ธนาคาร แผ่นเสียง เทป ม็อบ และ DISRUPT

ธงทอง จันทรางศุ

หลังลับแลมีอรุณรุ่ง | ธงทอง จันทรางศุ

 

ธนาคาร แผ่นเสียง เทป

ม็อบ และ DISRUPT

 

ชีวิตของผมในแต่ละวันที่เป็นวันทำงานปกติของคนทั้งหลายซึ่งหมายความถึงวันทำงานราชการตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันศุกร์

ภารกิจส่วนใหญ่ทำให้ผมต้องใช้ชีวิตหมุนเวียนอยู่ในเมืองชั้นในมากพอสมควร สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจมีทั้งวัดวาอารามและสถานที่ราชการ ไม่ว่าจะเป็นวัดโสมนัสวิหาร วัดบวรนิเวศวิหาร กระทรวงศึกษาธิการ ทำเนียบรัฐบาล หรือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฯลฯ

ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ผมจะจะต้องแสวงหาร้านอาหารที่อยู่ในละแวกนั้นเพื่อใช้บริการอาหารมื้อกลางวัน และเรื่อยเปื่อยไปจนถึงบริการอื่นๆ เช่น ธนาคารเพื่อทำธุรกรรมที่จำเป็น

จริงอยู่ว่าในโลกปัจจุบัน ในแต่ละวันผมได้ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือในการทำธุรกรรมด้านการเงินเป็นประจำอยู่เสมอ

เช่น เมื่อกลางวันวันนี้ไปกินข้าวร้านสมทรงโภชนา หน้าวัดสังเวชวิศยาราม ที่ขายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยและอาหารไทยอีกหลายรายการซึ่งผมผูกปิ่นโตเป็นแฟนประจำงอมแงม โดยไม่หลงลืมที่จะกินขนมข้าวฟ่างและซื้อขนมข้าวฟ่างนั่นเองกลับบ้านมาฝากคนที่บ้านด้วย

ถึงเวลาจ่ายค่าเสียหาย ผมก็ใช้วิธีโอนเงินจากโทรศัพท์ผมผ่านระบบสแกนของร้านค้า ชั่วเวลาเพียงพริบตาเดียวการชำระบัญชีค่าอาหารมื้ออร่อยก็สำเร็จเรียบร้อย

 

ไหนๆ วันนี้ผมก็ไปแถวนั้นอยู่แล้ว บังเอิญให้มีเช็คติดอยู่ในกระเป๋าหนึ่งใบเพราะคนที่จ่ายเช็คให้ผม เขาไม่ได้ใช้ระบบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้จะไปยากอะไร ในเส้นทางระหว่างห้องประชุมต่างๆ กับร้านอาหาร มีสาขาของธนาคารใหญ่ธนาคารหนึ่งซึ่งผมเป็นลูกค้าประจำ แวะเข้าไปเอาเช็คเข้าบัญชีเสียหน่อยจะเป็นไร ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลย

เมื่อผมเข้าไปจอดรถอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารที่เป็นที่ทำการสาขาของธนาคารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของอาคารซึ่งเป็นที่ทำการของสำนักงาน

จำได้ดีทีเดียวครับว่า ยุคสมัยหนึ่งของอาคารธนาคารสาขาจำนวนมากในบ้านเรา สถาปนิกต้องออกแบบก่อสร้างเป็นอาคารเดี่ยว ไม่ปะปนอยู่กับใคร และหลายธนาคารนิยมออกแบบให้ลูกค้าต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชั้นสองเพื่อทำธุรกรรมที่ตนประสงค์

ในยุคสมัยที่ธนาคารหน้าตาเป็นอย่างที่ว่า จะใช้คำว่าลูกค้าอย่างผมต้อง “เดินขึ้นบันได” ไปก็เห็นจะเหมาะ แต่พอมาถึงวัยขนาดนี้แล้ว ถ้าจะให้ถูกต้องตามความเป็นจริง สงสัยต้องใช้ถ้อยคำ ลูกค้าอย่างผมได้ “ไต่บันได” ขึ้นไปติดต่อกับธนาคารเสียแล้ว

สถาปนิกคนออกแบบธนาคารไม่แก่บ้างก็ให้มันรู้ไป ฮึ

 

เมื่อขึ้นไปติดต่อเพื่อนำเช็คฝากเข้าบัญชี ผมพบว่าไม่มีลูกค้าธนาคารคนอื่นอยู่ในคิวเลย ไปถึงปุ๊บผมก็เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ได้ปั๊บ

