MatiTalk วันชัย สอนศิริ อดีตวุฒิสภา รัฐบาลอยู่ครบเทอม ฝ่ายค้านอ่อนหัด ส.ว.สีน้ำเงินไม่มีพลัง?

คุณทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นจุดขายของเพื่อไทยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย พลังประชาชน ไทยรักไทย ทั้งหมดนี้จุดขายคือ คุณทักษิณ

คงไม่ได้ต่างอะไรกับก้าวไกลที่มีคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณปิยบุตร แสงกนกกุล คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หากสังเกตจะเห็นว่าผู้นำของสีส้ม คือคุณเท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่จุดขาย เพราะฉะนั้นในการเป็นผู้นำของพรรคการเมืองใครที่โดดเด่นนั้นจะเป็นจุดขายของพรรค

เมื่อคุณทักษิณเป็นจุดขายและประชาชนยังนิยมชมชอบ คดีต่างๆ ศาลก็ตัดสินและก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษมาแล้ว ก็ควรให้เอาความรู้ความสามารถประสบการณ์มารับใช้ประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่มาเลี้ยงหลานอยู่บ้าน

คุณทักษิณเองเมื่อมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ การรับใช้ประเทศชาติประชาชนทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น การออกมาอย่างเต็มตัว ขับเคลื่อน ย่อมดีกว่าที่จะให้คนอื่นหรือลูกไปแสดงบทบาท เพราะคนที่เขานิยมชมชอบคือตัวคุณทักษิณ และตัวคุณทักษิณเป็นพลังดูดต่างๆ ทั้งการบริหารจัดการในเรื่องที่จะประสานกับใครต่อใคร ทั้งพี่น้องประชาชน

ผมจึงมองว่าเป็นเรื่องปกติแล้วก็เป็นเรื่องไม่แปลกแต่อย่างใด และความเป็นพ่อเป็นลูกของนายกรัฐมนตรีผมว่ายิ่งชัดเจนมากกว่าบุคคลอื่นเสียอีก

นายวันชัย สอนศิริ อดีตวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ MatiTalk ของมติชนสุดสัปดาห์

: ความกังวลเรื่องการครอบงำพรรคเพื่อไทยของคุณทักษิณ

ผมคิดว่าในทางกฎหมาย การควบคุม ครอบงำ กฎหมายเขากำหนดว่า ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกของพรรคการเมือง ส.ส. ขาดความเป็นอิสระ ถ้าคุณทักษิณกระทำถึงขนาดนั้น ผมว่าอย่างนี้พรรคน่าจะโดนลงโทษ และรวมทั้งถ้าไปดำเนินการ สั่งการ ไปแสดงความใหญ่โตมากกว่าคนที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ผมว่าอย่างนั้นมากไป

เพราะฉะนั้นผมเชื่อเหลือเกินว่าทั้งคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยต้องหาความพอดีตรงนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ และต้องยอมรับ ในเมื่อการปิดไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ต้องยอมรับคุณทักษิณมีพลังในการประสาน ที่ทางคุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร อาจจะยังไม่รู้จักหรือไม่ได้มีความสนิทสนม ดังนั้น ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองอาจจะขอให้พ่อช่วยหนู เป็นเหตุในการที่จะเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุยปรึกษาหารือ แล้วในขณะเดียวกันลูกก็อาจจะต้องอยู่ด้วย

เพราะแน่นอนในทางการเมืองและการบริหารประเทศเป็นเรื่องใหญ่ลำพังหัวหน้าพรรค ซึ่งมีอายุพรรษาขนาดนี้ ประสบการณ์น้อยก็ย่อมจะต้องอาศัยพ่อที่มีบารมีในการที่จะพูดคุยปรึกษาหารือด้วย

 

: รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม?

