ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | เรื่องสั้น |
เผยแพร่ |
โลกของนักเขียนที่ไร้ เอไอ (ปัญญาประดิษฐ์)
เรื่องสั้น | อ.น.ร.
ผมนอก (นอน, ผมเขียนหรือพิมพ์ผิด เอไอน่าจะเตือนผมนะว่าเขียนผิด หากแต่ความคิดของผมเองนี่แหละบอกว่าตัวเองเขียนผิด) ดังนี้แล้วผมสมควรพิมพ์ช้าลงสักหน่อยคงเป็นการดี นี่แหละคือโลกของนักเขียนที่ไร้ผู้ช่วยในการเขียนอย่างเอไอ จึงจำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเองสำหรับจะค้นคิดหาเรื่องในการเขียนด้วยตัวเอง จ้องมองกระดาษที่ตัวเองเขียนด้วยการพิมพ์ดีด ค้นหาเรื่องราวอย่างปราศจากการตั้งคำถามให้กับเอไอช่วยค้นหา คิดว่าน่าจะเป็นหัวข้อในการเขียนว่า ผมสมควรจะเขียนเรื่องอะไรดี ยกตัวอย่าง ที่ผมได้หัวข้อมาจากกลุ่มเรื่องสั้นทางเฟซบุ๊ก ให้เขียนในหัวข้อ “วิญญาณในภาพถ่าย” (ว่าผมเขียนผิดอีกแล้ว ในฉบับพิมพ์ดีดที่เป็นฉบับร่าง ผมเขียนคำว่าถ่าย ด้วย คำว่า “ภ่าย”) ในฐานะที่ผมไม่เคยใช้เอไอ หรือไม่คิดจะเข้าไปใช้หรือเกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวอะไรเลย ผมสมควรถามเอไอ ตามความคิดของผมสำหรับการเขียนเรื่องราวทำนองเรื่องสั้น ผมสมควรหาความหมายของคำว่าวิญญาณหรือเปล่า? ใช่ไหมครับคุณเอไอ หากผมทำอย่างนี้ คงจะรกสมองและยุ่งยากตายห่า? ขนาดที่ผมคิดว่าคุณเอไอจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวของวิญญาณอย่างมหาศาลมากมายประเคนให้ผมเลยทีเดียว ถึงขนาดว่าผมจะต้องแตกฉานในเรื่องวิญญาณ ก็แน่ล่ะ? การรวบรวมการจำข้อมูลเกี่ยวกับความรู้ในเรื่องต่างๆ ใครจะไปสู้คุณเอไอได้ แต่ผมอาจบอกได้เลยว่า เรื่องความหมายของวิญญาณในการตั้งคำถามอย่างแรกเริ่มจะเขียนนั้น ไม่มีความจำเป็นเอาเสียเลย ในกระบวนการเขียนในหัวข้อเรื่องดังกล่าว ผมไม่มีความจำเป็นในการป้อนข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณ ผมย่อมเขียนเรื่องราวในหัวข้อนี้ได้อย่างแน่นอน ด้วยการตีภาพอย่างรวมๆ ประมวลในหัวสมองห้วงแห่งความนึกคิดของตัวเองว่า เคยพบเคยเห็นวิญญาณหรือเคยสัมผัสกับเรื่องวิญญาณอย่างนี้ได้อย่างไร และเมื่อไหร่ แม้กระทั่งว่าในความคิดของผมแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องรู้หรือรื้อฟื้นความทรงจำความรู้ในเรื่องวิญญาณแม้แต่เพียงน้อยนิด ความคิดคร่าวๆ สำหรับเรื่องนี้ ผมอาจเริ่มต้นสักเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดกับตัวเอง แล้ววกเข้าหาเรื่องที่บอกว่าเป็นการกระทำของวิญญาณ ก็จบเรื่อง อ้อ, ในหน้ากระดาษฉบับร่าง ผมลืมพิมพ์คำว่าหน้าที่นี่นา?
ทำไมเอไอไม่บอกไม่เตือนผมนะ?
