ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
ไม่ธรรมดาเสียแล้วสำหรับสนามท้องถิ่น เลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี
เพราะรอบนี้ พ่อใหญ่ทักษิณ ชินวัตร แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ยกคณะใหญ่ไม่แพ้คณะหมอลำดังแห่งอีสาน “ระเบียบวาทะศิลป์” ไปเปิดเวทีการเมือง “ระเบียบวาทะษิณ” อย่างคึกคัก
นำโบกธงกองทัพแดงเพื่อไทยสู้ศึกเลือกตั้ง ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยตัวเองครั้งแรก หาเสียงกับชาวอุดรฯ
ซึ่งไม่บ่อยนักกับการที่ระดับอดีตนายกฯ จะมุ่งมั่นไปขึ้นเวทีช่วยหาเสียงนายก อบจ. ซึ่งโดยปกติเป็นสนาม “บรรดาบ้านใหญ่หลังต่างๆ” มักแข่งขันกันเองในพื้นที่
นอกจากลุยเองยังยกกองทัพใหญ่เพื่อไทยไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือเจ๊แดง ก็มา โดยเฉพาะหนีบเอาณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขวัญใจคนเสื้อแดง และเดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวเสธ.แดง ไปด้วย หวังกอบกู้ “ฟื้นฟูศรัทธาคะแนนนิยมความเป็นคนเสื้อแดง” กลับคืนมา
ในทางการเมือง รู้กันมานานแล้วว่าอุดรธานีคือเมืองหลวงของเพื่อไทย
ย้อนดูจากสถิติ ไทยรักไทยกวาดคะแนนมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2544 จนปี 2548 ก็กวาดทั้ง 10 เก้าอี้ ต่อเนื่องจนการเลือกตั้งปี 2550 ในนามพรรคพลังประชาชน กระทั่งการเลือกตั้งปี 2554 ในนามเพื่อไทย ก็กวาดเรียบทั้งจังหวัด
แน่นอนว่าในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็ยังคงกวาดเรียบยกจังหวัด แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เมื่อพรรคอนาคตใหม่ สามารถชิงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไปได้ถึง 1.43 แสนคะแนน กลายเป็นพรรคอันดับ 2 โดยเพื่อไทยได้ 3.3 แสนคะแนน
เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกตัดสิทธิการเมือง ก็มาลุยการเมืองท้องถิ่นเต็มตัวในนามคณะก้าวหน้า ในการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ปี 2563 เพื่อไทยยังคงชนะเลือกตั้งได้ไป 3.2 แสนคะแนน แต่กองทัพส้มก็สร้างผลงานได้ดี ดึงคะแนนขึ้นมาได้ถึงเกือบ 1.9 แสนคะแนน
ยิ่งในการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 ที่ผ่านมา “พรรคส้ม” ในนามของพรรคก้าวไกล สร้างเซอร์ไพรส์ ล้มช้างเขต 1 อุดรธานีสำเร็จ แม้คะแนนรวมเพื่อไทยจะได้ประมาณ 3.5 แสนคะแนน แต่ทีมพรรคส้มก็ทำคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ตีขึ้นมาเกือบ 3 แสนคะแนน
แม้พรรคส้มจะไม่เคยชนะศึกเลือกตั้งท้องถิ่นระดับจังหวัดเลย แถมเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ล่าสุดที่พิษณุโลก ก็เพิ่งแพ้พรรคเพื่อไทย แต่ต้องยอมรับว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา พรรคส้มเอาจริงเอาจังกับวาระท้องถิ่น ใครจึงจะประมาทไม่ได้
