นโยบายของทรัมป์ จะกระทบโลก กระเทือนไทย

มุกดา สุวรรณชาติ
(Photo by Ed JONES / AFP)

ปีใหม่ 2568
โดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้อำนาจทำอะไร?

สภาคองเกรสชุดใหม่จะประชุมในวันที่ 6 มกราคม 2025 เมื่อคณะผู้เลือกตั้งลงคะแนนว่าทรัมป์ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 มกราคม 2025 ถึงเวลานั้นโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีอำนาจที่แท้จริง

นี่เป็นการขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่ 2 ทำให้มีประสบการณ์พอควรและสิ่งที่มีมากขึ้นก็คือเสียงสนับสนุนที่มากพอทั้ง 2 สภา นั่นหมายความว่าอำนาจในการออกกฎหมายและอำนาจในการจัดการปัญหาตามนโยบายจะทำง่ายขึ้น

แต่จะได้ทำมากน้อยแค่ไหนเมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริง เพราะสิ่งที่อยากจะทำ แต่ทำไปแล้วอาจเกิดปัญหาไปกระทบกับเรื่องอื่นๆ

เชื่อว่าทรัมป์กล้าดำเนินการตามที่ประกาศไว้ แต่จะสำเร็จไม่มาก บางอย่างอาจจะได้ถึง 50% บางอย่างอาจจะได้น้อยกว่า

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นอำนาจตามกฎหมายและอำนาจที่มองเห็น แต่เบื้องหลังของทรัมป์ป์ก็ยังมีเงาของผู้สนับสนุนอยู่ การกระทำใดๆ จึงไม่ใช่เรื่องคิดเองและทำเองคนเดียว อันไหนที่มีผลกระทบหนักก็จะมีคนออกมาเบรก

ถ้าจะพูดถึงผลกระทบที่สำคัญของนโยบาย ก็จะเกิดจากการต่อสู้ของ 2 อภิมหาอำนาจคือจีนและสหรัฐอเมริกา

แต่ทั้ง 2 ประเทศนี้ไม่ได้มีแนวทางที่จะใช้อาวุธถล่มกันอย่างจริงจัง สิ่งที่เกิดขึ้นคือการต่อสู้ทางเศรษฐกิจ การเงินและการค้า และจะมีลักษณะเป็นสงครามเย็นยืดเยื้อ แต่จะสร้างผลกระทบไปทั่วทั้งโลก รวมทั้งไทยด้วย

 

ผลกระทบโดยตรง และต่อเนื่อง
จากการขึ้นภาษี

สงครามการค้าถ้าดำเนินการต่อ ตามนโยบายที่ทรัมป์ประกาศไว้คือขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าประมาณ 60% สำหรับสินค้าบางชนิดของจีน และประเทศอื่นๆ ที่สหรัฐเสียเปรียบดุลการค้า อาจเก็บภาษี 10-25%

การส่งออกของจีนอาจลดลงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้จีดีพีของจีนหดตัวลง 1% ปีที่ผ่านมาจีนส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 15% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด

ถ้าการส่งออกลดลง จะกระทบต่อภาคการผลิตและการจ้างงานในประเทศจีน จะหาตลาดใหม่มาทดแทนก็ไม่ได้ง่าย เพราะทุกประเทศก็กำลังลำบาก

วิธีหนึ่งก็คือย้ายฐานการผลิตไปอยู่ประเทศอื่นสวมรอยเป็นสินค้าประเทศอื่น เช่น ไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว แต่สหรัฐก็เตรียมมาตรการตรวจสอบและโต้ตอบไว้ แต่วิธีนี้คนจีนก็ยังต้องตกงานอยู่ดี

รัฐบาลจีนจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับนโยบายของทรัมป์ โดยคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านจะช่วยได้บ้าง

ประเทศไทยจะเก็บผลประโยชน์อะไรถ้ามีการย้ายฐานการผลิตมาจริง (ตามข่าวบอกว่าเข้ามาไทยไม่มาก)

เมื่อก่อนที่ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมามีแต่ฝ่ายบริหารที่เข้ามาแรงงานส่วนใหญ่เป็นคนไทยและคนท้องถิ่นแต่ละประเทศจึงสามารถสร้างงานได้จำนวนมาก แต่ถ้าหากจีนย้ายฐานเข้ามาแล้วนำคนเข้ามาด้วย วิศวกร ช่างฝีมือ ช่างเทคนิคและแรงงานของไทยอาจได้รับผลกระทบเพราะแรงงานชั้นล่างลงไปก็มีแรงงานต่างด้าวมารองรับ