ผมมองดูโดยมองมิติทางการเมือง ถ้าไม่มีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้นเลยรัฐบาลชุดนี้อยู่ครบ 4 ปีแน่นอน เพราะว่าพรรคร่วมไม่มีทางที่จะแตกแยกออกไปที่ไหนได้เลย เพื่อไทยมีถึง 150 เสียงและรวมพรรคเล็กก็มีเกือบ 200 เสียงอยู่ในมือ พรรคอื่นจะขยับไปได้อย่างไรจะพอใจหรือไม่พอใจ กล้ำกลืนฝืนทนยังไงก็เชื่อเหลือเกินว่าประคับประคองไปได้ เมื่อพรรคร่วมไม่แตกกันแล้วจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลนี้จะคว่ำไปในระหว่างทาง

ประการต่อมาการทุจริตคอร์รัปชั่นตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่เป็นรัฐบาลมาก็ยังไม่ปรากฏเป็นข่าวให้เห็นเด่นชัดและที่สำคัญทั้งคุณทักษิณทั้งเพื่อไทย รัฐมนตรีในอดีต บางคนที่ติดคุกก็มีประสบการณ์ มีบทเรียน ถ้าทุจริตคอร์รัปชั่นตัวเองก็อยู่ไม่ได้บ้านเมืองก็มีปัญหา

ประการต่อมา ผลงานจะทำให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ได้ดิจิทัลวอลเล็ตออกมาแล้ว การปราบปรามเรื่องยาเสพติดถ้าลุยอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ผมเชื่อว่าคะแนนจะโกยมามากทีเดียว และถ้าแก้ปัญหาปากท้อง ราคาพืชผลการเกษตรถ้าแก้ได้ 2-3 เรื่องนี้ยังไงก็ไปโลดเหมือนคุณทักษิณในอดีต และหากฟังคำปราศรัยที่อุดรธานีแล้วเรื่องเหล่านี้เขาก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในเรื่องพรรคร่วม

ที่สำคัญพรรคฝ่ายค้านอ่อนหัด อ่อนพรรษาเกินไป ในอดีตเราอาจจะเห็นพรรคประชาธิปัตย์มีลำหักลำโค่น สามารถทำให้รัฐบาลเป๋ไปมาได้ แต่คราวนี้พรรคประชาชนตลอดระยะเวลาที่เป็นฝ่ายค้านมาปี 2 ปียังไม่มีหมัดเด็ดไม่มีหมัดน็อก ลำหักลำโค่น

จึงเป็นโอกาสที่จะทำให้พรรครัฐบาลขับเคลื่อนไป เว้นไว้แต่มีอุบัติเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ว่าจะอุบัติเหตุจากศาลรัฐธรรมนูญหรือเรื่องอื่นใด

แม้แต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่รับก็อาจจะทำให้คนหลายวิตกกังวลรัฐบาลนี้มันจะพัง ก็ต้องบอกว่ายังครับ ถ้าไม่รับก็จบก็ชี้เห็นว่าคุณทักษิณไม่ได้ครอบงำ แต่ถ้ารับก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะต้องพัง ยังมีกระบวนการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องข้อเท็จจริงมากกว่าข้อกฎหมายจึงจะต้องมีการไต่สวนเยอะแยะไปหมด น่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน

ถ้าศาลเห็นว่าผิดศาลก็สั่งแค่ให้หยุดกระทำการ แต่ไม่ได้สั่งยุคพรรคเพื่อไทย ระหว่าง 6 เดือน รัฐบาลต้องรีบทำงานอย่ามามัวงอมืองอเท้ารอฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าผลงานออกมาประชาชนนิยมชมชอบก็จะเป็นกระแสเสียงจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับรัฐบาล

ผมว่าเกมนี้ยังอีกยาวหรืออาจจะเกือบเป็นปี ดังนั้น ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเรื่องนี้แล้วเรื่องอื่นไม่มีอะไร รัฐบาลแพทองธารไปยาว

ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นผมเชื่อว่าน่าจะมีการยุบสภามากกว่า ถ้าดูสถานการณ์ศาลสั่งให้หยุดกระทำการ แล้วถ้ามีคนร้องศาลให้ยุบพรรค สมมุติประเมินสถานการณ์แล้วไปไม่รอดก็คงเลือกยุบสภามากกว่า

ในขณะเดียวกันเวลาเกือบ 1 ปี รัฐบาลมีผลงานเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ดิจิทัลวอลเล็ต การปราบยาเสพติด แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ราคาพืชไร่ได้ประชาชนกำลังนิยมชมชอบ เรื่องอะไรจะให้คุณอนุทิน ชาญวีรกูล มาเป็นนายกฯ แล้วพรรคฝ่ายค้านก็ยังไม่มีอะไรโดดเด่น แผลอะไรก็ยังไม่มี ผลงานกำลังขับเคลื่อนไปได้ ยุบสภาดีกว่าที่จะโยนความเป็นนายกรัฐมนตรีหรือให้อำนาจไปอยู่กับสีน้ำเงินหรือคุณอนุทินไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นรองเขาไปแต่เปล่าๆ