ผมขึ้นย่อหน้าในหน้าที่สองอย่างไม่ลืมเขียนหน้าที่กำกับ กับชื่อเรื่อง (เอไอตีความได้หรือเปล่านะว่า? ประโยคที่ผมเขียนดังกล่าวนี้ไม่ค่อยจะเข้าทีหรือไม่สวยงามได้ใจความอย่างสมควรที่จะเป็น หมายความว่ามันไม่ค่อยจะใช้ได้หรือเข้ากับหลักแห่งการประพันธ์เสียมากกว่า และพลางผมคิดว่าเอไอไม่มีความสามารถวิเคราะห์โครงสร้างของประโยคดังที่ผมเขียนอย่างแน่นอน) ด้วยการเคาะแปด ตอนนี้ผมรู้สึกเมื่อยไปสักหน่อย เมื่อทำการพิมพ์ตัวหนังสือและตัวผมนี่เองแหละบอกตัวเองให้พักผ่อนสายตา หรือเอไอจะสามารถบอกผมให้เขียนต่อไปได้ เมื่อสมองผมกำลังโลดแล่นในเรื่องที่ตัวเองเขียน ผมคิดว่า เอไอย่อมปฏิเสธที่จะทำเรื่องอย่างนี้ หรืออาจจะยอมยกธงขาวบอกว่า ไม่ใช่หน้าที่หรือเกินขีดความสามารถของเอไอสามารถกระทำได้ มาถึงตรงนี้ ผมต้องสบประมาทในเอไอในใจอยู่หลายข้อเหมือนกันว่า “นายนี่ช่างกระจอกเสียเหลือเกิน แม้แต่เรื่องง่ายๆ หรือเรื่องพื้นฐานของความเป็นคน นายก็ยังไม่สามารถจัดการได้ แล้วนายจะมาสร้างความลุ่มลึกในทางความคิด กับการสร้างผลงานด้วยการเขียนออกมาได้อย่างไร?” เช่นเดียวกัน ผมคิดว่านักเขียนที่กำลังใช้เอไออยู่คงไม่สามารถใช้เวลาเขียนได้จำนวนเท่ากับที่ผมเขียนอยู่ในขณะนี้ เมื่อผมกับคุณเอไอมีเวลาในการเขียนอย่างเท่ากัน
ผมเขียนหรือพิมพ์ดีดมาได้ครึ่งหน้าอย่างไม่ทราบว่า คนที่ใช้เอไอจะเขียนได้เท่ากับผมหรือเปล่า บางทีผมอาจเขียนได้คราวละสองหน้ากระดาษเอสี่ในตอนนี้ อย่างไม่ต้องพึ่งพาเอไอ หรือการไม่ได้พึ่งพิงการไต่ถามข้อมูลเพิ่มเติมอย่างใดสักนิดเดียว เพราะเรื่องที่ผมทำการเขียนในขณะนี้ มันเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนที่ผมจะมานั่งทำการเขียน เพราะผมไม่มีเอไอ หรือไม่ได้ร่วมมือกับเอไอในการเดินทางสำหรับการเขียนอย่างพร้อมๆ กัน หากแต่ว่าผมร่วมมือกับตัวเองในการจัดการเรื่องราวการเขียนอันนี้เอง ผมคิดว่าเอไอใช้ภาษาที่แปลกแยกออกไปจากภาษาที่ผมเขียน อย่างน้อยเอไอไม่ได้ผ่านระบบการศึกษาหรือไม่เคยลงเรียนวิชาภาษาไทยหรือหลักวิชาในการเขียนอย่างแน่นอน
นี่คือข้อหนึ่งที่เอไอไม่สามารถกระทำได้เหมือนอย่างคนที่ไม่ต้องพึ่งเอไออย่างผมหรืออย่างคนอื่นที่ไม่ใช้เอไอ
หน้าที่สาม ผมเพิ่มชื่อเรื่องในความหมายของเรื่องที่วงเล็บเข้าไปอีกว่า (ปัญญาประดิษฐ์) เอไอ อาจ, (ผมใช้คำว่าอาจ ที่ไม่ใช่ความเป็นจริงทางแห่งการปฏิบัติอย่างที่สุด) สามารถคิดเรื่องราวที่นักเขียนหรือบรรดานักเขียนปรารถนาว่าล้ำเกินกว่าความคิดของคนเรา ยกตัวอย่าง เรื่องพล็อตเรื่องที่ซับซ้อน และผมไม่คิดว่าเอไอจะสามารถกระทำได้อย่างที่ว่าดังกล่าว แม้ว่านักเขียนทั้งหลายจะโต้แย้งอย่างมีข้อมูลว่า