ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์ |
เผยแพร่ |
“ไม่ใช่เราปฏิเสธการเมือง แต่เราไม่ต้องการให้อำนาจการเมืองอำนาจบ้านใหญ่ ผู้มีอิทธิพลบุคคลภายนอกเข้ามา ผมยกตัวอย่าง เมื่อคำสั่งออก ตำรวจต้องเอาพวงมาลัยไปขอบคุณนักการเมือง คนไทยติดอยู่คำเดียวคือ บุญคุณต้องทดแทน เพราะฉะนั้น การให้ความเป็นธรรมมันก็จะหายไป เราต้องให้อิสระกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่การแก้ไขกฎหมายยากที่สุด ผู้มีอำนาจไม่ค่อยยอมคืนอำนาจ” พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร. ที่ปัจจุบันเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายกสมาคมตำรวจ ให้สัมภาษณ์ผ่าน MatiTalk ของมติชนสุดสัปดาห์
ถึง “ปัญหาสำคัญของวงการสีกากี”
: เมื่อสังคมเจอปัญหา แต่ประชาชนไม่ได้นึกถึงตำรวจ แต่กลับนึกถึงกลุ่มทนาย เพจเฟซบุ๊ก รายการดัง รู้สึกอย่างไร
พล.ต.อ.วินัยกล่าวว่า เหตุการณ์นี้มีสาเหตุมาจาก เมื่อเกิดการรัฐประหาร 2557 ได้เกิดการยุบแท่งพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนถือเป็นด่านแรกในการดูแล โดยสถานีตำรวจจะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งป้องกันปราบปราม อีกฝ่ายหนึ่งเมื่อเกิดเหตุแล้วชาวบ้านก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
เมื่อมีการยุบแท่งพนักงานสอบสวน พงส.ไม่ค่อยมีการเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ในขณะที่งานสอบสวนเข้าเวร 8 ชั่วโมงจริง หลังจากออกเวรยังมีงานที่ต้องสะสางหรือทำเอกสารอีกเป็นจำนวนมาก พวกนี้ก็ไปวิ่งเต้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทำให้ขวัญและกำลังใจของพนักงานสอบสวนตกต่ำ พนักงานสอบสวนวิ่งไปอยู่สายงานอื่นที่ไม่ใช่สายงานสอบสวน เพื่อความก้าวหน้าทางวิชาชีพ
เรามีตำแหน่งพนักงานสอบสวนประมาณ 13,000 ตำแหน่ง แต่มีคนทำอยู่จริงประมาณ 8,000-9,000 คน เพราะฉะนั้น เราต้องสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนที่ทำงานด้านสอบสวน ถ้าเขาทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเทแล้วจะได้รับการเจริญก้าวหน้าโดยที่ไม่ต้องไปวิ่งเต้นเป็นหนี้บุญคุณใคร
เมื่อไปแจ้งความที่พนักงานสอบสวนแล้วกระบวนการดำเนินการล่าช้า เป็นเหตุให้พี่น้องประชาชนต้องไปพึ่งบุคคลภายนอก เช่น กัน จอมพลัง สายไหมต้องรอด หรือรายการต่างๆ ซึ่งบุคคลพวกนี้ผมเชื่อว่าเขามีจิตอาสา
แต่ประเด็นคือเมื่อไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนแล้วทำไมพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินการให้ด้วยความรวดเร็ว ขณะนี้ด้วยจำนวนงาน ด้วยคนที่หนีออกจากงานสอบสวน กำลังดำเนินการแก้ไข โดยอย่างแรกพยายามที่จะปรับตำแหน่งพนักงานสอบสวนให้สามารถเติบโตโดยที่ไม่ต้องไปวิ่งเต้น ขออย่างเดียวคือให้มีความมุ่งมั่นเสียสละในการทำงาน ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน
ที่ผ่านมาทำให้เกิดขบวนการซื้อ-ขายตำแหน่ง เกิดความชั่วร้าย คนที่ไม่ทำงานไปรีดไถประชาชน พอมีเงินก็ไปซื้อตำแหน่ง แล้วสิ่งแรกที่ทำก็คือการถอนทุนคืน แต่ในขณะนี้หลังจากที่กฎหมายตำรวจฉบับปีพุทธศักราช 2565 มีผลบังคับใช้ มี ก.ตร.ที่มาจากการเลือกตั้ง ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง
ยกตัวอย่าง การแต่งตั้งปีที่แล้วแทบไม่มีข่าวเรื่องการซื้อ-ขายตำแหน่ง ผมก็ไม่การันตีว่ามันจะ 100% เมื่อไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง กระบวนการต่อไปของการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดีขึ้น คือการคัดเลือกคนดี มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ มีอาวุโสพอสมควรให้มาเป็นหัวหน้าหน่วยงานสำคัญๆ เพราะฉะนั้น ความจำเป็นอย่างยิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องมีคือกระบวนการในการดำเนินการให้เป็นขั้นตอน
จะเห็นว่าในขณะนี้ การคัดเลือกท่าน ผบ.ตร.ปัจจุบัน มาจากอาวุโสอันดับ 1 แล้วก็มีความประพฤติที่ไม่ได้เสียหาย ในเมื่อหัวเราชัดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือระดับผู้บัญชาการตำรวจ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญคือไปควบคุมดูแลในแต่ละภาค เพราะฉะนั้น กระบวนการคัดเลือกบุคคลพวกนี้จะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดีขึ้น
ทางพวกผมเสนอว่าจะต้องมีผู้ช่วยพนักงานสอบสวนขณะเข้าเวรอีก 2-3 นาย เพราะฉะนั้น ภาระตรงนี้ไม่ใช่ภาระพนักงานสอบสวนอย่างเดียว ต้องเป็นภาระของหัวหน้าโรงพัก คือ “ผู้กำกับสถานีตำรวจ” เมื่อมีเหตุแล้วคุณจะต้องใช้สรรพกำลังที่มีเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้บังเกิดผลอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ต้องให้ไปพึ่งกัน จอมพลัง สายไหมต้องรอด
: ประเมินวิกฤตศรัทธาต่อวงการตำรวจดีขึ้น?
ผมคิดว่าความชั่วร้ายหรือวิกฤตศรัทธาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในช่วง 7-8 ปีก่อน ถือว่าตกต่ำสุดแล้ว ตอนนี้มันกำลังตีกลับ คือ การทำความดี การสร้างศรัทธา การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน การทำให้อาชีพข้าราชการตำรวจมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีกำลังกลับมา ต้องใช้เวลาอีกหลายปีที่จะทำให้ฟื้นวิกฤตศรัทธาตรงนี้ได้ ผู้บังคับบัญชาต้องมีคุณธรรม มีจริยธรรม เป็นแบบอย่าง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการสร้างศรัทธาที่บอกว่า “หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก” เราต้องเลือกผู้บังคับบัญชาที่ดี เมื่อผู้บังคับบัญชาดีเขาก็จะไปกวดขันผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีขึ้น และตอนนี้เหมือนได้ตัดเนื้อร้ายออกมาเยอะแล้ว เปรียบเป็นลูกตุ้มตอนนี้เราก็ต้องยอมรับมันเคยแกว่งไปสุดทาง ตอนนี้เริ่มกลับมาดีขึ้นแล้ว
บทบาทขณะนี้ทางสมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวนได้เสนอแก้ไขกฎหมายตำรวจโดยตำรวจเอง 30,000 กว่ารายชื่อ สาระสำคัญคือเราต้องการไม่ให้อำนาจจากภายนอก อำนาจการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจและการแต่งตั้งบุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เราไม่ได้ปฏิเสธการเมือง เรายอมให้ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เลือก ผบ.ตร. แต่หลังจากรอง ผบ.ตร. ลงมาถึงระดับปลายแถวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ ก.ตร. ซึ่งเราเสนอให้มีข้าราชการและที่ไม่ใช่ข้าราชการจำนวนเท่าๆ กันแล้วให้เลือกประธาน ก.ตร.มาจากบุคลากรที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากการเลือกตั้งเพื่อดูแลการแต่งตั้งโยกย้าย
: ฝากการบ้านถึง ผบ.ตร.
สิ่งที่ชาวบ้านอยากเห็นจากสำนักงานแห่งชาติ สิ่งแรกคือ การปราบปรามยาเสพติด ขณะนี้มีการระบาดหนักทำให้ลูกหลาน ญาติพี่น้องติดยาเสพติดกันมาก แล้วถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้มงวดกวดขัน ต้องทุ่มสรรพกำลังเข้าไปจัดการปัญหานี้ให้เด็ดขาด ต้องทำให้น้อยลงให้ได้
ปัญหาที่ 2 ขณะนี้การปราบปรามการพนันออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ถูกหลอกไปเยอะ ปัญหานี้ถ้าเราทุ่มเทสรรพกำลังกันจริงๆ จะทำให้น้อยลงได้
เพราะฉะนั้น 2 ปัญหาใหญ่อยากฝากถึงท่าน ผบ.ตร. ต้องเข้มงวดกวดขันแล้วดำเนินการให้เป็นรูปธรรมให้ชาวบ้านเห็นว่าตำรวจต้องเอาจริงเอาจัง ไม่มีปล่อยปละละเลย
ชมคลิป
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022