ถึงเวลาเก็บภาษีรถติด?

ทวีศักดิ์ บุตรตัน

พรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และเอ็กซ์ เป็นคำถามปลายเปิดว่าเห็นด้วยหรือไม่กับแนวคิดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดนำมาเติมกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทุกคนได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

ปรากฏว่าบรรดาเอฟซีทั้งฝ่ายหนุนฝ่ายค้านแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางและกลายเป็นประเด็นข่าวในสื่ออยู่หลายวัน

โพสต์ดังกล่าวระบุว่า การประกาศเดินหน้านโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” อย่างจริงจังของพรรคเพื่อไทย ริเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ความชัดเจนของนโยบายนี้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศเดินหน้าแน่นอนทุกเส้นทาง พร้อมกำหนดชัดเจนภายในเดือนกันยายน 2568

“ประเด็นที่น่าสนใจภายใต้นโยบายนี้คือ กระทรวงการคลังริเริ่มศึกษาแนวคิดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิท รัชดาภิเษก และสีลม เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด จูงใจให้ประชาชนใช้บริการสาธารณะราคาถูกและเข้าถึงได้เป็นทางหลัก”

ในโพสต์ยังระบุว่า เส้นทางหลักๆ ทั้งสุขุมวิท รัชดาฯ และสีลมนั้น มีปริมาณการจราจรราว 7 แสนคันต่อวัน

“แนวคิดนี้ได้แรงบันดาลใจจากประเทศพัฒนาแล้วที่ประสบความสำเร็จ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ อิตาลี สวีเดน นอร์เวย์ เยอรมนีและสหรัฐอเมริกา

รายได้จากการจัดเก็บจะนำมารวมอยู่ในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะเก็บในอัตราเพิ่มขึ้น อาทิ 5 ปีแรก เก็บคันละ 50 บาท คาดว่าจะมีรายได้ส่วนนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี

โพสต์ของพรรคเพื่อไทยอ้างคำพูดของ “ลวรณ แสงสนิท” ปลัดกระทรวงการคลังว่า ข้อเสนอจัดเก็บค่าธรรมเนียมขับรถเข้าเมืองในช่วง 5 ปีแรก 40-50 บาทต่อครั้งเป็นแนวคิดเท่านั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป เป็นเพียง 1 ในแนวทางที่กระทรวงคมนาคมเสนอมา

 

สื่อนำประเด็นที่พรรคเพื่อไทยโพสต์ในโซเชียลไปถาม “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม. ได้คำตอบว่า แนวคิดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดมีหลายประเทศทั่วโลกใช้อยู่ เช่น สิงคโปร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลักการคือการสร้างแรงจูงใจให้คนใช้รถสาธารณะมากขึ้น และใช้รถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง

ชัชชาติ” บอกว่า จริงๆ แล้ว กทม.ก็มีแนวคิดนี้เหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญก่อนจัดเก็บค่าธรรมเนียม ต้องให้มั่นใจว่ามีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีพอ สามารถกระจายให้ประชาชนมีทางเลือก

เมื่อมีทางเลือกพอก็สามารถเก็บเงินได้ ถ้าคนไหนใช้รถก็ยอมเสียเงินมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องมีทางเลือกระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพที่ดีพอ ไม่ได้หมายความเฉพาะรถไฟฟ้าเท่านั้น

แต่หมายความถึงระบบเส้นเลือดฝอย เช่น รถเมล์ ทางเดินเท้าที่เดินเข้าถึงบ้านได้ ควรทำให้สมบูรณ์ทั้งรูปแบบจากบ้านจนมาถึงที่ทำงานให้ได้สะดวก

“เราไม่ขัดข้องกับแนวคิดนี้ แต่ต้องให้มั่นใจว่า พื้นที่ที่ทำมีระบบขนส่งสาธารณะที่เพียงพอ ประชาชนมีทางเลือก มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นคนที่มีรายได้น้อยและไม่มีทางเลือกในการเดินทาง หรือต้องขับรถมาส่งลูกที่โรงเรียน ก็อาจจะกลายเป็นภาระต่อกลุ่มคนเหล่านี้ได้” ผู้ว่าฯ กทม.ตั้งเป็นประเด็น

การจะเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ถ้าทำคงต้องเป็นโซนใหญ่ ทำเป็นบางถนนไม่ได้ เพราะหากทำเป็นบางถนนจะผลักให้รถไปติดถนนเส้นอื่นแทน หลีกเลี่ยงไม่เข้าถนนเส้นที่เก็บเงิน ทำให้ถนนเส้นอื่นติดหนัก

ที่ผ่านมาหากสังเกตจะเป็นระบบพื้นที่ เช่น เข้ามาในโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน หรือ Central Business District (CBD) มีระบบที่จัดเก็บเงินและต้องมีเทคโนโลยีมาช่วย เพราะจะนำคนไปเก็บเงินไม่ได้ ต้องมีเครื่องสแกนเหมือนระบบทางด่วน

คิดว่าในแง่หลักการไม่ขัดข้อง แต่ในแง่ของการปฏิบัติคงต้องดูในเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะให้พร้อม ประชาชนจะได้มีทางเลือก ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นสร้างภาระ

“รถไฟฟ้าอย่างเดียวไม่พอ เพราะคนเราลงจากรถไฟฟ้าแล้วไม่ใช่ถึงบ้านทันที แต่ก็ดีทำให้เราผลักดันระบบขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้น จากนั้นโซนไหนที่พร้อมแล้วก็อาจจะทยอยทำได้” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวทิ้งท้าย

 

ฝ่าย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แสดงความเห็นในเรื่องเดียวกันว่า ในการศึกษาแก้ปัญหารถติดในหลายประเทศต้องเก็บเงินค่าธรรมเนียม กระทรวงคมนาคมจ้างที่ปรึกษามาศึกษาในรายละเอียดว่าจะเก็บที่ไหนอย่างไรและผลประโยชน์จะเกิดขึ้นกับประชาชนอย่างไร

“ถ้าประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้าในราคาถูกจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้นด้วย เพราะปัจจุบันถ้าใช้รถส่วนตัว มีค่าน้ำมันต่างๆ และกว่าจะเดินทางกลับถึงบ้าน เวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัวน้อยลง ขอย้ำว่าแนวคิดการเก็บภาษีรถติดจะต้องศึกษาผลดีผลเสียก่อน จากนั้นจะอธิบายให้ประชาชนฟัง น่าจะใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี และต้องเตรียมระบบขนส่งสาธารณะให้เรียบร้อยก่อนด้วย” คุณสุริยะแจกแจง

การจะเก็บค่าธรรมเนียมรถติดได้หมายความว่าจะเก็บในเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าอยู่แล้ว เมื่อมีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านแล้วยังใช้รถส่วนตัว จะเกิดมลพิษ ทางเราอาจจะต้องจัดเก็บและมีทางเลือกให้ผู้ใช้รถส่วนตัว เช่น ถ้าเก็บภาษีรถติดในเส้นทางที่ผ่านศูนย์การค้าพารากอน (สยามสแควร์) ที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน ประชาชนใช้รถในเส้นทางนี้เพื่อไปพระโขนง อาจเปลี่ยนเส้นทางไปถนนเพชรบุรีหรือพระราม 4 ซึ่งเป็นทางเลือก

“การเก็บค่าธรรมเนียมรถติดเฉพาะรถเก๋งส่วนตัว รถกระบะไม่เก็บและถ้าคนเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้รถเก๋งไปใช้รถไฟฟ้ามลพิษทางอากาศลดลงแน่นอน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมย้ำผ่านสื่อ

 

ในรายละเอียดการศึกษาข้อมูลต่างประเทศนั้น คุณกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปศึกษาแนวทางการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ และนำมาเปรียบเทียบความน่าจะเป็นกับความเหมาะสมในประเทศไทย รวมถึงระบบทางเศรษฐกิจทุกภาคส่วน สังคม สิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียม และระบบการขนส่งสาธารณะ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติเป็นหลัก

จากการศึกษาของ สนข. มี 4 ประเทศที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดแล้วประสบความสำเร็จ ได้แก่

1. กรุงลอนดอน ใช้ระบบกล้องตรวจจับการรับรู้ป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ เพื่อจัดเก็บค่าธรรมเนียม ในพื้นที่ศูนย์กลางของเมือง รัศมีขนาด 21 ตารางกิโลเมตร (ตร.ก.ม.) จัดเก็บในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-18.00 น. แต่ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จัดเก็บในราคา 15 ปอนด์ต่อวัน (ประมาณ 658 บาท)

