ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | เอกภาพ |
ผู้เขียน | พิชัย แก้ววิชิต |
เผยแพร่ |
แตนเป็นทอมบอยสวยเท่ เป็นคนตรงไปตรงมา มักมีอาการขึงขังห่ามห้าวอยู่บ้าง กับใครก็ตามที่เข้ามากวน เป็นเหตุให้เธอต้องหงุดหงิดรำคาญใจ นอกนั้นแล้ว นิสัยใจคอจัดได้ว่าเป็นดั่งกัลยาณมิตร ไม่ควรพลาดในการคบหา
แตนเป็นดั่งแสงเทียนในยามมืดมนของเพื่อนๆ หากแต่ “แสงเช่นเธอกลับหวาดกลัวความมืดมิด”
แตนเป็นคนประเภท “กลัวผี” ขึ้นสมอง จนลุกลามไปทั่วทั้งสี่ห้องของหัวใจ
ด้วยถิ่นอาศัยคือชนบท ห่างไกลแสงความเจริญของตัวเมือง ในยุคที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ทั่วถึง สินค้าเงินผ่อนก็ยังไม่ตามมา แสงดาวและแสงเดือนไม่อาจกระจ่างแจ้งพอที่จะขับไล่ความวังเวง เงาทะมึนสูงชะลูดของต้นไม้น้อยใหญ่ มักไหวเอนเมื่อยามต้องลม ชวนให้คิดจนจิตตก
เพราะบรรยากกาศมันพาไปเช่นนี้แล้ว หลังตะวันตกดิน อย่าได้คิดชวนแตนเพื่อนรักออกจากชายคาบ้านไปไหนด้วยกันสองต่อสอง เธอมักจะปฏิเสธเจตนาดีทุกครั้ง
ด้วยอ้างเหตุผลของความกลัวผี
คืนหนึ่งนั้น ราวสองทุ่ม หลังฝนตกเสร็จได้ไม่นาน เพื่อนวัยประถมปลายสามคนมาหาผมที่บ้าน ชวนให้ออกไปส่องเขียดตามทุ่งนาที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก
และสิ่งที่ทำให้ผมต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก คือการมาด้วยของแตน
และเมื่อแตนยังกล้าพอ ใครกันจะปฏิเสธ
ไฟฉายแบบคาดหัวพร้อม ถุงใส่เขียดก็พร้อมแล้ว ผม แตน และเพื่อนอีกสองคน จึงพากันออกเดินทางด้วยแสงไฟฉาย ท้าทายความมืด มุ่งสู่ท้องทุ่งนาอันเวิ้งว้าง
ในช่วงเวลานั้น เต็มไปด้วยความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ หากแต่ในยามที่มีเพื่อนร่วมอยู่ด้วย ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สนุก
จากการได้ผจญภัยร่วมกัน “เสียงหัวเราะดังของพวกเราทำลายความวังเวง ความซุกซนเป็นดั่งแสงเจิดจรัสท่ามกลางความมืด สว่างไสวในความรู้สึก ราวกับรุ่งอรุณในยามราตรี” จนหลงลืมความกลัวไปชั่วขณะ
ฝนเริ่มโปรยปรายมาเบาๆ หลังจากจับเขียดได้มากพอที่จะแบ่งกันหารสี่ เสียงข้างมากลงมติว่า สมควรแก่เวลาแล้วที่จะเลิกเอาไฟฉายส่องตาเขียด กลับบ้านกันดีกว่า ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันเสาร์ก็ตามที
เที่ยวขากลับเราพากันเดินเลาะไปตามลำห้วย เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ สองข้างทางประดับประดาด้วยแสงหิ่งห้อยวิบวับเป็นระยะ แทรกแสงละมุนน้อยๆ ตามพุ่มไม้ให้เห็นดูสวยดี
ผมเดินรั้งท้ายสุดของปลายแถว ส่วนคนที่อยู่ข้างหน้านั้นผมคือแตน ส่วนเพื่อนอีกสองคน เดินนำโด่งไปไกลพอควร เสียงใบไม้กระทบกันจากลมกระโชกแรงไล่หลังเย็นเสียวสันหลัง
ชวนให้คิดมากจนผมต้องเร่งฝีเท้า

ไม่นานผมก็ได้เห็นแสงบางอย่าง มันไม่ใช่แสงวิบวับ แต่เป็นแสงวูบวาบดูแปลกตา มันอยู่หลังพุ่มไม้ที่ผมเพิ่งเดินผ่านมาเพียงไม่กี่ก้าว มันเป็นหิ่งห้อยสายพันธุ์ไหนกัน จึงมีสีส้มอมเขียว ผมหยุดยืนสังเกตดู แล้วเดินเข้าใกล้ๆ เพื่อที่จะดูตัวหิ่งห้อยให้เห็นชัดๆ
“แตนๆ รอแป๊บนึง” ผมบอกให้แตนหยุดเดิน
ไม่ทันที่ผมจะเดินไปถึงพุ่มไม้ แสงวูบวาบสะดุดตาค่อยๆ ขยายวงกว้าง เคลื่อนขยับราวกับจะลอยขึ้น แลดูใหญ่เกินกว่าความน่าจะเป็นแสงหิ่งห้อย
“กระสือ!!!” ไอ้แตนเพื่อนรักร้องเสียงหลง!
ผมยืนตัวชา ขาขยับไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แตนกระชากแขนให้ผมรีบวิ่งออกจากที่ตรงนั้นจนเสียหลัก ล้มลุกคลุกคลานตามกัน เมื่อลุกขึ้นได้ก็พากันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต รองเท้าและเขียดกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
ส่วนเพื่อนหัวแถวทั้งสอง ราวกับจะตะโกนบอกให้มันวิ่งไปก่อน หัวจิตหัวใจของเขาทั้งสองสรุปโดยย่อคือ “มันทิ้งเพื่อน” โดยไม่หันหลังกลับมาแล ผมจำไม่ได้ว่าตลอดการวิ่งผ่านอะไรมาบ้าง ทุกระยะของเส้นทางผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้ตัวตัวอีกที นั่งอยู่หน้าบ้านใครก็ไม่รู้ แตนนั่งหน้าซีดตัวสั่น หอบแฮกราวกับจะขาดใจอยู่ข้างๆ อย่างน่าสงสาร สภาพผมไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่นัก
ผมและแตนวิ่งหนีด้วยแรงแห่งความกลัว เพราะไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับมัน ซึ่งแท้จริงแล้วอาจอธิบายได้โดยวิถีวิทยาศาสตร์ก็เป็นได้
แตนนอนป่วยอยู่สองสามวันอาการก็ดีขึ้น เพราะคนในครอบครัวและชาวบ้านช่วยกันทำพิธีเรียกขวัญ
ถึงตอนนี้ผ่านมาแล้วเกือบสามสิบปี แตนมีครอบครัวแล้ว ความเป็นทอมบอยจางหายไปกลายเป็นอดีต
ถึงตอนนี้มีข่าวแว่วๆ มาว่า แตนอยู่กินกับผี ผู้ที่อาจทำให้เธอต้องหมดเนื้อหมดตัวเข้าให้สักวัน
ขอบคุณมากมายครับ •
เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022