ไทยเป็นประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐอเมริกา ถ้าสินค้าใดโดนการขึ้นภาษี 10-20% จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และจะทำให้รายได้ในภาคอุตสาหกรรมลดลง รายได้ภาคเกษตรก็ลดลง ซึ่งจะมีผลต่อเป็นลูกโซ่ทำให้กำลังซื้อในประเทศลดลง

สำหรับสหรัฐอเมริกาคงไม่มีกำลังจะมาผลิตสินค้าทดแทนเมื่อจีนไม่ส่งเข้ามาเพราะแรงงานในสหรัฐแพงมาก ดังนั้น ถึงอย่างไรก็จะต้องซื้อสินค้าที่ต้องใช้จากประเทศอื่นๆ อยู่ดี ที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ คือคนในสหรัฐจะต้องซื้อสินค้าในราคาสูงขึ้น

ตอนนี้มีข่าวว่าการสั่งของเข้าสหรัฐกำลังเร่งกันสุดขีด เพื่อให้ทันก่อนกำแพงภาษีจะประกาศใช้

 

ปัญหาการเนรเทศ
ผู้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย

แม้ทรัมป์จะตั้งเป้าว่า จะผลักดันผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายออกเป็นล้านคน แต่ในทางปฏิบัติไม่ง่ายอย่างนั้น

และเมื่อทำจริงอาจจะกระทบกับตำแหน่งงานราคาถูก หรืองานที่ไม่มีใครอยากทำ

เมื่อถึงเวลานั้นการผลักดันคงทำได้จำนวนนับแสน แต่หลังจากนั้นก็จะต้องชะลอลง เพราะจะเกิดแรงกดดันจากสภาพความเป็นจริง ในสังคมซึ่งอาจจะแตกต่างกันในแต่ละเมือง แต่ปัญหานี้จะกระทบต่อไทยไม่มากนักเพราะคนไทยที่ไปสหรัฐอเมริกาแบบผิดกฎหมายมีน้อยมาก

โอกาสที่จะทำได้ 50% ของเป้าหมาย 1 ล้านก็ยังยาก เพราะความเป็นจริง จะต้องมีสถานที่กักกันขนาดใหญ่หลายแห่ง และจะส่งกลับไปด้วยวิธีไหน ใช้เรือ รถ เครื่องบิน ประเทศปลายทางจะยอมรับกลับกี่คน ยังมีปัญหาการพิสูจน์สัญชาติ

ตัวเลขคนเข้าเมืองผิดกฎหมายประมาณ 11 ล้านคน ผลงานนี้อาจหวังได้แค่ปรามไม่ให้คนลักลอบเข้าเมืองเพิ่มขึ้น และอาจมีประเทศอื่นๆ เอาตามอย่าง

แต่เรื่องนี้น่าจะมีผลทางการเมืองถ้าการจับกุมและผลักดันผู้อพยพออกจากสหรัฐอเมริกากลายเป็นคนเม็กซิกันและคนจีน ที่เดินทางอ้อมโลก ไปแอบลักลอบเข้าเมืองผ่านชายแดน

 

การยุติสงคราม
อาจทำได้ชั่วคราว
แต่จะมีก่อการร้าย

กรณีสงครามยูเครน ถ้าทรัมป์จะเปลี่ยนนโยบายสงครามยูเครนจากการลากยาว เป็นยุติชั่วคราว ย่อมทำได้ เพราะประเทศคู่สงครามทั้งยูเครนและรัสเซียก็หมดแรง

สงครามได้ทำลายประเทศยูเครนจนพินาศย่อยยับ และก็ทำลายเศรษฐกิจรัสเซียจนทรุดหนักเช่นกัน

แต่การยุติสงครามมีรายละเอียดเกี่ยวข้องกับดินแดนที่ต่างฝ่ายยึดครองจึงไม่ใช่เจรจากันง่ายๆ

ผลของสงครามยังลามไปถึงยุโรปทั้งหมด

ดังนั้น คนที่อยากยุติสงครามขณะนี้มีมากกว่าคนที่ต้องการให้สงครามเดินต่อ

โอกาสที่สงครามยูเครนจะยุติจึงมีความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ 1 วันแบบที่ทรัมป์บอก อาจต้องใช้เวลาพอสมควร

โดยทั้งสหรัฐอเมริกา จีนและประเทศนำในยุโรปต้องออกแรงบีบทั้งยูเครนและรัสเซีย

แต่อาจเป็นการยุติแบบชั่วคราว เพราะทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ข้อตกลงที่ต้องการ แต่ทุกฝ่ายต้องการเวลาพักหายใจและฟื้นฟู ซึ่งเมื่อหายเหนื่อยแล้วก็อาจรบกันใหม่ได้ เหมือนตะวันออกกลาง

