ทรานส์ฟอร์เมอร์ ‘ผบ.ทบ.-ผบ.ทหารสูงสุด’ จาก ‘คอแดง’ สู่ ‘คอเขียว’ วัดพลังขั้วอำนาจนอก ทบ. นัยสำคัญที่การเมืองต้องจับตา

1 พฤศจิกายน 2567 หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกะทันหันอีก ก็ได้ถูกกำหนดเป็นวันดีเดย์แห่งการเปลี่ยนแปลงหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) หรือ ฉก.ทหารคอแดง ที่จะมีการปรับโครงสร้างใหม่

และเป็นวันที่กองทัพจะกลับคืนสู่อิสรภาพมากขึ้น แม้จะยังไม่ทั้งหมดก็ตาม

เพราะหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) นี้ยังคงอยู่ ซ้อนอยู่เหนือกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก

เพราะกองทัพภาคที่ 1 เกือบทั้งกองทัพยังคงอยู่ภายใต้ ฉก.ทม.รอ.904 โดยมีแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

แม่ทัพภาคที่ 1 จะต้องเป็นนายทหารคอแดงอยู่ต่อไป

ฉก.ทม.รอ.904 มีขึ้นเพื่อประสานการปฏิบัติกับหน่วยทหารในพระองค์ โดยเฉพาะ ทม.รอ. ในการเตรียมการรับเสด็จ การถวายงานต่างๆ เพราะกำลังของ ทม.รอ.ในเบื้องแรกยังไม่เพียงพอ ยังต้องใช้กำลังหลักของ ทบ.

และอีกนัยหนึ่งคือ การมี ฉก.ทม.รอ.904 มาครอบซ้อน ทบ.ไว้ เพราะ ทบ.เป็นเหล่าทัพใหญ่สุด และมีบทบาทในการรัฐประหาร ก็เป็นการควบคุมไม่ให้หน่วยของ ทบ.เดินออกนอกแนว และป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน

โดยมีบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ มีบทบาทหลักในฐานะ ผบ.ทบ. คอแดง และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนแรก

จึงทำให้ทั้ง พล.1 รอ. กองพลทหารราบสายวงศ์เทวัญ พล.ร.2 รอ. กองพลทหารราบยานเกราะบูรพาพยัคฆ์ ที่เคยเป็นขุมกำลังรัฐประหาร พล.ม.2 รอ. ทหารม้ารถถังปฏิวัติ ต้องมาขึ้นกับ ฉก.ทม.รอ.904

รวมทั้งบางหน่วยในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน รักษาพระองค์ (นย.) และหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน รักษาพระองค์ (อย.) จึงทำให้กลายเป็นหน่วย ทร. และ ทอ. ที่เป็นหน่วยรักษาพระองค์ (รอ.)

รวมทั้งกรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ด้วย ที่กลายเป็นทหารคอแดง

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์

แต่ตลอดเวลา 7 ปี ตั้งแต่มี ฉก.ทม.รอ.904 มา ส่งผลให้ พล.อ.อภิรัชต์กลายเป็นผู้ถูกมองว่ามีบทบาทสำคัญ มีเพาเวอร์ในการกำหนดชะตาชีวิตว่าใครจะเป็นตำแหน่งใด

เพราะคนที่ได้รับเลือกให้ไปเป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.ทหารสูงสุด เช่น บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ต่อด้วย ผบ.อ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ส่วน ผบ.ทบ. ต่อด้วย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ และ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ต้องไปฝึกเป็นทหารคอแดง

ส่วนคนที่ไม่ได้ไปฝึก ไม่ได้เป็นทหารคอแดง ก็ต้องเป็นทหารคอเขียวต่อไป และต้องเปลี่ยนเส้นทางชีวิตรับราชการทหาร

ส่งผลให้เกิดปัญหาความแปลกแยก แบ่งพวกเป็นทหารคอเขียวทั่วไป กับทหารคอแดง ที่เป็นเสมือน ทหารเหล่าพิเศษ

แต่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในจังหวะพอดีที่ พล.อ.อภิรัชต์ลาออกจากการเป็นรองเลขาธิการ สนว. พร้อมๆ กับการถูกสอดแทรกโดยทหารคอแดงนอก ทบ. ที่เข้ามามีบารมีแทน

พล.อ.อภิรัชต์ ที่อยู่ในกระแสข่าวว่าเจอเกม “เปลี่ยนหมาก” จากการเดินเกม “ดีลตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว” พลาด

จนทำให้มีภาพ “ดีลลังกาวี” หลุดออกมา และทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ถูกเวรโทษ และค่อยๆ หายเงียบไป ก่อนขอลาออก จากปัญหาเรื่องสุขภาพ

ขั้วอำนาจในสายทหารคอแดงนอก ทบ.จึงเปลี่ยน

 

ปัญหาที่สั่งสมจากเรื่องทหารคอเขียว และทหารคอแดง จนถึงเกมแห่งอำนาจของคีย์แมนทหารคอแดงนอก ทบ.มีเรื่อยมา จนเมื่อ พล.อ.อภิรัชต์ถอยทัพ อำนาจจึงเปลี่ยนขั้วในช่วง1-2 ปีมานี้

และมาถึงจุดเปลี่ยนในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล กันยายน 2567 เมื่อมีการวัดพลังกันในการชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ระหว่าง ตท.27 ที่มีชื่อแม่ทัพใหญ่ พล.ท.