ส่วนวิธีการชำระเงินนั้น สามารถชำระได้ในช่องทางแอพพลิเคชั่น และออนไลน์ ผลลัพธ์จากการศึกษามาตรการเก็บค่าธรรมเนียมใช้ถนนที่กรุงลอนดอน พบว่า การจราจรติดขัดลดลง 16% และมีปริมาณผู้โดยสารขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น 18%

2. ประเทศสิงคโปร์ จัดเก็บค่าธรรมเนียม ในพื้นที่ศูนย์กลางของเมือง, ทางด่วน และพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น ในวันจันทร์-เสาร์ ช่วงเวลา 06.00-22.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในราคา 1-6 ดอลลาร์สิงคโปร์ (26-158 บาท) ขึ้นอยู่กับประเภทรถ, ช่วงเวลา และพื้นที่ สามารถชำระเงินได้ที่ชุดควบคุมภายในรถ โดยเชื่อมต่อกับเครื่องชำระเงินผ่านบัตรแทนเงินสด หรือบัตรเดบิต/เครดิต

ส่วนระบบการทำงานนั้น จะใช้เทคโนโลยีวิทยุระบุความถี่ (RFID : Radio Frequency Identification) เพื่อเก็บค่าธรรมเนียมความแออัดโดยอัตโนมัติจากยานพาหนะที่ติดตั้ง IU (in-vehicle unit) ที่ผ่านไปใต้ประตู ERP (electronic road pricing) ผลลัพธ์การจัดเก็บค่าธรรมเนียม พบว่า การจราจรติดขัดลดลง 15 เปอร์เซ็นต์

3. กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน จัดเก็บในพื้นที่ศูนย์กลางของเมืองทางหลวงพิเศษเอสซิงเกเลเดน (Essingeleden Motorway) ในวันจันทร์-เสาร์ เวลา 06.30-18.29 น. ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในราคา 11-45 โครนาสวีเดน (35.53-145.35 บาท) ขึ้นอยู่กับประเภทรถ, ช่วงเวลา และพื้นที่ โดยกล้องตรวจจับการรับรู้ป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ จะตรวจจับค่าผ่านทางบนถนน โดยจะบันทึกยานพาหนะทั้งหมด และมีการส่งใบแจ้งหนี้ไปยังเจ้าของยานพาหนะในช่วงสิ้นเดือน

ทั้งนี้ ผลลัพธ์การจัดเก็บค่าธรรมเนียม พบว่า จราจรติดขัดลดลง 20% มีการใช้ขนส่งสาธารณะเพิ่ม 5% ขณะที่โกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ก็ได้มีการจัดเก็บในพื้นที่ใจกลางเมืองโกเธนเบิร์กทั้งหมด และถนนสายหลัก E6 ในวันจันทร์-เสาร์ เวลา 06.30-18.29 น. ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในราคา 9-22 โครนาสวีเดน (29.07-71.06 บาท) ขึ้นอยู่กับประเภทรถ, ช่วงเวลา และพื้นที่

ส่วนรูปแบบการชำระเงิน และการดำเนินการ จะเป็นเช่นเดียวกันกับสตอกโฮล์ม โดยการดำเนินการในโกเธนเบิร์กนั้น พบว่า จราจรติดขัดลดลง 10% และใช้ขนส่งสาธารณะเพิ่ม 6%

4. เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ติดตั้งกล้องตรวจจับการรับรู้ป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ เพื่อจัดเก็บค่าธรรมเนียม ในพื้นที่ใจกลางเมืองมิลาน บริเวณเซอร์เคีย เดย บาสติโอนี่ (Cerchia dei Bastioni) แบ่งเป็น วันจันทร์, อังคาร, พุธ และศุกร์ เวลา 07.30-19.30 น. ส่วนวันพฤหัสบดี เวลา 07.30-18.30 น. (ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) จัดเก็บในราคา 2-5 ยูโรต่อวัน (76.42-191.05 บาท) ขึ้นอยู่กับประเภทรถ สามารถชำระเงินได้ผ่านตู้ชำระเงินบริเวณที่จอดรถ, เครื่องเอทีเอ็ม, แอพพลิเคชั่น และระบบออนไลน์

การจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว พบว่า การจราจรติดขัดลดลง 34% ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ประเทศที่ดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด พบว่า ปริมาณผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าก่อนเริ่มใช้มาตรการนั้น ประชาชนจะตั้งข้อสังเกตในหลายกรณี แต่เมื่อหลังเริ่มใช้แล้วพบว่าประชาชนสนับสนุน และยอมรับ

“ในผลการศึกษา พบว่าก่อนที่จะเริ่มใช้มาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดของทั้ง 4 ประเทศดังที่กล่าวข้างต้นนั้น มีประชาชนไม่เห็นด้วยจำนวนหนึ่ง แต่ภายหลังจากเริ่มแล้วกลับยอมรับและเห็นด้วยอย่างมาก เช่น กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ก่อนเริ่มมาตรการ ประชาชนในพื้นที่ยอมรับ 21% และภายหลังเริ่มมาตรการยอมรับเพิ่มเป็น 67% ขณะที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนเริ่มมาตรการ ประชาชนในพื้นที่ให้การยอมรับ 39% และภายหลังเริ่มมาตรการให้การยอมรับเพิ่มเป็น 54%” คุณกฤชนนท์สรุป

 

ประเด็น “ค่าธรรมเนียมรถติด” ขยายพื้นที่ไปยังสภาผู้แทนฯ “ศุภณัฐ มีนชัยนันต์” ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน นำไปตั้งเป็นกระทู้สดถาม

“ศุภณัฐ” ยอมรับว่าโดยส่วนตัวแล้วสนับสนุนการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวแก้ปัญหารถติด ในหลายประเทศการเก็บค่าธรรมเนียมรถติดช่วยแก้ปัญหาจราจรได้และจูงใจให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น

“แต่ในเมืองไทยมีข้อต่าง การเดินทางขนส่งมวลชนสาธารณะใช้เวลามหาศาลกว่ารถยนต์ 2-3 เท่า นี่ไม่ใช่แรงจูงใจมากพอที่จะทำให้คนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะ แต่เป็นการบีบให้ประชาชนจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพราะไม่มีทางเลือกในการใช้ขนส่งมวลชนสาธารณะ นี่คือปัญหาเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ความต้องการใช้รถยนต์ส่วนตัวไม่ลดลง สุดท้ายก็ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเหมือนเดิม” ศุภณัฐให้ความเห็นผ่านสภาผู้แทนฯ

“ศุภณัฐ” ตั้งคำถามอีกว่า รถยนต์เมืองไทยแพงเพราะภาษีสูงมาก แต่ทำไมคนไทยถึงซื้อรถกันเยอะ จดทะเบียนรถยนต์ในกรุงเทพฯ 11 ล้าน-12 ล้านคัน แต่มีประชากรไม่ถึง 10 ล้านคน

“การจดทะเบียนรถเยอะขนาดนี้ เพราะว่าระบบขนส่งมวลชนไม่ตอบโจทย์ เพราะฉะนั้น วันนี้ต่อให้เก็บค่ารถไฟฟ้า 50 บาท หรือ 20 บาทตลอดสายก็อาจจะไม่สามารถแก้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะให้ประชาชนหันไปใช้ได้ เพราะไม่ได้แก้ระบบขนส่งสาธารณะทั้งระบบ”

เป้าหมายของการเก็บภาษีรถติดเป็นเพียงแค่การหาเงินเพื่อเวนคืนรถไฟฟ้า หรือเพื่อต้องการแก้ปัญหารถติดและเพิ่มให้ประชาชนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากยิ่งขึ้น และที่ผ่านมาทำไมรัฐบาลถึงไม่เคยให้ความสำคัญกับการแก้ระบบขนส่งสาธารณะทั้งระบบ เพื่อสร้างให้คนไทยเข้าถึงขนส่งมวลชนสาธารณะ หรือรถไฟฟ้าที่เป็นจุดหลักได้จริง พร้อมตั้งคำถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าภายใน 6 เดือนจะแก้ปัญหาเรื่องระบบรถเมล์

ส่วนรถไฟฟ้าที่รัฐบาลต้องการจะเวนคืนจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ •