ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | เปลี่ยนผ่าน |
เผยแพร่ |
เปลี่ยนผ่าน | ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี
‘มายด์ ภัสราวลี’
รำลึก ‘ลุงนวมทอง’
ร้องขอความกล้า ‘นักการเมือง’
หมายเหตุ เนื้อหาบางส่วนจากคำกล่าวระลึกถึง “นวมทอง ไพรวัลย์” ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมประท้วงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดย “มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล” นักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่สดมภ์อนุสรณ์นวมทอง บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต
…มายด์อยากจะบอกทุกท่านอย่างนี้ค่ะว่า เมื่อ 18 ปีที่แล้ว มายด์อาจจะไม่ทันหรอก มายด์อาจจะยังคงเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องการเมือง ไม่ได้รู้ว่าการสละชีพของ “ลุงนวมทอง” มีความสำคัญอย่างไร
แต่เมื่อครั้งที่มายด์ได้มาสนใจการเมืองและมาได้เริ่มศึกษาแล้ว ได้เริ่มรู้จักชื่อของลุงนวมทองแล้ว มายด์คิดว่าตลอด 18 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ลุงนวมทองได้ทำและพิสูจน์แล้วก็คือ มันมีคนที่ยึดถืออุดมการณ์จนยอมสละชีพได้จริงๆ
มันเป็นการลบล้างคำสบประมาท (“ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”) ของ “พ.อ.อัคร ทิพโรจน์” (ยศขณะนั้น) และมายด์เชื่อว่าไม่ได้มีแค่ลุงนวมทองที่คิดแบบนั้น ไม่ได้มีแค่ลุงนวมทองคนเดียวหรอกที่ยึดถืออุดมการณ์และยอมสละชีพเพื่ออุดมการณ์ได้
18 ปีที่ผ่านมา มายด์คิดว่าสิ่งหนึ่งที่ลุงนวมทองได้แสดงออกและเป็นสัญลักษณ์ยืนยันให้กับพวกเราอย่างหนึ่ง ก็คือ ลุงนวมทองคือ “สัญลักษณ์ของความกล้าหาญ” เป็นความกล้าหาญที่แท้จริงที่มายด์เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงมีความกล้าหาญแบบนี้เช่นกัน หากเรามีฝันที่อยากจะทำให้เป็นจริง
18 ปี ลุงนวมทองเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ แต่น่าเสียดายมากที่ตอนนี้ สภาพการเมืองไทยของบ้านเรา เราตกอยู่ในสภาวะที่นักการเมืองที่อยู่ในสภาส่วนใหญ่นั้นไร้ซึ่งความกล้าหาญ
ไร้ความกล้าหาญในการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน ไร้ความกล้าหาญในการปกป้องความยุติธรรม ไร้ความกล้าหาญในการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งที่นี่มันเป็นหน้าที่ของพวกเขา
มายด์อยากจะบอกอย่างนี้ว่า ที่มายด์กล้าพูดว่าตอนนี้เราอยู่ในสภาวะที่ “นักการเมืองไร้ความกล้าหาญ” มายด์ไม่ได้พูดลอยๆ มันถูกพิสูจน์มาแล้วค่ะด้วยผลการเลือกตั้ง 1 ปีที่ผ่านมา
ถามว่าหลังวันเลือกตั้ง เราทุกคนมีความหวังไหมคะ? มี เราโคตรมีความหวังเลย เพราะว่ามันเป็นการเลือกตั้งที่เหมือนได้ “รัฐบาลดรีมทีม” แต่สุดท้ายผ่านมา 1 ปี ถามว่าบรรยากาศความยุติธรรมในบ้านเรามันดีขึ้นหรือแย่ลง มันแย่ลง ใช่ไหมคะ…
ซ้ำไปมากกว่านั้น กระบวนการยุติธรรมในบ้านเรา มันหนักกว่าเดิม มันแย่ลงกว่าเดิม ตอนนี้ ยังมีเพื่อนเราหลายคนถูกขังอยู่ในเรือนจำ