เอไอสามารถกระทำได้และแสดงออกมาให้เป็นปรากฏอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่เอไอก็มิสามารถกระทำทำเรื่องราวของความซับซ้อนในเรื่องของพล็อตได้มีความลุ่มลึกเท่ากับความคิดของนักเขียนที่ผ่านการฝึกเขียนฝึกคิดมาอย่างยาวนาน ความลุ่มลึกหรือความซับซ้อนทางจิตวิทยาที่นักเขียนได้สร้างให้กับตัวละครที่ตัวนักเขียนเป็นคนเขียน เอไอไม่สามารถกระทำได้อย่างเทียบเท่ากับความคิดของนักเขียนอย่างแน่นอน เมื่อพูดถึงนักเขียนที่ผ่านการเขียนมาอย่างยาวนาน เป็นต้น ข้อนี้สามารถยืนยันได้จากนักอ่านทั้งหลายที่ผ่านสายตาในการอ่านเรื่องราวของนักเขียนชื่อดังในอดีตทั้งหลาย จนเกิดความฉงนสนเท่ห์กับเรื่องราวที่เขียนขึ้นมานั้นว่า สามารถกระทำการเขียนเรื่องราวขึ้นมาได้อย่างไรกัน อย่างที่คนอ่านหรือคนทั่วไปทั้งหลายไม่สามารถคาดเดาเอาได้ว่าจะสามารถคิดเขียนเสกสร้างขึ้นมาได้เลย มันเป็นความอัจฉริยะในการคิดเขียนของคนเป็นนักเขียนธรรมดาที่มีเลือดเนื้อวิญญาณ เช่นเดียวกับคนทั้งหลาย หาใช่ความคิดของคอมพิวเตอร์หรือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจะแสดงความเหนือกว่าของการเป็นมนุษย์ ที่เรียกว่า เอไอ แต่อย่างใด มันอาจเป็นความบกพร่องหรือการไม่ค่อยเข้าใจของนักเขียนก็ได้ว่า การเขียนเรื่องที่เต็มไปด้วยพล็อตเรื่องราวอันซับซ้อนทางการเขียนนั้น เป็นงานเขียนที่ดีที่วิเศษกว่างานเขียนอื่นๆ
หากเอไอกระทำได้อย่างที่ว่ามาในเรื่องของความซับซ้อนของพล็อต เอไอก็ยังกระทำได้ต่ำกว่าสิ่งที่มนุษย์นักเขียนทำกันอยู่เหมือนเดิม ตัวอย่าง ในเรื่องของการมีชีวิตจิตใจแห่งเรื่องราวที่ทำการเขียนออกไป
นี่คือเรื่องราวที่ผมเขียนในคราวเดียวเลยทีเดียว ที่ปาเข้าไปตั้งสี่หน้ากระดาษเอสี่แล้ว และอีกไม่นานคงจบในหน้ากระดาษเอสี่หน้าที่ห้าต่อไป อย่างที่ผมได้คาดการณ์เอาไว้ นี่เพราะอะไร? หากไม่ใช่การผ่านการเขียนมาอย่างยาวนานกับการฝึกฝนอย่างหนักสำหรับการเขียนหนังสือให้จบในคราวเดียว ด้วยการพึ่งพาตัวเองสำหรับการเขียนมาตั้งแต่เริ่มแรก การฝึกเขียนฝึกอ่านและฝึกการขบคิดมาอย่างยาวนานถึงสิบปียี่สิบปี ทำให้ผมไม่คิดจะพึ่งพาเอไอให้ช่วยการเขียนในงานของตัวเองแม้สักนิดเดียว ผมไม่คิดว่าการใช้เครื่องมืออย่างเอไอช่วยในการเขียนจะสร้างหรือยกระดับจิตใจแห่งการเป็นนักเขียนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนได้ แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะได้รับการยกย่องหรือชนะการประกวดรางวัลอะไรต่างๆ ก็ตาม มันก็คงจะดีหรือเหมาะสมเป็นอย่างมากอยู่หรอก หากว่าจะมีการประกวดเรื่องการเขียนหนังสือด้วยการใช้เอไอเข้ามาช่วย ซึ่งเป็นการกีดกันเอาไว้ส่วนหนึ่งในฐานะของงานเขียนที่ใช้เอไอในการช่วยเขียน แต่เอไอเมื่อเข้ามาแทรกในวรรณกรรมของความเป็นคน จะลดค่าความเป็นมนุษย์เป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนเขียนจะไม่มีศักดิ์ศรี หรือความภูมิใจในตัวเองเลยสักนิดเดียว แม้กระทั่งความภาคภูมิใจที่คิดสร้างขึ้นมาหรือมอบให้แก่กันจะปรากฏต่อหน้าสาธารณชนทั้งหลาย แต่นักเขียนที่เป็นอย่างนั้นย่อมไม่ใช่นักเขียนที่สมควรจะเป็นนักเขียนตามกระบวนการคัดสรรตามธรรมชาติในการสมควรจะเป็น เหมือนอย่างที่นักเขียนหรือบรรพบุรุษแห่งการเขียนได้กระทำกันมาอย่างยาวนาน
เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะเรียกนักเขียนที่ใช้เอไอ ว่านักเขียนเอไอ (ซึ่งไม่ใช่นักเขียนในโลกวรรณกรรมอย่างเต็มใบทั้งหมดอย่างสมควรที่จะเป็น)
นักเขียนที่ใช้เอไอ หรือนักเขียนเอไอ ย่อมไม่เคยสร้างหนทางแห่งการเป็นนักเขียนมาอย่างยาวนาน เท่ากับการคิดว่าการมีความฝันสำหรับการเป็นนักเขียนนั้นเป็นทางที่ยาวนานผ่านการบ่มเพาะ หรือแม้กระทั่งผ่านการทดสอบจิตใจสำหรับความเชื่อมั่นในปรัชญาของคำว่าศรัทธา เช่นเดียวกับหลักศรัทธาในความคิดความเชื่อตามหลักแห่งศาสนาทั้งหลาย นักเขียนเอไอจึงคิดว่าจะกระทำการอย่างใดก็ได้ ขอแต่ให้ได้รับความสำเร็จความนิยมจากคนอ่านอ่านหรือมยอดขายและการชนะการประกวดก็เป็นพอ ทว่า นักเขียนที่มีอุดมการณ์ในความฝันของการจะเป็นนักเขียนนั้น ไม่คิดอย่างนี้อย่างเด็ดขาด
สำหรับนักเขียนที่มีอุดมการณ์ในความฝันสำหรับการเป็นนักเขียนนั้น เขาย่อมถากถางสร้างหนทางแห่งการเรียนรู้ในการเขียนตามลำพังอย่างถึงที่สุด เพื่อจะบรรลุอะไรสักอย่างให้กับตัวเอง เพื่อจะสร้างชุดคำตอบให้แก่ตัวเอง ยกตัวอย่าง เรื่องกรรมวิธีในการค้นหาเรื่องราวด้วยตัวเอง กระทำความสงสัยในการเขียน ด้วยการต่อสู้ทางความคิดจากปัญหาที่ตัวเองเผชิญอยู่ และในบางคราวสามารถนำเรื่องราวของปัญหาเหล่านั้นมาทำการเป็นเรื่องราวได้ด้วยตัวเอง นักเขียนกับการเดินทางแสวงหาอะไรสักอย่างให้แก่ตัวเอง ไม่ใช่การใช้เครื่องมืออย่างเอไอหาคำตอบให้กับตัวเอง ความแตกต่างระหว่างนักเขียนที่ไม่ใช้เครื่องมืออย่างเอไออยู่ตรงนี้
ในขณะที่นักเขียนเอไอต้องการประสบความสำเร็จตามระดับแห่งความมีคุณค่าในสังคม ที่สังคมได้กำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ หากแต่นักเขียนที่มีอุดมการณ์ในการเขียนหนังสือ อาจไม่จำเป็นหรือไม่ต้องการความสำเร็จอย่างที่ว่ามาก็ได้ นั่นหมายความว่า นักเขียนตามความหมายของการมีอุดมการณ์ที่มีการกำเนิดในตัวเองแล้ว สามารถจะมีหรือไม่มีความสำเร็จตามแบบอย่างที่สังคมนับถือกันก็ได้ ในการกระทำระหว่างนักเขียนที่ใช้เอไอ กับนักเขียนที่มีอุดมการณ์ย่อมแตกต่างกันอย่างที่ว่ามา และความสำคัญสำหรับชีวิตของการเป็นนักเขียนในสองอย่างนี้ ผลที่ได้รับไม่ใช่ความคิดว่านักเขียนอย่างไหนคือสิ่งที่ถูกต้องหรือคือสิ่งที่ผิด แต่ต่างขึ้นอยู่กับการตัดสินของคนอ่านเพียงเท่านั้น และความสมบูรณ์แบบแห่งการเป็นนักเขียนอย่างแท้จริง ล้วนแต่จุติเกิดขึ้นในหัวใจหัวจิตวิญญาณของการเป็นนักเขียนในแต่ละตัวคนเท่านั้น