ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
คดีดิ ไอคอน กรุ๊ป นับเป็นอีกหนึ่งคดีใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งสังคมและประชาชนต่างให้ความสนใจและเฝ้าเกาะติดสถานการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใกล้ชิด
เนื่องจากคดีนี้ผู้ต้องหาบางรายเป็นถึงนักแสดง พิธีกร เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักระดับประเทศ
อีกทั้งปัจจุบันมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่มูลค่าความเสียหายพุ่งเกือบ 3 พันล้านบาท และมีแนวโน้มว่ายอดความเสียหายจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คดีดิ ไอคอน กรุ๊ปมีความน่าสนใจทวีคูณเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะคดีไม่ได้จบแค่พฤติกรรมหลอกชักชวนให้ประชาชนเข้ามาร่วมลงทุนเท่านั้น
แต่กลับมีการออกมาแฉ รวมทั้งพาดพิง เชื่อมโยงไปยังบุคคลต่างๆ มากมาย ทั้งแวดวงราชการและการเมือง
ยิ่งไปกว่านั้น มีความพยายามโยงใยไปอีกว่าคดีนี้มีตัวละครลับ หรือ “เทวดา” อยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือดิ ไอคอน กรุ๊ปอีกด้วย
หากย้อนเหตุการณ์กลับไปช่วงแรกๆ ของการนำเสนอข่าวคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ประมาณกลางเดือนกรกฎาคม
ปรากฏคลิปเสียงบทสนทนาปริศนา ถูกเผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเนื้อหาบทสนทนาของบุคคลในคลิปเสียงนั้น กำลังเจรจาต่อรองเรื่องของจำนวนเงินเพื่อแลกกับการช่วยเหลือและเคลียร์ปัญหาที่เกิดจากการทำธุรกิจ จนมีผู้เสียหายจำนวนมาก
โดยนักการเมืองคนนั้นได้รับปากจะช่วยจัดการ หากกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องของสภาผู้แทนราษฎรเรียกเข้าไปชี้แจง
ฉะนั้น กรณีดังกล่าวจึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสงสัยว่าบุคคลที่อยู่ในคลิปเสียงนั้นคือบุคคลใด
โดยสปอตไลต์ต่างพุ่งเป้าไปจับจ้องที่นักการเมือง ส. รายหนึ่ง โดยตั้งข้อสังเกตและสงสัยว่าเสียงที่อยู่ในบทสนทนานั้น มีความคล้ายกับเสียงของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั่นเอง
พลันที่มีชื่อของตัวเองตกเป็นข่าวเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับคดีดังดิ ไอคอน กรุ๊ป ทำให้นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รีบออกมายืนยันชัดเจนว่าไม่ใช่เสียงของตนเอง
และหากใครมาพาดพิงหรือกล่าวหา จะดำเนินการทางกฎหมายทันที
ขณะที่พรรคการเมืองต้นสังกัด คือ พรรค พปชร.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยืนยันชัดเจนตามเจตนารมณ์ของพรรคเช่นกันว่า หากผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจปรากฏว่าผู้หนึ่งผู้ใดของพรรค พปชร.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนกระทำความผิด พรรคจะดำเนินการตามมาตรการทางวินัยอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ เมื่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นำกลุ่มผู้ต้องหาดิ ไอคอน กรุ๊ปขอฝากขังต่อศาลอาญา และส่งตัวไปฝากขังเรือนจำ ปรากฏว่ามีความเป็นไปได้ที่เจ้าพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.จะสอบสวนขยายผลเพิ่มขึ้นอีก และอาจจะมีการสอบสวนพาดพิงไปถึงบุคคลภายในพรรค พปชร.ด้วย
ด้วยเหตุนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. จึงเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ออกคำสั่งให้นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช พ้นจากการดำรงตำแหน่งรองโฆษก พปชร. โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา
เรียกได้ว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม รวมทั้งป้องกันผลกระทบต่อชื่อเสียงของพรรค พปชร.