พล.ท.อมฤต บุญสุยา

บุญสุยา แม่ทัพน้อยที่ 1 สายทหารเสือราชินี สายตรงบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ กับ ตท.28 ที่ส่งชื่อ บิ๊กไก่ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ ที่ตอนนั้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และรองกอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1

จนทำให้บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย ผบ.ทบ. ในเวลานั้น ที่เป็นทหารเสือราชินี และสายตรงบิ๊กตู่ ต้องออกแรงในการผลักดัน พล.ท.อมฤตให้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะหมายถึงการจ่อคิวขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคตอีกด้วย จึงมีการตรวจสอบ “สัญญาณ”

จนเกิดปรากฏการณ์ล้าง ทบ. ของ พล.อ.เจริญชัย ที่โยกย้ายสับเปลี่ยนตัวนายทหารระดับผู้บัญชาการกองพลคอแดง ที่จัดวางตัวบุคคลในขั้วสายอำนาจ ตท.28 ในกองทัพภาคที่ 1 ใหม่ ทั้ง ผบ.พล.1 รอ. ผบ.พล.ร.2 รอ. ผบ.พล.ม.2 รอ. ผบ.พล.ร.9 และ ผบ.พล.ร.11 ที่จัดไว้โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ.คนก่อน พันธมิตรสำคัญของขั้วอำนาจ ตท.28 อีกทั้งเป็นที่รู้กันว่าระหว่าง พล.อ.เจริญชัย และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็มีเรื่องค้างคาใจกันอยู่

พล.อ.เจริญชัยจึงทิ้งทวนในการจัดวางระบบการแต่งตั้งโยกย้ายของกองทัพบกใหม่ หลังได้รับสัญญาณให้จัดวางได้ตามเหมาะสม รวมถึงการนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของ ฉก.ทม.รอ.904 ใหม่ ที่ ผบ.ทบ.ไม่ต้องเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์

บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ จึงเป็น ผบ.ทบ.คอแดงคนแรก ที่ไม่ต้องควบ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904!

กลับมามีอิสระ และมีอำนาจในการจัดโผทหารของ ทบ.ได้มากขึ้น จากเดิมที่ต้องยึดรายชื่อที่ฉก.ทม.รอ.904 ส่งมาเป็นหลัก

และเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งความเปลี่ยนแปลงของ ฉก.ทหารคอแดง เพราะเมื่อแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แทน ผบ.ทบ.

นายทหารชั้นนายพล โดยเฉพาะพลโท พลเอก ที่ไม่ได้อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ก็จะต้องพ้นจากการเป็นทหารคอแดง ทั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทหารสูงสุด

ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะเริ่มเมื่อใด หรืออาจผ่านพ้นพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารรักษาพระองค์ 3 ธันวาคม 2567 นี้ก่อน

แต่มีรายงานว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้น มีผลตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 นี้เป็นต้นไป

ที่จะทำให้ พล.อ.พนา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ทรงวิทย์ ผบ.ทหารสูงสุด ต้องแปรสภาพจากทหารคอแดง กลับมาเป็นทหารคอเขียวเช่นเดิม กลับมาแต่งเครื่องแบบต่างๆ ตามเหล่าทหารบก

ไม่ต้องใส่เสื้อยืดคอแดงไว้ข้างใน กลับมาใส่หมวก ติดอาร์มหน่วยปกติ และไม่ต้องสวมชุดพระราชฐาน ทม.รอ. เป็นชุดทางการอีกแล้ว

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

เมื่อ พล.อ.ทรงวิทย์ได้คืนกลับสู่การเป็นทหารคอเขียว ก็ทำให้อนาคตของผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนต่อไปชัดเจนขึ้น ว่าไม่ต้องเป็นทหารคอแดงอีกแล้ว

เพราะบิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ทหารคอเขียว ก็ได้ข้ามจาก ผช.ผบ.ทบ. มาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเตรียมขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คนต่อจาก พล.อ.ทรงวิทย์ ที่จะเกษียณกันยายน 2568 และจะกลายเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ที่กลับมาเป็นคอเขียวคนแรกในรอบ 5 ปี

รวมทั้งบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกลาโหม ที่จะกลับคืนสู่ร่างทหารคอเขียว เช่นเดียวกับทหารทั้งกองทัพ และหากโยกย้ายกันยายน 2568 ได้ขึ้นเป็นปลัดกลาโหมคนใหม่ ก็จะเป็นปลัดกลาโหมคอเขียวเช่นที่เคยมีมา

 