และนักเขียนเท่านั้นที่เป็นผู้รู้ในตัวเองดี แม้เรื่องสั้นเรื่องนี้จะแสดงให้เห็นจุดเด่นจุดด้อยของการเป็นนักเขียนทั้งสองประเภทก็ตาม หากแต่ในโลกแห่งความเป็นจริงในทุกสรรพสิ่งย่อมมีความหลากหลายในการดำรงดำเนินอยู่ การมีเอไอเข้ามาช่วยเขียนหรือการไม่มีเอไอมาช่วยเขียนต่างคืออุปกรณ์ในการเขียนด้วยกันทั้งสองฝ่าย และทั้งสองอย่างต่างไม่ใช่คำตอบที่ถูกผิดแต่อย่างใด
มีเพียงคนเขียนหนังสือหรือคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนเท่านั้น สามารถให้คำตอบแก่ตัวเองอย่างเต็มสมภาคภูมิแห่งการเป็นนักเขียนของตัวเองอย่างแท้จริง (จบ)
หากแต่ในความเป็นจริงสำหรับเรื่องจะส่งลงสำนักพิมพ์ย่อมมีคำที่ต้องการมากกว่า ที่ผมพิมพ์ไว้ในตอนนี้ จึงต้องเพิ่มเติมเข้าไปอีก แน่นอน คำตอบอาจมีการบรรจบกันระหว่างนักเขียนเอไอ กับนักเขียนที่มีความฝันทางอุดมการณ์ว่า ถึงอย่างไรจะต้องจำเป็นเขียนให้เป็นไปอย่างสมควรที่จะเป็น เพื่อกระทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งเอไอ ทั้งตัวนักเขียนต่างมีชีวิต ต่างมีวิญญาณแตกต่างกัน อันหมายความว่า สามารถมีความผิดความถูกต้องความสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์แตกต่างกันออกไป โลกใบนี้ยังคงดำเนินต่อไปบนกิจกรรมของการขับเคลื่อนของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย หากแต่ตัวมนุษย์นี้เสียเองที่สำคัญตัวเองว่า โลกเป็นของตัวเองในการจะจัดการให้สมบูรณ์อย่างที่ตัวเองต้องการ ทั้งที่ความจริงอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ในความเป็นจริง มนุษย์มิได้เกิดมาเพียงแต่อย่างเดียวบนโลกใบนี้ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างร่วมสำนักในการเกิด ในการมีอยู่ด้วยเหมือนกัน ดังนี้แล้ว ในบั้นปลายแห่งการล่มสลายของสรรพสิ่งอันถือเป็นอมตะแห่งสัจธรรม กาลเวลาย่อมพิสูจน์แห่งความเป็นธาตุแท้ของการจุติของการอุบัติ แม้แต่ในโลกของศิลปะก็ตาม อย่างไม่สามารกำหนดแน่นอนตายตัวสำคัญลงไปแต่อย่างใด หน้าที่ของนักเขียนยังต้องเขียนหนังสือต่อไปทั้งที่ไม่พบหรือพบความจริง และความสมบูรณ์แห่งการเป็นนักเขียนคือความเป็นจริงอย่างทุกสาขาอาชีพบนโลกใบนี้ ที่ต้องกระทำการด้วยความเป็นอิสระอย่างแท้จริงอย่างไม่ยึดถือ หนทางแห่งการปลดปล่อยสู่ความเป็นอิสระสำหรับนักเขียนหรือคนทุกคนในทุกสาขาอาชีพที่กำเนิดมาบนโลกใบนี้ต่างหากที่ให้คำตอบกับตัวเองได้ว่า สมควรจะกระทำอย่างไรในการสร้างงานของตัวเองให้ถูกต้องสมบูรณ์งดงามลงตัวอย่างที่สุด
สมค่ากับการได้เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ที่มีปัญญาประเสริฐค้นคิดหลุดพ้นจากทุกสิ่งอย่าง ด้วยการไม่ยึดติดตกเป็นทาสกับสิ่งนั้นๆ (จบจริงๆ) •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022