เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
ขยะ”มะกัน”-แบกะดิน”ไทย”
ขอหยิบประเด็นดราม่ามาลากให้ การเลือกตั้งประธานาธิดีสหรัฐ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ใกล้ตัวคนไทยอย่างเรา ขึ้นอีกนิด
หลังจากที่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของพรรคเดโมแครต
ไปวิจารณ์คำกล่าว ของนายโทนี ฮิตช์คลิฟฟ์ นักแสดงตลกที่กล่าวบนเวทีหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมว่า ประเทศเปอร์โตริโกเป็น “เกาะขยะลอยน้ำ” ว่า นั่นเป็นการดูถูกชาวลาติน
และหาเสียงกับชาวละตินเสียเลยว่า
“ขยะเดียวที่ผมเห็นลอยอยู่คือผู้สนับสนุนของทรัมป์ เขาเหยียดหยามชาวลาตินที่เป็นสิ่งที่ไร้สำนึกและไม่มีความเป็นอเมริกัน”
ปรากฏว่า คำพูดดังกล่าวไปเข้าทางทรัมป์และทีมงาน ที่ย้อนศรคำพูดของไบเดน ว่า นั่นคือการดูถูกผู้สนับสนุนทรัมป์เป็น”ขยะ”
มีการนำคำพูดนี้ไปขยี้และขยายความขนานใหญ่
ถึงขนาด ทรัมป์ สวมชุดพนักงานเก็บขยะ ขึ้นเวทีหาเสียงเลยทีเดียว
ประเด็น “ขยะ”ดูเหมือนจะ จุดติด
ทำให้ นางคามาลา แฮร์ริส และทีมงานต้องแก้เกมกันใหญ่
เพราะอาจมีผลต่อการตัดสินใจของคนอเมริกันในช่วงโค้งสุดท้ายไม่น้อย
ประเด็น”ขยะ” นี้ ทำให้นึกย้อนไปถึงการเมืองไทย-ไทย เมื่อ ปี 2528
ในการเลือกตั้งชิงผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ระหว่าง “นายชนะ รุ่งแสง” จากพรรคประชาธิปัตย์ กับ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองผู้สมัครอิสระในนาม “กลุ่มรวมพลัง”
ซึ่งดูฟอร์ม นายชนะ เหนือกว่า พล.ต.จำลอง มาก
โดยนายพิชัย รัตตกุล ไปปราศรัยที่จตุจักร เปรียบเทียบว่า พล.ต.จำลอง เป็นสินค้าแบกะดิน
แค่คำๆเดียวนี้ ปรากฏว่าคนกรุงเทพฯ พากันเทคะแนนสงสารให้ พล.ต.จำลอง มหาศาล
พลิกผลการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม.ไปในชั่วพริบตา
ดังนั้น ประเด็น”ขยะ” ที่กำลังร้อนในการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐตอนนี้
จึงกำลังถูกจับตาว่าจะเป็นประเด็นสำคัญหนึ่ง ที่ทำให้ทรัมป์ พลิกกับมาชนะแฮร์ริส หรือไม่
ถ้า ทรัมป์ ชนะ ผลสะเทือนต่อโลกรวมถึงไทย ก็จะมากขึ้นเมื่อเทียบกับแฮร์รีส
ว่าที่จริง สำหรับไทยแล้วในระยะหลังๆ ต้องยอมรับว่า เราหายไปจาก”จอเรดาร์”ของอเมริกา เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซี่ยน ไม่ว่าอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม กันพูชา
ผลสะเทือน จากประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ จึงดูเหมือนไม่มาก
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าไม่มีเสียเลย โดยเฉพาะหากทรัมป์ ชนะการค้าระหว่างประเทศเข้มข้นแน่
ไทยที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักสำคัญ จึงต้องเอาใจใส่
อย่างที่ทราบ ทรัมป์ประกาศในการหาเสียงคราวนี้ จะใช้กำแพงภาษีนำเข้า ปกป้องคนอเมริกันในฐานะผู้บริโภค
โดยจะขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าจากจีน 60% และจะมีการตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้านำเข้าทุกอย่างทั่วโลก 10%
ซึ่งไทยต้องได้รับผลกระทบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ให้ข้อมูลใน”มติชนสุดสัปดาห์”ฉบับล่าสุดว่าหากทรัมป์เข้ามา จะดิสรัปชั่น ในทุกมิติ โดยเฉพาะนโยบายการค้า มูลค่าการค้าในโลก จะลดลงจากการขึ้นภาษี
ซึ่งจะเป็นลบกับไทยในการส่งออก
แต่กระนั้นก็หวังในเชิงบวกว่า เมื่อสินค้าจีนถูกขึ้นภาษี 60%
สหรัฐอาจจะหันมาซื้อสินค้าจากไทยเพิ่งขึ้นก็ได้
รวมถึงจีนอาจย้ายฐานการลงทุนมาไทยเพิ่มขึ้น
แต่ อีกด้าน ผู้ประกอบการจีนบางส่วนอาจส่งสินค้ามาแข่งในไทย เหมือนอย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นแล้ว
นี่คือการบ้านที่ไทยต้องเตรียมรับ
ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐก็ตาม
————–