ส่วนสงครามในตะวันออกกลางคงดำเนินต่อไปแบบยืดเยื้อแต่ไม่น่าจะรุนแรงไปกว่าเดิม เพราะทรัมป์คงบีบบังคับอิสราเอลไม่ได้ จึงขึ้นอยู่กับอิสราเอลว่าจะเปิดเกมแรงแค่ไหนต่ออิหร่าน และสหรัฐอเมริกาว่าจะวางนโยบายเรื่องนี้อย่างไร

ความสงบแบบปลอมๆ จะทำให้มีกลุ่มคนที่ไม่พอใจจำนวนหนึ่ง พวกเขาไม่มีกำลังพอจะก่อสงคราม แต่ก่อการร้ายได้

ในยุคใหม่นี้ที่น่ากลัวที่สุดคือการใช้ โดรนติดระเบิด ผู้ที่ลงมือไม่ต้องฆ่าตัวตาย แต่เป้าหมายและคนรอบข้างตายแน่

 

ราคาน้ำมัน ตามนโยบายทรัมป์

ทรัมป์กลับมาครั้งนี้ประกาศว่าจะเปิดให้มีการขุดเจาะน้ำมันอย่างเต็มที่ โดยไม่สนว่าการใช้พลังงานฟอสซิลจะทำให้เกิดโลกร้อนหรือไม่ วิเคราะห์หาเหตุผลได้ 3 ข้อคือ

1. การใช้พลังงานของโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้รถ EV กระแสความนิยมจะตกลง แต่ต่อไปก็อาจจะมีรถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ราคาน้ำมันในอนาคตไม่น่าจะสูงขึ้น ดังนั้น การขุดออกมาใช้มาขายวันนี้ได้ราคาดีกว่าอนาคต เชื่อว่าถ้าทรัมป์ใช้นโยบายนี้ ทางตะวันออกกลางก็คงจะไม่ยอมแพ้ ต้องออกมาแข่งเหมือนกัน ดังนั้น ประเมินราคาน้ำมันในอนาคตน่าจะลดลงได้ถึง 20%

2. อีกเหตุผลหนึ่งก็คืออเมริกาเองไม่มีสินค้าใดที่จะออกไปแข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายและได้ราคาดีเท่ากับน้ำมัน ดังนั้น นี่จึงเป็นวิธีหาเงินเข้าประเทศแบบง่ายที่สุด ดูชอบธรรมกว่าค้าอาวุธ

3. พลังงานราคาถูกเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งสหรัฐและโลก เราก็ได้แต่หวังว่าการแข่งขันแบบนี้จะทำให้คนไทยได้ใช้น้ำมันราคาถูก ในอนาคตข้างหน้านี้ถ้าสงครามตะวันออกกลางไม่ลามจนปิดช่องแคบฮอร์มุซ

สรุปจากจากนโยบายต่างๆ แล้วจะพบว่าทรัมป์มีจุดมุ่งหมายในการบริหารคือ

ทำทุกอย่างเพื่ออเมริกา เขาไม่ต้องการไปจัดระเบียบโลกและไม่ต้องการทำตามระเบียบหรือข้อตกลงใดๆ ที่กระทบผลประโยชน์ของอเมริกา ดังนั้น การเข้าไปยุ่งกับสงครามก็จะลดลง

จะไม่ทำตามแนวทางเรื่องโลกร้อน และหลายเรื่องก็จะละเมิดกฎระเบียบการค้าโลก และทรัมป์ก็จะไม่สนใจว่าประเทศไหนจะท้วงติงอย่างไร แต่เขาจะผลักดันกฎหมายต่างๆ ให้ผ่านสภาซึ่งคุมเสียงได้อยู่แล้ว ปฏิบัติการที่เป็นจริงจึงจะเกิดขึ้นได้หลายอย่าง

เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่แน่ว่าจะออกมาแบบที่เขาต้องการ และการตอบโต้ของประเทศต่างๆ จะเกิดผลเสียแก่สหรัฐอเมริกาแค่ไหน

การวางบทบาทของไทยในเวทีโลกจึงเป็นเรื่องที่เล่นยากมาก เพราะไม่ใช่การเป็นกลางแบบอยู่นิ่งๆ แต่จะต้องไปประสานผลประโยชน์ของเรากับมหาอำนาจให้ได้ ทั้งยังต้องทำให้สมดุล