แน่นอนว่า จ.อุดรธานีเป็นฐานคะแนนเสียงเดิมมานานกว่า 2 ทศวรรษของพรรคเพื่อไทย ทำให้เพื่อไทยเป็นต่อ
นายก อบจ.คนเก่าคือ นายวิเชียร ขาวขำ ก็มาจากพรรคเพื่อไทย ประกาศสนับสนุนนายศราวุธ เพชรพนมพร ยังได้รับการสนับสนุนจากคนเสื้อแดงเดิม และต้องไม่ลืมว่า ส.ส.อุดรธานีทั้ง 7 คน ก็เป็นบ้านใหญ่ที่จะคอยสนับสนุนทางตรง พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ย่อมมีผลบวกในทางจิตวิทยามากกว่าการเลือกพรรคฝ่ายค้าน
แต่รอบนี้ที่น่ากังวล เพราะเป็นการเปิดหน้าชนกันในสนามท้องถิ่นครั้งแรกของทีมแดง-พรรคเพื่อไทย และทีมส้ม-พรรคประชาชน
กองทัพส้ม แท็กทีมผู้นำทางความคิดของพรรค ไม่ว่าจะเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตามด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ลงพื้นที่แบบดาวกระจายแบบจัดเต็มต่อเนื่อง
ตัวผู้สมัครอย่างนายคณิศร ขุริรัง ก็ไม่ธรรมดา นอกจากเชี่ยวชาญในพื้นที่ ยังเป็นผู้สมัครที่ผ่านการอบรมหลักสูตร “นักการเมืองท้องถิ่นก้าวหน้า” ของคณะก้าวหน้าได้สำเร็จ ขึ้นแท่นนักการเมืองท้องถิ่นระดับมี “กึ๋น” ของพรรค
สําหรับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะกับนายศราวุธ การลงแข่งรอบนี้เปรียบเสมือนนัดล้างตา จากที่แพ้พรรคก้าวไกลในสนามเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566
หากเพื่อไทยทำสำเร็จ นอกจากเป็นการป้องกันแชมป์ ยังเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สกัดไม่ให้กองทัพส้มเติบโตมากขึ้นในภาคอีสาน ซึ่งจะส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญในการเลือกตั้งรอบหน้า
จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไม “นายใหญ่” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าต้องลุยเอง ยกหูประสานบ้านใหญ่ทั้งจังหวัดให้รวมใจกัน (แถมครั้งนี้ ยังได้เสียงหนุนจาก 2 เขตของพรรคไทยสร้างไทยมาช่วยด้วย) เพราะต้องนำทัพพรรคเพื่อไทย ชนะพรรคประชาชนให้ขาด
อย่าลืมคะแนนเลือกพรรคของการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 จังหวัดอุดรธานี พรรคส้มได้มาเกือบ 3 แสนคะแนน ขณะที่พรรคแดงได้ 3.5 แสนคะแนน จึงต้องใช้เวทีเลือกตั้งสนามท้องถิ่นเพื่อย้ำชัยชนะให้ขาดกว่านี้
นายทักษิณมาเอง เพื่อให้องคาพยพในพื้นที่ผนึกกำลังกันสู้ศึก รวมถึงต้องปลุกประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิให้มาก โดยที่นายทักษิณยังเชื่อในยุทธศาสตร์บ้านใหญ่ “ล้มกระแสส้ม” ซึ่งสำเร็จมาแล้วในการเลือกตั้งท้องถิ่นรอบปีที่ผ่านมา
การขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกของนายทักษิณ เป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางประชาชนมารอฟังหนาตา
ถามว่าชัยชนะครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทย มี “ความสำคัญทางการเมือง” แค่ไหนและอย่างไร?
