ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | ศรัณยู ตรีสุคนธ์
จักรวาลวิทยาและการเมือง
ที่ซุกซ่อนอยู่ในเพลง Dark Matter
ของวง Pearl Jam
Dark Matter เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 12 ของ Pearl Jam วางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา
เป็นที่รู้กันดีว่า Pearl Jam เป็นหนึ่งในวงกรันจ์ ร็อก ที่ประสบความสำเร็จเคียงคู่มากับเพื่อนร่วมรุ่นอย่างวง Nirvana, Alice in Chains, Soundgarden ที่ถือเป็น Big 4 ของดนตรีแนวนี้
แต่ทั้งแฟนเพลงแนวกรันจ์ ร็อก ทั่วโลกและนักวิจารณ์เห็นพ้องต้องกันว่าควรรวมวง Stone Temple Pilots เข้าไปด้วย
จุดเด่นในงานเพลงของ Pearl Jam ในช่วงแรกๆ คือการนำดนตรีแนวคลาสสิค ร็อก จากวงในตำนานอย่าง Led Zeppelin และ The Rolling Stones มาผสมผสานกับสำเนียงเพลงอิเล็กทริก บลูส์ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากมือกีตาร์บลูส์ชั้นครูอย่าง สตีวี เรย์ วอห์น และ จิมี เฮนดริกซ์ โดยริฟกีตาร์สุดมันของวงได้ต้นแบบมาจากดนตรีสเตเดี้ยม ร็อก (ดนตรีร็อกที่ออกแบบมาเพื่อเล่นในพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างสนามกีฬา) รวมถึงดนตรีแนวโพสต์ พังก์ จากยุค 80 ด้วย
สรุปก็คือทิศทางดนตรีที่วง Pearl Jam เล่นเป็นดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก ที่มีกลิ่นอายของดนตรีบลูส์และฮาร์ดร็อกอยู่อย่างเต็มเปี่ยม โดยในบางอัลบั้มมีสำเนียงของดนตรีไซคีเดลิก, การาจ ร็อก, อาร์ต ร็อก และ Americana (คันทรี, โฟล์ก และบลูแกลส) เข้ามาผสมผสานด้วย
กล่าวได้ว่ามีเพียง Ten, Vs. และ Vitalogy สตูดิโอ 3 ชุดแรกของวงเท่านั้นที่เรียกว่าเป็นงานเพลงในแนวกรันจ์ ร็อก ได้อย่างเต็มปาก เพราะอัลบั้มลำดับถัดมามีการกลายพันธุ์ทางดนตรีออกไป และที่สำคัญก็คือ กรันจ์ ร็อก เสื่อมความนิยมไปตั้งแต่ช่วงปลายยุค 90 แล้ว
ส่วนอัลบั้ม Dark Matter ถือเป็นงานเพลงแนวฮาร์ด ร็อก ที่มีริฟกีตาร์ที่เฉียบขาดเหมือนนำสไตล์การเล่นกีตาร์ของ คีธ ริชาร์ด (The Rolling Stones), อัลเลน คอลลินส์ (Lynyrd Skynyrd), พีท ทาวน์เชนด์ (The Who), The Edge (U2) และ โรเบิร์ต สมิธ (The Cure) ที่ทั้งร่วมสมัยและโคตรร็อกแอนด์โรลเอามากๆ มามีบทบาทสำคัญในการทำอัลบั้มชุดนี้
สิ่งที่การันตีได้อย่างชัดเจนว่า Dark Matter เป็นงานเพลงคุณภาพและเป็นอัลบั้มที่ดีมากๆ ชุดหนึ่งเท่าที่วง Pearl Jam เคยทำมาก็คือการที่ตัวอัลบั้มได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ครั้งที่ 67 ในสาขา Best Rock Album
ส่วนเพลง Dark Matter ได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ 2 สาขาด้วยกันคือ Best Rock Song และ Best Rock Performance
ชื่ออัลบั้มชุดล่าสุดของวง Pearl Jam แปลว่า “สสารมืด” ซึ่งถือเป็นสสารที่เป็นปริศนาสำหรับนักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์มาอย่างยาวนาน
ก่อนที่จะกล่าวถึงสสารอันน่าฉงนนี้ จำเป็นต้องพูดถึงดวงดาวในห้วงอวกาศก่อน
นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสงสัยมานานแล้วว่าในอวกาศที่เวิ้งว้างว่างเปล่านี้ กาแล็กซี่ทั้งหลายไม่อาจรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนหรือรูปทรงต่างๆ ได้ถ้าหากไม่มีแรงมากระทำ แรงชนิดนี้ทำให้ดวงดาวไม่แตกตัวออกจากกัน เช่นเดียวกันกับกาแล็กซี่ทางช้างเผือกของเราก็ย่อมจะต้องมีสสารมืดอยู่ด้วย เพียงแต่ว่ายังไม่มีใครสามารถตรวจจับสสารชนิดนี้ได้เลย
นี่จึงเป็นคำถามใหญ่ในแวดวงฟิสิกส์ดาราศาสตร์มานานกว่า 40 ปีแล้วว่าสสารมืดที่ไม่แสดงอันตรกิริยากับสสารใดเลยคืออะไรกันแน่
คุณลักษณะที่น่าสนใจอย่างน้อย 2 ประการของสสารมืดก็คือมันไม่สามารถปล่อยหรือดูดซับแสงได้เลย ทั้งๆ ที่สสารลึกลับนี้ได้รับการยืนยันจากนักดาราศาสตร์แล้วว่าจักรวาลมีสสารมืดครอบคลุมอยู่ถึง 80%
ซึ่ง เอ็ดดี เวดเดอร์ นักร้องนำและนักแต่งเพลงหลักของวงมีความสนใจในเรื่องของจักรวาลวิทยามานานแล้ว
โดยหลายปีก่อน เวดเดอร์ได้ร่วมงานกับทาง NASA ในการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง Invincible ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงการ Artemis ที่มีเป้าหมายในการพานักบินอวกาศชายและนักบินอวกาศหญิงคนแรกไปเหยียบขั้วโลกใต้ของดวงจันนทร์
ในขณะที่ตัวเวดเดอร์เองก็เคยติดต่อสื่อสารกับสถานีอวกาศนานาชาติมาแล้วด้วย
เนื้อหาของเพลง Quick Escape ที่อยู่ใน Gigaton (2020) อัลบั้มชุดก่อนหน้านี้ของวงก็เป็นจินตนาการในการเดินทางไปยังดาวอังคาร
ส่วน Dark Matter มีเนื้อเพลงที่กล่าวถึงสสารมืดในเชิงเปรียบเปรยได้อย่างคมคาย โดยเฉพาะในท่อนที่ร้องว่า “Steal the lights from our eyes. Drain the blood from my heart. We’re in all of this dark matter” ซึ่งแปลได้ว่า “ขโมยแสงสว่างไปจากดวงตาของพวกเรา. ดูดเลือดจากหัวใจของเราไปจนแห้งเหือด. เราทุกคนต่างก็ถูกควบคุมโดยสสารมืดนี้”
หากตีความตามตัวอักษร เนื้อเพลงท่อนนี้กล่าวถึงสิ่งที่มีอยู่จริงแต่เรามองไม่มีทางมองเห็นเพราะสสารมืดไม่ทั้งปล่อยหรือดูดซับแสง มันทำให้ดวงตาของเรามืดบอด
นอกจากนี้ ก็ยังมีท่อนที่เขียนว่า “มันขโมยลมหายใจไปจากอกของเรา. ล้างสมองด้วยการทำลายความคิด. สสารมืดทำให้เราเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์”
Dark Matter เป็นเพลงที่พูดถึงความอยุติธรรมและการเอารัดเอาเปรียบในสังคมระหว่างผู้มีอำนาจและผู้ที่ไร้ซึ่งอำนาจ ผ่านเนื้อหาของเพลงที่เขียนว่า
“เป็นเรื่องแปลกที่ในทุกวันนี้ หลายคนต้องเสียผลประโยชน์ให้กับความผิดพลาดของชนชั้นนำ และถึงแม้ว่าคุณจะวิ่งหนีมันสุดแรงแค่ไหน เราทุกคนก็จะถูกดึงมาอยู่รวมกันอยู่ดี ภายใต้อิทธิพลของสสารมืด”
หากมองในมุมนี้ Dark Matter เป็นเพลงที่เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างมาก ไม่ต้องมองไปไหนไกล ประเทศไทยในตอนนี้เต็มไปด้วยข่าวของคนที่ใช้อำนาจของเงินตราและอิทธิพลมืดเพื่อแบล็กเมล์ผู้อื่นให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินจำนวนมหาศาล
นี่คือเครือข่ายการคอร์รัปชั่นที่โยงใยอยู่ในหลายวงการทั้งผู้ประกอบธุรกิจสีเทา, นักร้อง (เรียน), คนในวงการบันเทิง, ทนาย ไปจนถึงกลุ่มคนมีสีที่มียศฐาบรรดาศักดิ์
พวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสสารมืดที่ไม่สามารถตรวจจับได้ ซึ่งนับวันก็จะยิ่งคุกคามสิทธิเสรีภาพไปจนถึงสวัสดิภาพของประชาชนที่ไม่มีสิทธิมีเสียงใดๆ มากขึ้นไปทุกที
