รูเบน อโมริม และชั่วโมงฝึกงานที่แคร์ริงตัน

หลังจากยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า รูเบน อโมริม กุนซือหนุ่มชาวโปรตุกีส จะมาทำหน้าที่กุนซือคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

โดยจะเริ่มงานคุมทีมนัดแรกเจอกับ อิปสวิช ทาวน์ ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนั้น

หนึ่งใน “โปรไฟล์” ของกุนซือหนุ่มวัย 39 ปี ที่สื่อเมืองผู้ดีหยิบยกมาเอ่ยถึงบ่อยครั้งคือสถานะ “ลูกศิษย์” ของ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือดังเพื่อนร่วมชาติที่มีประสบการณ์คุมทีมมาแล้วมากมาย

ซึ่งรวมถึงทีมปีศาจแดงระหว่างปี 2016-2018

ย้อนไป 6 ปีที่แล้ว สมัยมูรินโญ่ยังคุมทีมแมนฯ ยู อโมริมเคยไปเป็น “เด็กฝึกงาน” ที่แคร์ริงตัน ศูนย์ซ้อมของสโมสร เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนวิชาโค้ชฟุตบอลระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยลิสบอนของอโมริม

 

คนที่ชักนำอโมริมไปฝึกงานที่นั่นคือ ศาสตราจารย์อันโตนิโอ เวโลโซ่ ของคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพของมหาวิทยาลัยที่อโมริมเรียนอยู่ โดย ศ.เวโลโซ่เคยเป็นเพื่อนเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาระดับปริญญาตรีของมูรินโญ่ในยุค 80

เวโลโซ่อยากให้อโมริมได้ไปเรียนรู้งานจากโค้ชมืออาชีพเพื่อลดช่องว่างระหว่างภาคทฤษฎีในห้องเรียนกับภาคปฏิบัติจริง

ตัวมูรินโญ่เอง หลังจากเพื่อนเก่าไปหาถึงบ้านพักในลอนดอนเพื่อขอร้องเรื่องนี้ก็ตอบตกลงทันที ด้วยมองว่าตอนที่เขาเริ่มต้นงานโค้ชใหม่ๆ ขณะอายุยังน้อยนั้น ยังขาดองค์ความรู้จากประสบการณ์ตรง เช่น การรับมือกับสื่อ การให้สัมภาษณ์

เพ็ตเตอร์ สค็อกสเล็ตเท่น เพื่อนร่วมคอร์สของอโมริม เผยว่า นักศึกษาได้เรียนรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับผู้จัดการทีม เป็นการเตรียมความพร้อมตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะต้องทำอะไร หลายๆ คอร์สที่เคยเรียนมาจะโฟกัสที่การสอน การคุมทีม แต่คอร์สของศาสตราจารย์เวโลโซ่จะโฟกัสที่บทบาทของโค้ชเป็นหลัก

ด้าน เจฟฟ์ ลาบีน เพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกคน เล่าว่า อโมริมเป็นนักศึกษาดีเด่น เวลามีโค้ชรับเชิญมาเป็นวิทยากร และในคลาสร่วมกันวิเคราะห์เกมหรือประเด็นต่างๆ ทุกคนจะตั้งตารอฟังความเห็นของอโมริม ประการหนึ่งเพราะความสามารถของเขาเป็นที่ประจักษ์ ในฐานะนักเตะที่มีประสบการณ์ระดับสูงที่สุดนั่นเอง

สมัยเป็นผู้เล่น อโมริมเคยเล่นให้เบนฟิก้ากว่า 150 นัด และติดทีมชาติโปรตุเกส 14 นัด จึงมีดีกรีเป็นที่ประจักษ์และยอมรับของทั้งเพื่อนและอาจารย์

โชเซ่ มูรินโญ่

ศ.เวโลโซ่บอกว่า อโมริมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเกมฟุตบอลเป็นอย่างดี รวมถึงความรู้ในศาสตร์แวดล้อมอย่างจิตวิทยาและชีวกลศาสตร์ ขณะที่มุมมองเรื่องแท็กติกการเล่นนั้น ย้อนไปเวลานั้นถือว่ายังเป็นช่วงเริ่มหาแนวทางของตัวเอง แต่เขาไม่กลัวที่จะหยิบยืมไอเดียของโค้ชชั้นนำมาเป็นไกด์ไลน์ให้ตัวเอง