1. จะส่งผลต่อกระแสนิยมพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลและนายกฯ ในสภาวะที่ถูกรุมจากทุกฝ่าย รายรอบด้วยนิติสงคราม ชัยชนะที่นำโดยนายทักษิณจะช่วยตอกย้ำยืนยันว่า ยังสามารถปกป้องเมืองหลวงเพื่อไทยได้สำเร็จ
2. ส่งผลทางจิตวิทยาต่อการเลือกตั้งในปี 2570 เพราะชัยชนะจะช่วยยืนยันต่อบ้านใหญ่-เครือข่ายการเมืองต่างๆ ว่า เพื่อไทยยังเป็นผู้เล่นสำคัญในเกมเลือกตั้งครั้งหน้า
3. ส่งผลต่อกระแสพรรคประชาชน เพราะตอกย้ำว่า “วิธีการทางการเมืองแบบพรรคส้ม” ยังไม่สามารถเอาชนะ “การเมืองแห่งความเป็นจริง” แบบฉบับเครือข่ายบ้านใหญ่ได้
4. ส่งผลทางจิตวิทยาต่อฝ่ายอนุรักษ์จารีตนิยม ให้เห็นว่านายทักษิณและกองทัพพรรคเพื่อไทยยังมีอำนาจและบารมี ยังมีประชาชนอีกมากสนับสนุน ยังมีความสำคัญทางการเมือง “ยังเป็นผู้เล่นที่จำเป็น” ในการ “รักษาสถานะเดิม” ของการเมือง-ระบบราชการรวมศูนย์แบบไทยๆ ไว้
แน่นอนว่า สมรภูมิรอบนี้เพื่อไทยเป็นต่อทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ ทรัพยากร เป็นเจ้าของพื้นที่เก่า แต่นั่นก็นำมาซึ่งความกดดันทางการเมืองระดับสูง
เพราะแม้ “กองทัพพรรคส้ม” จะเป็นมวยรองก็จริง แต่ระดับความกดดันทางการเมืองต่างกัน พรรคเพื่อไทยรอบนี้แพ้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าแพ้จะส่งผลหลายอย่าง
ผิดกับพรรคประชาชนที่แพ้ได้ไม่เป็นไร เพราะแพ้มาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะสนามท้องถิ่นระดับจังหวัดที่ “กองทัพส้ม” ยังไม่เคยคว้าชัยสักครั้ง
แม้แพ้ก็ขอแพ้แบบสนุก แพ้แบบมีความหวัง แต่ถ้าพลิกชนะก็จะเป็น “ประวัติศาสตร์ใหม่” สนามท้องถิ่น แถมได้ชื่อว่าตีเมืองหลวงเพื่อไทยแตกอีก
การขึ้นเวทีปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเป็นครั้งแรกของนายทักษิณ จึงเป็นการวางแผนมาแล้วอย่างดี
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ของรัฐบาลขณะนี้ก็อยู่ในทิศทางค่อนข้างเหน็ดเหนื่อย หยิบจับอะไรได้ไม่เต็มไม้เต็มมือ ไม่เหมือนยุคสมัยไทยรักไทย หรือเพื่อไทยในอดีต หลายๆ นโยบายเรือธงต้องพับเก็บ เพราะปัจจัยทางการเมืองภายนอกมากดดัน
การขยับของนายทักษิณจึงจำเป็น ยิ่งเป็นสมรภูมิอุดรธานี เมืองหลวงของเพื่อไทย สัญลักษณ์ใหญ่ทางการเมืองภาคอีสาน
ทักษิณซึ่งสงบนิ่งมานานนับตั้งแต่ช่วงตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ท่ามกลางการถูกโจมตีและยื่นคำร้องครอบงำพรรคเพื่อไทย วันนี้จึงลุกขึ้นมาจับไมค์ หาเสียงด้วยตัวเอง เพื่อรับประกันชัยชนะ
จึงอาจจะสะท้อนฉากทัศน์ใหม่ทางการเมืองของนายทักษิณ ว่านับจากนี้ไปจนตลอดสมัยอายุรัฐบาล นายทักษิณจะไม่หยุดนิ่ง มองดูการรุมโจมตีด้วยนิติสงครามจากในบ้านจันทร์ส่องหล้าอีกแล้ว
แต่อาจได้เจอทักษิณ เวอร์ชั่นที่ฮึกเหิม กล้าได้ กล้าเสีย กล้าลุย พร้อมที่จะตอบโต้ทางการเมือง
พร้อมที่จะทุ่มสุดกำลังเพื่อรักษาพื้นที่ทางการเมือง-และรัฐบาล
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022