“เก็ท” (โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง) เพิ่งจะกรีดหน้าอกเป็นเลข “112” เป็นอีกหนึ่งการต่อสู้ อีกหนึ่งการใช้ร่างกาย การใช้ชีวิตของเขา ในการยืนยันต่อสู้
กระบวนการยุติธรรมบ้านเรา ณ ตอนนี้ ยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่ ที่ทำให้คนที่ถูกดำเนินคดีต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง
อีกเรื่องหนึ่งที่มายด์กล้าพูดเลยว่า ตอนนี้นักการเมืองบ้านเราไม่มีความกล้าหาญจริงๆ เพราะว่าผลการลงมติในการเห็นชอบข้อสังเกตในรายงานของคณะกรรมาธิการนิรโทษกรรม ที่มีการศึกษาว่าควรรวมมาตรา 112 เข้าไปหรือเปล่า
ผลการลงมติล่าสุด นักการเมืองในสภาส่วนใหญ่ “ไม่เห็นชอบ” ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวม 112 มันเป็นเพียงแค่การลงมติในข้อสังเกตในรายงาน ว่าเห็นด้วยกับข้อสังเกตที่คณะกรรมาธิการพิจารณามาหรือเปล่า ว่าเรื่อง (นิรโทษกรรม) 112 ควรมี 3 รูปแบบ
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการก็ไม่ได้มีการฟันธงชัดเจนด้วยซ้ำ ว่าจะต้องมีการนิรโทษกรรมรวม 112 แต่ ส.ส.ในสภาก็ไม่กล้าหาญพอที่จะลงมติ ไม่กล้าหาญพอที่แม้จะแตะต้อง เห็นด้วย เห็นชอบในรายงานนั้น
กลัวไปหมด กังวลไปหมดว่า ถ้าหากตนเองลงมติเห็นชอบ จะเสมือนว่าเป็นการแสดงออกว่าเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมที่รวมมาตรา 112 หรือเปล่า ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความมั่นคงทางอาชีพของพวกเขา
เขาไม่มีความกล้าหาญ เขารักตัวเอง นักการเมืองเหล่านั้นรักตัวเองมาก วันที่เขาก้าวขาเข้ามาในสนามการเมือง วันที่เขาก้าวขาเข้ามาในสนามการเลือกตั้ง เขาอาจจะมีภาพที่ดี มีคำพูดที่ดีกับพวกเรา เขาอาจจะมีความฝันสวยหรู ที่บอกว่าเขาจะทวงความยุติธรรมให้กับพวกเราอย่างไร
แต่ว่าเมื่อเขาเข้าไปทำงานจริงๆ แล้ว เราไม่เห็นเลยค่ะ เรายังไม่เห็น
ความไม่กล้าหาญของนักการเมืองในตอนนี้ มันส่งผลทำให้พวกเราต้องเผชิญเรื่องนี้เพียงลำพัง หมายถึงว่าประชาชนอย่างพวกเราต้องต่อสู้เรื่องนี้เพียงลำพัง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถามว่าถ้าหากเรามีพื้นที่ที่ปลอดภัยมากพอในการพูดคุยกันเรื่องมาตรา 112 มันจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ไหมคะ
มันจะเกิดสถานการณ์ที่ว่าฝ่ายหนึ่งต้องออกมาเรียกร้อง ฝ่ายหนึ่งก็ถูกจับเข้าคุก ฝ่ายหนึ่งก็ทำเหมือนกับว่า ไม่อยากแตะต้องเพราะฉันอยากเป็นคนดี ถ้าฉันแตะต้องแล้วฉันเป็นคนไม่ดี
เรื่องของมาตรา 112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จำเป็นต้องมี “พื้นที่ปลอดภัย” มากพอในการพูดคุยกัน ในสภาพสังคมภายนอก พวกเราหลายคน ประชาชนหลายคน มีอุดมการณ์ทางความคิดที่ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