กระทั่งในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม มีวาระพิจารณาสถานะสมาชิกพรรคของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช
ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเสนอให้พรรคขับนายสามารถพ้นสมาชิกพรรค หลังจากก่อนหน้านี้ทางพรรคได้ให้นายสามารถพ้นจากตำแหน่งรองโฆษกพรรคไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.จะนัดลงดาบเชือดนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช พ้นออกจากพรรค ปรากฏว่านายสามารถกลับชิงยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปก่อน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม โดยที่ไม่ได้แจ้งทางพรรค
ฉะนั้น เมื่อนายสามารถตัดสินใจลาออกไป ทำให้พรรค พปชร.ไม่ต้องใช้มติพรรคขับนายสามารถ
พร้อมกันนี้ ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้กรณีที่มีทนายคนดังรายหนึ่งนำเรื่องมาเปิดเผย พยายามพาดพิงถึงผู้ใหญ่ภายในพรรค พปชร.ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่าผู้ใหญ่ในพรรค พปชร.ไม่ใช่เทวดาดิ ไอคอนอย่างแน่นอน
พล.ต.ท.ปิยะยังเดินหน้าขยี้ประเด็นนี้ต่อด้วยการออกมาแฉ “เทวดา” และ “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเทวดา” โดยบอกใบ้อักษรย่อ ก. ธ. ส. ต. อ. รวมทั้ง “จ่า” ซึ่งทั้ง 6 คนนี้มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่อยู่ในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเกือบทั้งหมด และมี “ส.-ฮ.-ด.” เกี่ยวข้อง จึงเดาไม่ยากว่าเทวดาที่อยู่ข้างหลังเป็นใคร
โฆษก พปชร.ระบุอีกว่า จากประวัติของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เป็นผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร เมื่อปี 2557 และปี 2562 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรียุติธรรมที่ปรากฏเป็นเสียงคนในคลิป เชื่อว่าทุกคนคงรู้ว่าใครเป็นรัฐมนตรีในสมัยนั้น
พร้อมกับทิ้งท้าย “ฝากถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับผู้สอบบัญชีดิ ไอคอนที่รอดจากการถูกตรวจสอบบัญชีจากกรมสรรพากรมาได้อย่างไร และบริษัทใดเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ที่มีความสนิทสนมกับใครในรัฐบาลปัจจุบัน” โฆษก พปชร.ระบุ
แน่นอนว่าการที่พรรค พปชร.ออกมาโยนระเบิดลูกใหญ่ทิ้งบอมม์ใส่พรรคเพื่อไทย (พท.) เช่นนี้ ส่งผลให้บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาตอบโต้ทันที ยืนยันว่าพรรค พท.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดิ ไอคอน และไม่มีเทวดาตามข้อกล่าวอ้าง
โดยเรื่องนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ท้าให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดหลักฐาน ไม่ใช่มาคาดเดา อย่าอยู่กับการคาดเดา เพราะการคาดเดาเมื่อพลาดจะทำให้คนที่ถูกคาดเดาเกิดความเสียหายได้
เช่นเดียวกับนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า “จากนี้จะให้ฝ่ายกฎหมายตั้งคณะกรรมการเพื่อเอาผิดอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นการกล่าวหาพรรคการเมืองว่ามีส่วนร่วม และขอพูดตรงๆ ว่าการกระทำแบบนี้เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่าด้วยนิสัยแบบนี้ เราจึงร่วมงานกันไม่ได้”
การที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำประเด็นคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปมาเปิดเกมทางการเมือง พร้อมกับทิ้งปริศนาอักษรย่อ เชื่อมโยงคนภายในพรรคเพื่อไทยเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมส่งผลให้อุณหภูมิทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดือดขึ้นปรอทแทบแตก
และคงมีสาดโคลนเข้าใส่กันอีกแน่นอน เพราะงานนี้มีผลสะเทือนทางการเมืองสูงยิ่ง!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022