูเป็นของโปรดตลอดกาล จานยอดนิยม (ไม่ว่าเอามาทำอะไร) ต้มสายบัว ต้มยำ ฉู่ฉี่ ทอดแล้วแกะเนื้อคลุกข้าว

จานเบอร์หนึ่งในใจคือปลาทูกับน้ำพริกกะปิ

เวลาแม่ถาม “เอ้า อยากกินอะไรบ้าง พรุ่งนี้ ให้หนาไปจ่ายตลาด” พี่เลี้ยงของฉันชื่อกฤษณา นอกจากดูแลเด็กน่ารัก (มาก) สองคน พี่หนายังมีหน้าที่จ่ายตลาดและช่วยแม่ทำอาหารด้วย

อืม…ต้องบอกว่าทุกคนชอบอยู่กับแม่ในครัว เว้นก็เสียแต่พ่อ

แม่ว่า เรื่องทำอาหารไม่เคยเกี่ยง ยากตรงคิดรายการอาหาร ดังนั้น ให้เป็นหน้าที่ฉันกับน้องและพ่อ ช่วยกันคิดเมนู

แม่ชอบถามหลังมื้อเย็น เราดูทีวี หรือนั่งเล่นเกม กำลังอิ่มพุงกาง จะนึกอยากกินอะไรเล่า

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม่ถาม หมายถึงต้องการคำตอบ

เมนูที่ผุดขึ้นมาจึงเป็นจานประจำใจแทบทุกครั้ง ฉันตอบน้ำพริกกะปิ และทันทีที่ “น้ำพริกกะปิ” (เล็กๆ แหลมๆ) ดังแทรกเสียงทีวี ฉันเป็นต้องได้เห็นสีหน้าเหม็นเบื่อของสมาชิกในครอบครัว

ก็แล้วแต่ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าถามฉัน ฉันจะตอบอย่างนี้ กินได้ทุกวัน ไม่เบื่อ-ฉันคิด ถือว่าตอบแล้ว สบายใจ นอน (กระดิกเท้า) ดูทีวีต่อ

น้ำพริกกะปิมาบ่อย จนแม่ต้องเปลี่ยนวิธีถาม “อ่ะ อยากกินอะไรกัน” หันมาทางฉัน “ห้ามตอบว่าน้ำพริกกะปิ”

ประโยคแรกเป็นคำถาม ประโยคที่สื่อสารกับฉันโดยตรงเป็นคำสั่ง ฉันจึงว่า “อะไรก็ได้ที่กินกับปลาทู”

บางครั้งแม่ประชด “กินปลาทูเค็มกับข้าวเปล่าแล้วกัน”

ฉันสะดุ้งสุดตัว เย็นเยือกจากเส้นผมจรดปลายเท้า

ปลาทูเค็มปลุกความรู้สึกผิดให้ตื่น ซึ่งฉันเองก็ยังไม่แน่ใจ-ควรรู้สึกมั้ย

 

มาหวนคิดตอนนี้ บางที…มันอาจเป็นความกระอักกระอ่วนหรือความอาย

แต่ที่แน่ๆ แม่กับพ่อต้องไม่รู้ น้องสาวก็รู้ไม่ได้

ต้องไม่มีใครรู้ ว่าฉันแอบย่องขึ้นบันไดบ้านเช่าในสวน, บ้านไม้ยกพื้นหลังเล็ก หนึ่งห้องนอน โถงอเนกประสงค์ และครัวเล็กๆ มันไม่ได้สะดวกสบายน่าอยู่ เมื่อเทียบกับบ้านพ่อแม่ หรือบ้านตายาย แต่กลับมีเสน่ห์อย่างประหลาด

ฉันชอบที่มันซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ชอบที่มันโดดเดี่ยวและเหนียมอาย ไม่เหมือนบ้านเช่าหลังอื่นซึ่งอยู่ใกล้กัน

ในจำนวนบ้านเช่าของตา บ้านหลังน้อยในสวนค่าเช่าถูกที่สุด และมีคนย้ายเข้าออกบ่อยสุด มีผู้เช่ารายหนึ่งอยู่เกือบสองปี นานพอที่ฉันกับน้องสาวจะคุ้นเคย

ผู้เช่าเป็นสองสามีภรรยาหนุ่มสาว มีอาชีพดองผลไม้ขาย

ไม่รู้เพราะอะไร ตอนเด็กๆ เราอยากมีเพื่อนเป็นผู้ใหญ่ แถมผู้ใหญ่บ้านนี้อายุไม่ห่างจากเรานัก น้องสาวนำร่องไปตีสนิทหลายวัน ก่อนจะมาชวนฉัน

เราติดใจข้าวเหนียวจิ้มปลาทูเค็มของบ้านนี้มาก

พี่สาวกินมื้อกลางวันช่วงบ่าย ถ้าบังเอิญเราอยู่ด้วย เธอก็ชวนเราร่วมวง ได้กินข้าวเหนียวนึ่งเตาถ่าน ทั้งนุ่มทั้งเหนียว ทั้งอุ่น ปั้นก้อนเล็กๆ จิ้มเนื้อปลาทูเค็ม เคี้ยวช้าๆ นานๆ ข้าวเหนียวจะส่งรสหวานออกมา

สองพี่น้องกับสองสามีภรรยา, 4 คน กินข้าวจิ้มปลาทูเค็มตัวเดียว โห…อร่อยกว่ากับข้าวฝีมือแม่เสียอีก