สสารมืดในเพลง Dark Matter ยังถูกนำไปตีความว่าเป็นการเปรียบเปรยให้เห็นถึงบรรยากาศทางการเมืองอันร้อนแรงในสหรัฐอเมริกาที่นำไปสู่การลอบสังหาร โดนัลด์ ทรัมป์ (แต่ไม่สำเร็จ) ถึง 2 ครั้ง จนทำให้ โจ ไบเดน ถอนตัวจากการลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐกลางคันอย่างเต็มไปด้วยข้อกังขาและส่งไม้ต่อให้ กมลา แฮร์ริส แทนจนในที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
โดย เอ็ดดี เวดเดอร์ เคยกล่าวโจมตีทรัมป์ผ่านการให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าว Sunday Times ว่า “ทรัมป์มักจะสวมบทเป็นเหยื่อในทุกสถานการณ์ เป็นนักการเมืองที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นประธานาธิบดี เป็นคนที่ไม่รู้จักยอมแพ้”
“ผมแต่งเพลงนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะบอกว่า อย่าปล่อยให้คนคนเดียวมาจูงจมูกคุณ โดยเฉพาะคนที่ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหนก็ไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลย”
เนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่กล่าวถึงการจำกัดสิทธิ์ในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่ถือเป็นการใช้ปิดกั้นการเข้าถึงข่าวสารที่เป็นประโยชน์ของประชาชนในเพลง Dark Matter มีความเป็นไปได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับกฎหมาย Journalism Competition and Preservation Act (JCPA) ที่สภาคองเกรสยื่นให้ผ่านเพื่อลดทอนอำนาจในการนำเสนอข่าว
โดยแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Facebook, Google และอีกมากที่หลายครั้งนำเสนอข่าวด้านเดียวหรือเสนอข่าวกระแสหลักเท่านั้นแถมยังปิดกั้นการมองเห็นและการแชร์ข่าวอีกด้วย
ส่งผลให้เกิดการ Disrupt สื่อท้องถิ่นที่เน้นการเสนอข่าวที่มีเนื้อหาสาระในเชิงลึกที่ให้ความรู้ที่เป็นอาหารสมองต่อผู้คนมากกว่าข่าวสารที่ตื้นเขินเพื่อเรียกยอด Engagement ได้มากกว่า
Dark Matter เป็นเพลงที่เป็นกระบอกเสียงให้กับใครก็ตามที่ถูกผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นชนชั้นปกครอง, ผู้มีอำนาจเงินตราหรือชนชั้นนำแสดงบทบาทที่อยู่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้กฎหมายในทางไม่ชอบเพื่อลิดรอนสิทธิและเสรีภาพไปเหมือนเหลือบไรที่สูบเลือดสูบเนื้อคนจนคนชายขอบที่ไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ ผู้ที่แสร้งหวังดีแต่แท้ที่จริงแล้วประสงค์ร้ายนี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม
ที่น่าเศร้าก็คือพวกเขามักเป็นที่นับหน้าถือตาและถูกมองว่าเป็นคนดีของสังคมเสียด้วย คนเหล่านี้จะทำผิดไปเรื่อยๆ อย่างลอยนวลจนกว่าจะถึงวันถูกเปิดโปง
แต่กว่าที่ทุกคนจะรู้ตัวว่าคนเหล่านี้เป็นสสารมืดที่นำแสงสว่างออกจากดวงตาและสูบเลือดสูบเนื้อจนหมดสิ้นไปจากทุกห้องของหัวใจ มันก็สายไปเสียแล้ว
ใต้ภาพ
1-วง Pearl Jam ยุคปัจจุบัน
2-หน้าปกอัลบั้ม Dark Matter
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022