เราบางคนมีความคิดที่เป็นแบบอนุรักษนิยม อันนี้ไม่ว่ากัน เราบางคนมีความคิดแบบก้าวหน้า แบบยึดถือความเป็นสังคมนิยม อันนี้ก็ได้เราไม่ว่ากัน แต่สิ่งสำคัญคือพื้นที่ภายนอก เราจำเป็นต้องมีพื้นที่ปลอดภัยมากพอในการที่ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน และเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน
พื้นที่ปลอดภัยตรงนี้มันต้องถูกสร้างด้วยรัฐ ภาครัฐ รัฐบาล ต้องถูกสร้างด้วยการที่เราแสดงความเห็นอะไรกันก็ตาม ต้องไม่มีใครถูกจับเข้าไปขังในคุก นี่คือพื้นที่ปลอดภัย
ในพื้นที่ภายนอก เรามีความกล้าหาญในการถกเถียงพูดคุยกันตามอุดมการณ์ทางการเมืองกันอยู่แล้ว แต่เราไม่มีพื้นที่ปลอดภัย
แต่กลับกัน ในสภามีพื้นที่ปลอดภัย ในสภาปลอดภัยมาก แต่นักการเมืองกลับไม่มีความกล้าหาญ
เรื่องของมาตรา 112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากขนาดนี้ นักการเมืองคนไหนก็รู้ และเขาก็ย่อมรู้อยู่แล้วว่า พื้นที่ข้างนอกมันคุยไม่ได้ ถ้าหากเราคุยกัน เรามีราคาที่ต้องจ่าย ถ้าหากมีใครคนหนึ่งพูด คนหนึ่งอาจจะต้องติดคุก แต่ในสภาพูดได้
ในสภาควรเป็นพื้นที่ตัวอย่าง ที่ทำให้สังคมได้เห็นว่าเรื่อง 112 มีพื้นที่ในการพูดคุยกันได้ ในสภาคือพื้นที่ปลอดภัยสำเร็จรูปแล้ว เรารออย่างเดียว ตอนนี้ คือความกล้าหาญของนักการเมือง
เรารออย่างเดียว ตอนนี้ คือความกล้าหาญที่นักการเมืองจะกล้าเปิดพื้นที่อย่างเป็นทางการในการพิจารณาเรื่อง (นิรโทษกรรม) 112 ไม่ให้ตกน้ำไป ซึ่งนักการเมืองในสภาทำได้…
ลุงนวมทองคือสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และมายด์เชื่อว่านักสู้ที่อยู่ตรงนี้ทุกคนก็ยังมีความกล้าหาญที่จะยึดถืออุดมการณ์ในการต่อสู้ต่อไป
ถ้าหากวันนี้ ลุงนวมทองยังอยู่ ลุงนวมทองก็คงยึดถือตามอุดมการณ์เช่นเดิมนี่แหละ เลยอยากจะขอส่งเสียงบอกเหล่าบรรดานักการเมืองที่ใส่สูทอยู่ในสภาทุกคน
วันนี้ 18 ปีแล้ว ที่ลุงนวมทองได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และเหล่านักการเมืองในสภาควรจะมีความกล้าหาญได้หรือยัง ควรจะมีความกล้าหาญในการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนได้หรือยัง ควรจะมีความกล้าหาญในการยืนยันว่าสังคมนี้ ควรจะมีความยุติธรรมกว่านี้ได้หรือยัง
มายด์เชื่อว่า ถ้าหากนักการเมืองในตอนนี้มีความกล้าหาญได้สักครึ่งของลุงนวมทอง “อานนท์” (นำภา) คงไม่ต้องอยู่ในคุก “เก็ท” คงไม่ต้องอยู่ในคุก “บุ้ง” (เนติพร เสน่ห์สังคม) คงไม่ต้องจากไป
แค่อยากบอกนักการเมืองว่า ขอให้มีความกล้าหาญมากกว่านี้ ให้มันสมกับแรงที่พวกคุณได้ไปยกมือไหว้พี่น้องประชาชน ก่อนที่จะเข้าไปในสภา
และก็อยากบอกกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่งว่า อำนาจเป็นของเราจริงๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเงียบ เขาก็จะข้ามหัวเราไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้น เราต้องไม่เงียบ เราต้องส่งเสียงต่อไป เราต้องยืนยันต่อไปว่า ประเทศนี้เป็นของเราจริงๆ และเราสามารถเซ็ตโครงสร้างใหม่ด้วยตัวของพวกเราเอง
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022