: มองศึก สีน้ำเงิน Vs สีแดงอย่างไร

ผมมองว่าเป็นมวยต่างชั้น สมมุติว่าคุณอนุทินพรรคภูมิใจไทยอยากจะแข็งข้อโดยอ้างว่ามี ส.ว.อยู่ในมืออยู่ประมาณ 150 ก็ไม่เห็นมีราคาอะไร อย่างเก่งก็อาจจะมีปัญหากฎหมายก็เรื่องเล็กน้อย เพราะถ้าสภาผู้แทนยืนยัน ส.ว. ก็ไม่สามารถที่จะไปจะไปตอบโต้อะไรได้ ไม่มีอะไรน่าวิตกเลย ส.ว.จะเป็นสีน้ำเงิน ก็ไม่มีผลใดๆ ต่อรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลชุดนี้อยู่ด้วย ส.ส.เกินกว่า 251 เสียงขึ้นไป

สมมุติเกิดคุณอนุทินไม่พอใจถอนตัวออก 70 เสียง ก็เหลืออยู่ 260 เสียง ถ้าเพื่อไทยมี 269 หรือรวมพรรคเล็กก็อาจจะมี 280 ไม่ต้องมีภูมิใจไทยแม้แต่เสียงเดียว พรรคเพื่อไทยก็ยังเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้

แต่ภูมิใจไทยถ้าไม่มีเพื่อนไทยจะตัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร ถ้าให้พรรคภูมิใจไทยไปรวมกับพรรคประชาชน ก็ได้แค่ 220 ถ้าคุณอนุทินคิดเลือกทางนี้นั่นแปลว่าเตรียมเป็นฝ่ายค้านแล้วก็เตรียมฆ่าตัวตายได้แน่นอน แม้ว่าคุณอนุทินหรือพรรคภูมิใจไทยจะกล้ำกลืนฝืนทนยังไงก็ต้องอยู่กับเพื่อไทยและเท่าที่ดูบรรยากาศดูสถานการณ์แล้วความพร้อมของภูมิใจไทยในสมัยนี้ยังไม่มีและบารมีโดยส่วนตัวของคุณอนุทินในสถานการณ์นี้ยังไม่ถึง เสียงก็น้อยบารมีในการเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย การแสดงผลงาน ภาวะผู้นำ ผมว่ายังต้องอีกหลายเพลา

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสีแดงหรือสีน้ำเงินเห็นแต่จะกระชับและกลมเกลียวหนักแน่นมากยิ่งขึ้น ไม่แน่อาจจะกลายเป็นพรรคเดียวกันหรือเปล่าหรืออาจจะเป็นสาขาของพรรคเพื่อไทย

 

: อำนาจ ส.ว.ทำอะไรได้มากน้อย?

สมัยที่ผมเป็น ส.ว. 250 มีสิทธิ์ในการโหวตให้คนเป็นนายกรัฐมนตรีใครที่กุม ส.ว.ได้เล่นเกมอะไรก็ได้เล่นเกมทางการเมืองไม่ว่าจะกฎหมายใดจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ว่าจะแก้กฎหมายใดเพื่อประโยชน์ให้ตัวเองมีสิทธิ์ มีอำนาจบทบาท ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญในจุดใดที่เอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง ส.ว.มีสิทธิ์ เพราะฉะนั้นจึงมีอำนาจแข็งขันในพรรคร่วม ดังนั้น ทุกคนต้องยอมจำนน เป็นไม้แข็งหรืออำนาจต่อรองที่ทุกคนไม่กล้าหือ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงเป็นแต้มต่อเพราะมี ส.ว.อยู่ในมือ 250

แต่ยุคนี้ไม่มีสิทธิ์โหวตนายกรัฐมนตรีจะไปมีแต้มต่ออะไร คุณอนุทินก็ไม่ได้มีแต้มต่ออะไรที่จะไปบีบนายกฯ หรือกฎหมายใดๆ ทั้งหมดหรือจะประชุมร่วมกันยังไงๆ ก็แพ้ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย

ดังนั้น สภาของ ส.ว.ชุดนี้จึงเป็นเพียงสภากลั่นกรองกฎหมายเท่านั้น

ชมคลิป