และระหว่างที่ทำธุรกรรมให้เรียบร้อยนั้นก็ยังไม่มีลูกค้าคนอื่นมาต่อแถวหรือมาแทรกแซงผมเลย คุณพนักงานประจำเคาน์เตอร์ซึ่งคุ้นหน้ากับผมมานานปีจึงแจ้งให้ผมทราบด้วยความอารีอารอบว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ธนาคารสาขานี้จะปิดทำการแล้ว โดยพนักงานทั้งหลายจะถูกโยกย้ายกระจายไปตามสาขาอื่น ที่เป็นอย่างนี้เพราะผู้บริหารธนาคารระดับสูงมีข้อมูลว่า สาขาธนาคารที่ผมเป็นเจ้าประจำอยู่นี้มีลูกค้าเข้าไปใช้บริการในแต่ละวันไม่ถึงหนึ่งร้อยคน

เขาหายไปไหนกันครับ

ผมถามตัวเองแล้วได้คำตอบกับตัวเองว่า เขาหายไปอยู่ในมือถือหมด หรือถ้าต้องการทำธุรกรรมแบบเห็นหน้ากัน ลูกค้าก็ไปติดต่อกับธนาคารที่อยู่ในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ลูกค้าไปเดินเล่น ไปซื้อของหรือไปหาอาหารกินอยู่แล้ว ได้รับความสะดวกสบายดีทุกประการ

ไม่ต้องขับรถมาที่ธนาคารเพื่อจอดรถอยู่ชั้นล่างแล้วเดินไต่บันไดขึ้นไปแบบผมวันนี้

 

นี่เองคือความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันที่ทำให้เกิดอะไรต่อมิอะไรขึ้นและอยู่เหนือความควบคุมของเราเป็นอันมาก หน้าที่ของเราจึงไม่ใช่การฝืนโลก แต่เป็นการอนุวัตตามโลกด้วยความรู้เท่าทัน

คุณพนักงานที่รับฝากเช็คผมตอนเที่ยงวันนี้ สัปดาห์หน้าก็ต้องย้ายที่ทำงานแล้วครับ เธอบอกว่าจะไปอยู่ที่สาขาราชวัตร เผื่อว่าผมจะตามไปใช้บริการก็ย่อมได้

แต่ที่สำคัญมากกว่าผมจะไปหรือไม่ไปใช้บริการ คือ ความจริงว่าคุณพนักงานคนนี้ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตมากพอสมควร ตั้งแต่การเดินทางจากบ้านมาที่ทำงาน ต้องวางแผนการจราจรใหม่ทั้งหมด อาจต้องปรับตารางชีวิตให้เหมาะสมเสียด้วยซ้ำ เช่น จะตื่นเวลาเดิมได้หรือไม่ หรือต้องตื่นให้เช้าขึ้นอีก 15 นาที

การไปอยู่ในสำนักงานสาขาแห่งใหม่ แปลความต่อไปได้ว่า ต้องมีเพื่อนใหม่ ต้องรู้จักคนใหม่ ต้องรู้จักนายใหม่ ต้องรู้จักลูกค้าใหม่ ทุกอย่างใหม่ไปเสียทั้งสิ้น

ใหม่แม้กระทั่งร้านอาหารที่เคยฝากปากท้องไว้เป็นประจำทุกวัน สัปดาห์หน้าก็ต้องหาร้านอาหารใหม่สำหรับมื้อกลางวันแล้ว

 

เห็นไหมครับว่า ระบบธุรกรรมทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ใช้วิธีเดินไปพบหน้ากันที่เคาน์เตอร์ธนาคาร เปลี่ยนมาเป็นธุรกรรมที่อยู่ในระบบมือถือเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผู้บริหารในระดับสูงต้องมองภาพใหญ่ว่าทำอย่างไรดีกับสาขาธนาคารที่เป็นตึกโดดเดี่ยวและมีลูกค้าเดินผ่านประตูเข้ามาใช้บริการน้อยลงทุกวัน

พนักงานธนาคารที่เป็นผู้น้อยก็ต้องคิดว่า ตัวเองจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไรจึงจะลงตัว

ครั้นจะพูดอะไรให้ยาวความต่อไป หลายท่านก็คงเห็นผมเป็นแผ่นเสียงตกร่องเพราะพูดจาอะไรซ้ำซากอยู่เสมอ

เขียนย่อหน้าข้างต้นเสร็จบัดเดี๋ยวนี้ ผมก็ถามตัวเองต่อไปว่า เด็กรุ่นปัจจุบันจะเข้าใจไหมว่า “แผ่นเสียงตกร่อง” คืออะไร ฮา!