วันหนึ่งมีปลาทูเหลือนิดหน่อย พี่สาวบอก “เก็บไว้ก่อน พี่ไม่ทิ้งของกิน พี่จน” เธอพูด ยิ้มกว้าง ก่อนคว้าจานอีกใบมาครอบจานปลาทู

ตอนเดินกลับบ้าน ฉันกับน้องสาวตกลงกัน-เราจะไม่บอกแม่ ว่ามากินข้าวบ้านนี้ และนี่จะเป็นมื้อสุดท้าย

 

บ่ายวันเสาร์ พ่อกับแม่ออกไปธุระ น้องสาวหลับกลางวัน ฉันแอบไปบ้านน้อยในสวน เป้าหมายไม่ใช่อาหาร แต่ทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นบ้านหลังนั้นดึงดูดฉัน รวมทั้งผู้เช่า

วางเท้าเงียบเชียบบนขั้นบันได ขั้นที่หนึ่ง สอง สาม สี่ กำลังจะวางเท้าขวาบนขั้นที่ 5 ฉันก็เห็น…

ในห้องนอน ซึ่งประตูมักปิดอยู่ วันนี้กลับเปิดกว้าง พี่ชายกับพี่สาวอยู่บริเวณขอบเตียง กึ่งยืนกึ่งนั่ง

ฉันเห็นแผ่นหลังสีน้ำตาลของพี่ชาย กางเกงชั้นในสีแดงกองอยู่ตรงข้อเท้าเขา

ได้ยินเสียง-ไม่ใช่ถ้อยคำ… ฉันค่อยๆ ย่องลงบันได ครั้นเท้าเหยียบพื้น ก็วิ่งหน้าตั้งกลับบ้าน

ฉันไม่กลับไปหาพี่ทั้งสองอีกเลย

แต่ปลาทูเค็มของพี่สาวคล้ายมีชีวิต มันว่ายอยู่ในใจ พร้อมส่งเสียงครวญครางนั่น

ครั้นโตเต็มสาว ฉันรู้จักวิธีกินปลาทูเค็มแบบใหม่จากแม่เพื่อน แต่ก็คล้ายเป็นตัวเดิม

ภาพพี่สาวเก็บจานปลาทูกลับมาแจ่มชัด-อีกครั้ง และอีกครั้ง

 

ปลาทูเค็มที่ซื้อจากแผงในตลาด หรือถ้าได้ปลาทูมันยิ่งดี เอามาทอดไฟกลาง ใช้น้ำมันน้อย ทอดทีละด้าน กลับสักสองหน แล้วตักขึ้นมารอในจานใบโปรดของคุณ

จานสวยอย่างเดียวไม่พอ ควรมีขนาดใหญ่กว่าปลา เพราะปลาทูเค็มมีบริวารเยอะ

อีกทั้งพื้นที่ว่างในจานนั้นแสนสำคัญ นับเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่ง ช่วยให้อาหารดูผ่อนคลาย น่าเข้าใกล้ และน่ากิน

ซอยหัวหอมไว้เยอะๆ และกระเทียมตำหยาบๆ เราจะเจียวสองอย่างพร้อมกันด้วยน้ำมันนิดหน่อย จุดหมายไม่ใช่ความกรอบ แต่คือกลิ่นที่หอมยั่วน้ำลาย

เมื่อหัวหอมกับกระเทียมสุกดีแล้ว ค่อยใส่มะเขือเทศสีดาหั่นชิ้นเล็กตามลงไป

หากคุณชอบเปรี้ยว หรือปลาทูเค็มจัด ฉันแนะนำให้เพิ่มมะเขือเทศ มันช่วยได้มาก ทำให้ความเค็มอ่อนโยนลง

เปรี้ยวจากมะเขือเทศไม่เหมือนเปรี้ยวมะนาว มันละมุนละไมมีเนื้อมีหนัง

และเราต้องเจียวกระทั่งมะเขือเทศเละ ใช้ไฟอ่อนดึงน้ำกับเนื้อมะเขือเทศออกมา

เทส่วนผสมลงบนตัวปลา โรยทับด้วยพริกขี้หนูกับตะไคร้ซอย

ถ้าความเปรี้ยวอย่างสาวน้อยของมะเขือเทศยังไม่สาแก่ใจ

คุณจะบีบมะนาวเพิ่มก็ได้

และหากคุณอยากกินกระเทียมเจียว หอมแดงเจียวกรอบๆ โรยหน้า-ก็ควรจัด

เอาล่ะ ฉันมั่นใจ เมื่อเราวางปลาทูจานนี้บนโต๊ะ ใครๆ ก็อยากกิน

 

ใช่! ปลาทูเค็มจากแผงตัวละ 25 บาทนั่นล่ะ มันดูแพงเพราะคุณใส่ใจและเปลี่ยนวิธีกิน

หนึ่งคำจะสมบูรณ์แบบ ถ้ามีทั้งเนื้อปลา เนื้อมะเขือเทศ พริกขี้หนู และตะไคร้ เคี้ยวไปด้วยกัน อย่างช้าและคำเล็ก จะเป็นข้าวเหนียว หรือข้าวเจ้าก็อร่อยทั้งนั้น

สำหรับฉัน ถ้ามีจานนี้ มีข้าวใหม่ ฉันไม่คิดถึงหรือถามหาจานอื่นเลย

ที่อยู่ในใจ และคล้ายภาพซ้อนบนจาน คือปลาทูเค็มตัวเล็กๆ โล้นๆ ในวัยเยาว์

รอยยิ้มอ่อนหวานของพี่สาว

แผ่นหลังและกางเกงชั้นในของพี่ชาย…

ฉันไม่เคยลืม ไม่มีวันลืม