โดยคนที่เขานำแท็กติกมาผสมผสานกันคือไอเดียของมูรินโญ่ และ อันโตนิโอ คอนเต้ ซึ่งอโมริมบอกว่าน่าจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ประหนึ่งตัวเองเป็นเชฟที่ได้แรงบันดาลใจจากเชฟเก่งๆ คนอื่น แล้วสร้างสูตรของตัวเองขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม การศึกษาในห้องเรียนก็เรื่องหนึ่ง แต่การไปเป็นเด็กฝึกงานของโค้ชดังอย่างมูรินโญ่ ในทีมใหญ่ๆ อย่างแมนฯ ยูนั้น ไม่ใช่นักศึกษาทุกคนจะได้ไป เวโลโซ่และเพื่อนอาจารย์จะเฟ้นหาหัวกะทิของคลาสจริงๆ เท่านั้นไปฝึกงาน

และอโมริมก็ได้รับเลือกไปแคร์ริงตันร่วมกับลาบีนและเพื่อนอีกคน

 

“เด็กฝึกงาน” จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อม 6 ครั้งในช่วงสัปดาห์ของการฝึกงาน โดยครั้งนั้นแมนฯ ยูกำลังเตรียมทีมเพื่อฟาดแข้งกับ อาร์เซนอล ซึ่งบังเอิญเป็นเกมสุดท้ายที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ยอดกุนซือปืนใหญ่จะคุมทีมไปเยือนโอลด์แทรฟฟอร์ดในฐานะผู้จัดการทีมอีกด้วย

ลาบีนเล่าว่า เด็กฝึกงานอยู่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ไม่ได้เข้าไปร่วมคุมซ้อมด้วย แต่พวกเขาก็ตามมูรินโญ่เป็นเงาตามตัวเพื่อซึมซับการทำงานรวมถึงมุมมองการคุมทีมของเจ้าของฉายา “เดอะ สเปเชียล วัน” ให้มากที่สุด

ลาบีนบอกว่า ไม่ใช่แค่ใช้เวลาร่วมกันในสนามซ้อมที่แคร์ริงตันเท่านั้น บางครั้งมูรินโญ่ก็จะพาเด็กฝึกงานไปเลี้ยงอาหารที่ร้านของ ฆวน มาต้า เมื่อหมดวัน

ช่วงกลางสัปดาห์ตรงกับการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่างทีมบาเยิร์น มิวนิก กับรีล มาดริด และลิเวอร์พูลกับโรม่า มูรินโญ่ก็จะชวนเด็กฝึกงานมานั่งดูด้วยกันและวิเคราะห์เกมแลกเปลี่ยนไอเดียกัน

เมื่อการฝึกงานสิ้นสุด อโมริมกับเพื่อนก็ต้องทำรายงานส่งอาจารย์ว่าได้เรียนรู้อะไรบ้าง และมีอะไรที่อยากปรับแก้จากที่ได้เห็นในการฝึกซ้อมบ้าง

เวโลโซ่บอกว่า มูรินโญ่ใจกว้างมาก พร้อมให้เวลากับเด็กฝึกงานทุกคน และยิ่งให้ความใส่ใจในตัวอโมริมเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคนชาติเดียวกัน คุยกันรู้เรื่อง และยังมีประสบการณ์ในวงการลูกหนังโปรตุเกสกันมาก่อน มูรินโญ่จึงให้คำแนะนำดีๆ กับอโมริมหลายอย่าง

ขณะที่เพื่อนเด็กฝึกงานบอกว่า ด้วยความรู้ความสามารถของอโมริม เขาได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นกุนซือลูกหนังโปรตุกีสยุคใหม่ตั้งแต่ก่อนเข้าคอร์สเรียนนี้แล้ว ซึ่งถ้าให้เทียบกัน แม้จะมีปรัชญาการทำทีมคล้ายๆ กัน

แต่อโมริมจะบ้าทฤษฎีกว่ามูรินโญ่ เน้นการพูดคุยแบบประนีประนอมมากกว่าออกคำสั่ง ทำให้ลูกทีมรู้สึกว่าเราเป็นทีมเดียวกัน

 

หลายปีต่อมา หลังจากอโมริมก้าวขึ้นไปเป็นโค้ชเต็มตัว เขาก็เปลี่ยนสถานะจากนักศึกษาเป็นวิทยากรรับเชิญ และไปบรรยายให้วิชาที่เขาเคยเรียนในมหาวิทยาลัย รวมถึงการเชิญนักศึกษาไปชมอคาเดมีของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่เขาคุมทีมอยู่

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาก็จะกลับไปเยือนแคร์ริงตันและโอลด์แทรฟฟอร์ดอีกครั้ง ในสถานะที่ต่างออกไป

และแน่นอนว่าเจ้าตัวคงคาดหวังว่าจะไม่ลงเอยเหมือน “อาจารย์” ของเขาที่โดนปลดจากตำแหน่งกลางคันในเวลาต่อมา •

 

Technical Time-Out | SearchSri