เพราะอย่าว่าแต่ใครอื่นเลย ตัวผมเองก็ไม่เห็นแผ่นเสียงมานานแล้ว

 

จําได้ไหมครับว่าผู้อ่านแต่ละท่านได้เห็นแผ่นเสียงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ จากแผ่นเสียงแผ่นใหญ่แผ่นเล็ก

ชีวิตผมยาวนานพอที่จะได้เห็นว่าแผ่นเสียงจางหายไปจากความนิยม แล้วเกิดมีเทปบันทึกเสียงที่มีขนาดใหญ่ มีม้วนเทปอันโตเท่าจานข้าวสองอันวางอยู่ข้างซ้ายข้างขวาของเครื่องเล่นเทปเข้ามาแทนที่ ถัดไปอีกไม่นานม้วนเทปก็มีขนาดเล็กลง เล็กลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเทปคาสเซ็ต ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีใครรู้จักเสียแล้วเหมือนกัน

อย่าลืมนะครับว่าพี่เบิร์ด ธงไชย สร้างผลงานชิ้นแรกให้ได้รู้จักฮือฮากันทั้งประเทศก็ใช้เทปคาสเซ็ตนี่แหละเป็นเครื่องมือนำเสียงร้องเสียงดนตรีมาสู่ความนิยมของชาวเรา

ต่อมาก็เป็นยุคของซีดีซึ่งมีหน้าตาเป็นแผ่นกลมแวววาว แล้วกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ในเวลาต่อมา จนถึงทุกวันนี้ เพราะผมเรียงลำดับยุคไม่ถูกแล้วเหมือนกัน

นี่แปลว่าผู้ที่อยู่ในธุรกิจบันเทิง ธุรกิจการบันทึกเสียง และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์

ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อนครับ แค่บริษัทที่เคยผลิตเทปคาสเซ็ตขายได้ทีละหลายล้านตลับ ถ้าเวลานี้ยังผลิตเทปแบบที่ว่าขายอยู่ก็แปลกและน่าสงสารมาก

อย่างไรเสียผมมั่นใจว่าถึงวันนี้ผู้ประกอบการรายนั้นคงไปทำอะไรอย่างอื่นขายแล้ว

ส่วนจะยังอยู่ในแวดวงธุรกิจบันเทิงหรือบันทึกเสียงต่อไปหรือไม่ ไม่มีใครบอกได้

 

โลกของเราเปลี่ยนไปทุกวันครับ ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกาก็ชัดเจนแล้วว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สองและได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งจากอีกพรรคหนึ่งอย่างเห็นเด่นชัด

ถ้ามีใครไปบอกคุณปู่หรือคุณตาของผมซึ่งท่านเสียชีวิตไปนานนักหนาแล้วให้ทราบว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะออกหัวออกก้อยอย่างไร จะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงทางได้ทางเสียของประเทศไทยอย่างมีนัยยะสำคัญ ท่านคงงุนงงสงกาเป็นอย่างยิ่ง

ประเทศอเมริกาหรือในยุคสมัยคุณปู่ผมยังรับราชการอยู่เมื่อร้อยปีก่อน ท่านคุ้นเคยกับชื่อประเทศนี้ว่า สหปาลีรัฐอเมริกา มาถึงวันนี้ประเทศดังกล่าวมีความสำคัญกับชาวโลกและชาวไทยมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ

 

ที่ชวนท่านทั้งหลายคุยมายืดยาวถึงขนาดนี้ เพื่อจะย้ำบอกกับตัวเองและทุกท่านอีกครั้งหนึ่งว่า สถานการณ์ที่เรียกเป็นภาษาฝรั่งว่า Disrupt เป็นความจริงเชิงประจักษ์

ไม่ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบอย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหลายแหล่ก็จะเกิดขึ้นโดยไม่มีใครมีอำนาจไปห้ามปรามอะไรได้

ข้อสำคัญอยู่ตรงว่าเราจะปรับตัวเราและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้อย่างไร

ในทางการเมืองภายในประเทศบ้านเรา ผมดูข่าวโทรทัศน์เมื่อตอนหัวค่ำวันนี้ เห็นการประท้วงเรื่องอะไรเรื่องหนึ่ง ภาพข่าวทำให้ผมเห็นว่าผู้ที่ชุมนุมประท้วงหลายสิบคนนั้นประเมินอายุโดยเฉลี่ยแล้วไม่มีใครอายุต่ำกว่า 50 ปีเลย

อุปกรณ์การชุมนุมประท้วงล้วนเป็นของที่แต่ละท่านถือติดไม้ติดมือมาไม่น้อยกว่าสิบปี เป็นต้นว่า มือตบและผ้าพันคอเก่าคร่ำคร่า

เห็นแล้วทำไมนึกถึงแผ่นเสียงตกร่องหรือเทปคาสเซ็ตที่หาเครื่องเปิดฟังไม่ได้แล้วอย่างไรก็ไม่รู้

ดูแล้วก็มีแต่ความเข้าใจ เห็นใจและเป็นห่วง เพราะแต่ละคนวัยเดียวกันกับผมทั้งน้านนนนนน

นี่ถ้าเป็นลมเป็นแล้งไป ลูกหลานเขาจะเคืองเอานะครับว่าไม่รู้จักดูแลตัวเอง

โปรดถนอมสุขภาพด้วย