การที่กองทัพบกบางส่วนออกมาจาก ฉก.ทม.รอ.904 ได้เช่นนี้ กำลังถูกจับตามองว่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในบทบาทหน้าที่ของกองทัพเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้หรือไม่

เพราะเชื่อกันว่าเมื่อกองทัพบกโดยเฉพาะขุมกำลังรบสำคัญถูกครอบซ้อนไว้ด้วย ฉก.ทม.รอ.904 โอกาสที่จะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารย่อมเกิดขึ้นได้ยาก หรือไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย

แต่เมื่อวันนี้ ผบ.ทบ.ออกจาก ฉก.ทหารคอแดงแล้ว จะมีอำนาจกลับมาเต็มมือหรือไม่

แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ากำลังรบหลักของกองทัพบก คือกองทัพภาคที่ 1 ยังคงอยู่ใน ฉก.ทหารคอแดง เปรียบเสมือนแขนขาสำคัญของ ผบ. ทบ. ที่ยังคงถูกล็อกไว้อยู่

แต่ในภาพรวม ทำให้ทหารคอเขียวในกองทัพได้รับการเยียวยาในระดับหนึ่ง เพราะทำให้มีความหวังที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งทางผู้บัญชาการทหารสูงสุดและปลัดกลาโหม หรือแม้แต่ ผบ.ทบ.

และก็มีแนวโน้มสูงว่า ผบ.ทบ.จากนี้ไปจะมาจากแม่ทัพภาคที่ 1 คือ ที่เคยเป็นทหารคอแดง เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 มาแล้ว เพราะถึงอย่างไรกองทัพภาคที่ 1 ก็ยังเป็นกำลังรบหลักสำคัญของ ทบ. ทั้งในยามปกติ และในยามเกิดวิกฤตการเมือง และบ้านเมือง

นอกจากจะมีการปรับโครงสร้าง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ใหม่แล้ว ยังมีผลต่อการจัดโผโยกย้ายนายทหารระดับพันเอกพิเศษ ทั้งรองนายพล และผู้บังคับการกรม ที่ล่าช้า จากที่เคยจะประกาศตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ก็ต้องรอความชัดเจนของโครงสร้างใหม่ของ ฉก.ทม.รอ.904 แล้ว ยังมีความต้องการกำลังพลของ ทม.รอ.มากขึ้น ที่ก็ต้องคัดตัวจาก ทบ.ด้วยนั่นเอง

เพราะมีการคัดตัวทั้งในส่วนของผู้บังคับการกรมในส่วนของ ทบ. ทร. และ ทอ. ที่มีหน่วยรักษาพระองค์

 

กองทัพจึงมีแนวโน้มที่จะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น หลังจากความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ แต่สิ่งที่จะตามมา และกำลังเกิดขึ้นคือ การวัดพลังของทหารคอแดง นอก ทบ. ที่ล้วนมีเพาเวอร์บารมี

เมื่อ พล.อ.เจริญชัยเคยล้างบาง ทบ. ในการโยกย้ายทิ้งทวนส่งท้ายไว้ ผลพวงต่างๆ ก็กำลังตามมา เริ่มตั้งแต่โผโยกย้ายพันเอกพิเศษครั้งนี้

และคนที่จะถูกแรงกดดันมากที่สุดคนแรกคือ พล.ท.อมฤต แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่ต้องบาลานซ์อำนาจคอแดงนอก ทบ. ในการจัดวางขุนพลระดับผู้บัญชาการกองพล ผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพัน ตามลำดับ ในโผโยกย้ายที่จะทยอยจัดออกมานับจากนี้

โดยมีอนาคตของตนเองเป็นเดิมพัน ว่าเมื่อเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วจะได้ขึ้นสู่ห้าเสือ ทบ.และได้เป็น ผบ.ทบ.คนต่อจาก พล.อ.พนา ที่เกษียณตุลาคม 2570 หรือไม่

แต่คนที่ต้องรับบทหนักที่สุดคือ พล.อ.พนาเอง ในฐานะ ผบ.ทบ. แม้จะไม่ได้เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แล้ว แต่ยังต้องรับผิดชอบในภาพรวมของกองทัพบกในท้ายที่สุด และต้องบาลานซ์เพาเวอร์ ในขั้วต่างๆ ให้สมดุล

ไม่เช่นนั้นเก้าอี้ ผบ.ทบ.ที่คิดว่าจะมั่นคงแข็งแรงนั่งยาวไปจนถึงตุลาคม 2570 ก็อาจไม่แน่นอน

เพราะปัญหาขั้วอำนาจในกองทัพและนอกกองทัพ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะทหารคอแดงนั้น นับวันจะยิ่งซับซ้อน ลี้ลับมากขึ้น แบบที่คนในรัฐบาลและการเมืองจะต้องติดตาม และทำ ความเข้าใจและประเมินทิศทางให้ถูกต้อง

เพื่อจะได้ไม่เดินเกมการเมืองผิดพลาดนั่นเอง