ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
บรรยากาศการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่อุดรธานี ดูผิดแผกแตกต่างหรือแปลกกว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.อื่นๆ ที่เกิดขึ้นประปรายก่อนหน้านี้
การเลือกตั้งนายก อบจ. ในสนามอื่นๆ ที่ผ่านพ้นไปแล้ว มักมี “ภาพรวม” คล้ายคลึงกัน ดังรายละเอียดคร่าวๆ ต่อไปนี้
เริ่มต้นด้วยนายก อบจ.คนเดิม ลาออกก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง แล้วจึงลงสมัครป้องกันแชมป์รอบใหม่ โดยมีคู่แข่งขันเป็นผู้มีบารมีทางการเมืองระดับท้องถิ่นด้วยกัน หรือไม่ก็คนจากกลุ่มการเมือง “สีส้ม” (พรรคก้าวไกล/ประชาชน)
สภาพการแข่งขันที่เกิดขึ้นในรายจังหวัด มีลักษณะเป็น “การเมืองเรื่องท้องถิ่น” ซึ่งไม่มีวาระของการเมืองระดับชาติสอดแทรกเข้าไปอย่างเด่นชัดนัก ขณะเดียวกัน ด้วยข้อกฎหมายที่ทำให้ไม่มีการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าหรือการลงคะแนนนอกเขต จำนวนผู้ไปเลือกตั้งจึงมีไม่เยอะ
สุดท้าย ความได้เปรียบก็ตกไปอยู่กับฝ่าย “บ้านใหญ่” หรือ “นายกเก่า”
เกมการเมืองสนามเล็กเช่นนี้ คล้ายจะไม่ใช่ “เกมถนัด” ของฝ่ายก้าวไกล/ประชาชน (รวมถึงคณะก้าวหน้าในอดีต) สักเท่าไหร่
เมื่อกลุ่มการเมือง “สีส้ม” เก่งกาจกับการขายชุดนโยบายใหญ่ๆ ปลุกเร้าสังคมด้วยอุดมการณ์การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นในระดับมหภาค อันนำไปสู่การได้รับกระแสสนับสนุนจากมวลชนมหาศาลในชุมชนจินตกรรมที่เรียกว่า “ชาติ”
ดังนั้น พรรคก้าวไกล/ประชาชน จึงดู “ใหญ่โตเกิน” สนามเลือกตั้งท้องถิ่น หรืออาจพูดอีกแบบได้ว่า พวกเขาและเธออยู่ผิดที่ผิดทางในการเลือกตั้งรูปแบบนั้น และลงแข่งขันอย่างผิดฝาผิดตัวกับคู่แข่งในสนามแบบนั้น
ตราบถึงตอนนี้ “ผู้สมัครสีส้ม” จึงยังไม่ประสบความสำเร็จในสนามเลือกตั้งนายก อบจ. แม้สักครั้งเดียว
ทว่า เกมการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี พลันเปลี่ยนแปลงไปทันที
เมื่อพรรคเพื่อไทยก้าวลงมาเล่นการเมืองในสนามนี้อย่างชัดเจน แถมบุคลากรฝั่งเพื่อไทยที่โดดเด่นสุดบนเวทีหาเสียง กลับไม่ใช่ตัวผู้สมัครนายก อบจ. อย่าง “ศราวุธ เพชรพนมพร” หากแต่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งได้กลับบ้าน เช่น “ทักษิณ ชินวัตร”
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า ทักษิณกำลังทำให้สนามเลือกตั้งท้องถิ่นที่จังหวัดอุดรธานี เป็นมากกว่า “การเมืองท้องถิ่น” ธรรมดาๆ ในพื้นที่เฉพาะแห่งหนึ่ง
ผ่านการขายวิชั่นทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคมระดับชาติ และขายนโยบายของรัฐบาลกลางที่นำโดย “แพทองธาร ชินวัตร” และพรรคเพื่อไทย มากกว่าจะโฟกัสที่ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เพียงพื้นที่เดียว
ทั้งยังมีการปราศรัยพาดพิงไปยังพรรคประชาชน ซึ่งมีสถานะเป็นทั้งคู่แข่งในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี และคู่แข่งสำคัญในสนามเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศ
ต้องถือว่าเกมนี้ ทักษิณ “เล่นใหญ่”
ด้านหนึ่ง การเล่นใหญ่หนนี้ส่งผลให้สนามเลือกตั้งท้องถิ่นที่อุดรธานีมีสีสันสะดุดตา แผ่อุณหภูมิร้อนแรงมาถึงศูนย์กลางอำนาจที่กรุงเทพฯ ทำให้ข่าวการเมืองที่ซึมๆ เซาๆ มาพักใหญ่ มีความคึกคักครึกครื้นขึ้นแยะ
อีกด้านหนึ่ง “พลัง (พร้อม) บวก” ของอดีตนายกฯ ก็ปลุกให้บรรดาแกนนำทั้ง “ทางการ” และ “ไม่ทางการ” ของพรรคประชาชนที่งัวเงียสะลึมสะลือหลังพรรคก้าวไกลถูกยุบ พลอยพลิกฟื้นตื่นตัวขึ้นมาด้วย
การคัมแบ๊กสู่สนามเลือกตั้งและเวทีความขัดแย้งทางการเมืองระดับชาติของทักษิณ ได้ปลุกเร้าให้บรรดาผู้นำของพรรคประชาชน และอดีตผู้นำของพรรคอนาคตใหม่/ก้าวไกล เปล่งศักยภาพขั้นสูงของตนเอง บนเวทีปราศรัย ผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อ หรือการแสดงทัศนะในพื้นที่สาธารณะอื่นๆ ออกมาอย่างเต็มที่เต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวไม่แพ้กัน
หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นการดึง “พรรคสีส้ม” กลับคืนสู่ “เกมถนัด” ของตนเอง
สนามเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี จึงทวีสถานภาพกลายเป็น “ภาพจำลอง” หรือ “สมรภูมิย่อยๆ” ของเกมการเมืองใน “ภาพใหญ่” ที่เข้มข้นน่าติดตามไปโดยปริยาย
ผลแพ้-ชนะ ตลอดจนความแตกต่างของตัวเลขคะแนนที่สนามเลือกตั้งอุดรธานีในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ อาจไม่ใช่ “เครื่องทำนายชั้นเลิศ” ที่จะบ่งชี้ผลเลือกตั้งใหญ่ กระทั่งผลเลือกตั้งอื่นๆ ในอนาคตข้างหน้า ได้อย่างแม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์
แต่นี่คือตัวแปรสำคัญ คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์แห่งการปะทะสังสรรค์ ที่จะผลักดันให้กระบวนการของการแข่งขันทางการเมืองระดับชาตินับจากนี้ มีความดุเดือดถึงพริกถึงขิงมากยิ่งขึ้นตามลำดับ •