ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | โล่เงิน |
เผยแพร่ |
ก่อนจะลงเอย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ บิ๊กต่าย เป็น ผบ.ตร.คนที่ 15 ข่าวเล็ดลอดออกมาหนาหูจากแกนนำฝ่ายการเมืองฟากรัฐบาล ประสงค์อยากจะให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.รอง ผบ.ตร. ขึ้นเป็นเบอร์ 1
ด้วยเหตุผลความไว้วางใจของ “บิ๊กเนม” ในรัฐบาลขณะนี้ที่มีต่อนายพลผู้นี้
พล.ต.ท.ประจวบเป็นคนเมืองแพร่ ชีวิตรับราชการอยู่ใน จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 เป็นส่วนใหญ่ จึงมีความใกล้ชิดจนเกิดเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจผู้มีอำนาจในปัจจุบัน
แต่ด้วยกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ, พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และรัฐธรรมนูญ ทำให้ไม่กล้าเสี่ยงที่จะผลักดันให้ชื่อนี้แหวกกฎหมายขึ้นมาได้
ระหว่างคำพูดของการสัมภาษณ์ จะเห็นถึงคำตอบว่าทำไมฝ่ายการเมืองถึงปรารถนานายพลขึ้นเป็นผู้นำองค์กรก่อนเกษียณอายุในปี 2568
: มีข่าวสะพัดก่อนหน้านี้เคยเป็นตัวเต็ง ผบ.ตร.คนที่ 15 แต่ติดขัดกฎหมาย
ผมไม่ได้ยึดติดอะไร ทำงานอยู่สายปฏิบัติการตลอด คนที่ทำงานสายโรงพักมาทั้งชีวิต ทั้งผู้บังคับการและผู้บัญชาการ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งแล้ว เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ปีที่สาม ที่ผ่านมาต้องขอบคุณผู้บังคับบัญชาที่มอบงานสำคัญให้ทำ หลายด้านเป็นประสบการณ์การทำงาน
ตำรวจเป็นอาชีพผมรัก ภาคภูมิใจ เพราะดูแลประชาชน คนที่คิดถึงเราคือคนที่เดือดร้อน ผมบอกผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอว่าถ้าใครโทร.หาขอให้ช่วยเหลือ อย่าปฏิเสธ ถือว่าได้ร่วมบุญด้วยกัน เพราะถ้าเขาเดือดร้อนจึงคิดถึงเรา เรามีโอกาสได้แบ่งปันความเดือดร้อนไม่มากก็น้อย ถือเป็นบุญกุศลที่ได้ทำ
สิ่งสำคัญเมื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว เขาให้อะไรอย่าไปรับ เพราะถ้ารับความสุขจะหายจากความทรงจำของผู้เดือดร้อนไป ถ้าช่วยเหลือโดยบริสุทธิ์ใจไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ เป็นความสุขที่อยู่ในใจเขาตลอดไป
นี่คืออาชีพเรา ซึ่งผมทำมาอย่างนี้ตลอดทั้งชีวิต
: เป็นอานิสงส์รับราชการภาคเหนือทำให้ใกล้ชิดบิ๊กเนมการเมือง จึงเป็นที่มาข่าวตัวเต็งหรือไม่
เป็นเรื่องคาดกันเอาเอง จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอย่างงั้น โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติปี 2565 ระบุไว้ชัดเจน เพราะฉะนั้น กระแสข่าวที่ออกไป ผมจะเก็บตัวและนิ่งเงียบตลอด เพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ คนเขียนข่าวก็เขียนโน่นนี่กันไป แต่ผมไม่อยากให้สังคมเข้าใจอะไรที่ไม่ถูกต้อง ไปพาดพิงถึงบุคคลอื่นทำให้ท่านเสียหาย
ความจริงแล้วไม่มีอะไรเลย เป็นขั้นตอนตามกระบวนของกฎหมาย ผมเองไม่ได้อยู่ในฐานะคู่แข่งใดๆ ทั้งสิ้นด้วยซ้ำไป
ผมไม่ใช่แคนดิเดตทั้ง ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. และเราคุยกันตลอด เป็นพี่น้องกัน เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจด้วยกัน มีความมุ่งหมายเดียวกันที่จะทำอย่างไรให้ภาพลักษณ์องค์กรเป็นที่ยอมรับของประชาชนต้องช่วยกัน แต่สื่อโซเชียลไปเขียนกันเอาเอง ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น
จะสังเกตเห็นวันที่ประชุม ก.ตร. เมื่อ 7 ตุลาคม มีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ใช้เวลาไม่นาน เราพี่น้องสี่คนนั่งคุยกันไม่มีอะไรต่อกัน
: ปกติถ้าเป็นไปได้ฝ่ายการเมืองเลือกเบอร์ 1 จากความไว้วางใจส่วนหนึ่ง
นายกรัฐมนตรีเป็นผู้คัดเลือก ได้พิจารณาอย่างดี
อีกทั้ง ผบ.ตร.มีความเหมาะสม เป็นคนดีและสามารถนำองค์กรได้เป็นอย่างดี ให้เป็นที่ยอมรับของตำรวจและน่าเชื่อถือของประชาชนได้
ผมได้ทำงานร่วมกันมานานกับ ผบ.ตร.
ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนพร้อมสนับสนุนให้ท่านได้ทำงานเพื่อให้องค์กรตำรวจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ตามที่บรรพบุรุษของเราได้เคยทำไว้
: มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีคอลัมนิสต์หลายคนเชียร์
ไม่ได้สนิทกับใคร ผมเป็นตำรวจภูธร เพิ่งอยู่กรุงเทพฯ ได้ 2-3 ปี ทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เวลาสื่อมวลชนจะถามเรื่องอะไรก็ให้ข้อมูล สังคมจะได้เข้าใจไม่เกิดความคลาดเคลื่อน มีอะไรสอบถามผมก็พูดคุยทุกเรื่อง โทรศัพท์รับทุกเบอร์ ชีวิตจริงผมเป็นอย่างนี้ ผมเคยทำงานโรงพัก ถ้าไม่มีสื่อมวลชนทำงานลำบาก แต่ถ้าทำงานประสานกันใกล้ชิดเป็นผลดีต่อองค์กรและประชาชน
เวลาทำงานส่วนใหญ่อยู่กับประชาชนตลอด มีความผูกพัน กัลยาณมิตรมีหลากหลาย ตั้งแต่ธรรมดาจนถึงคนมีหน้าตาทางสังคม ไม่ใช่เฉพาะคนไทย ต่างชาติก็มี ทุกปีจะมีกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เช่น ให้ทุนการศึกษา ทะนุบำรุงพุทธศาสนา สร้างบ้านพักให้คนด้อยโอกาส หรืออะไรที่เป็นความเดือดร้อนประชาชน ก็จะช่วยกัน
อย่างปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลดารารัศมี ขยายจาก 30 เตียงเป็น 100 เตียง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประสานมาอยากได้เครื่องมือทางการแพทย์ ได้บอกกัลยาณมิตรไปช่วยกันทอดผ้าป่าก็ได้เงินมาพอสมควร
: มีคนยกย่องว่าอยู่ชมรมคนรักครอบครัว
ครอบครัวสำคัญ ถ้าไม่มีครอบครัวที่ดีก็ทำงานไม่มีความสุข ผมโชคดีมีครอบครัวที่ดี มีภรรยาและลูกที่ดี มีลูกชายสี่คน คนโตอายุ 30 คนเล็ก 20 กว่า แต่เราก็ยังเล่นกันเป็นเด็กๆ ยังกอด ยังหอมแก้มกันได้ มีความผูกพันกัน เป็นความสุขของครอบครัวทำให้ไม่กังวลในการทำงาน ภรรยาเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ดูแลเรื่องการศึกษาลูก
ปกติจะไม่ค่อยมีเวลา แต่ทุกครั้งที่มีเวลาก็ให้ครอบครัว ทุกคนเข้าใจว่าอาชีพตำรวจไม่เหมือนอาชีพอื่น ตอนลูกยังเล็กไม่เข้าใจ แต่ภรรยาเข้าใจ แต่พอเข้าสู่มัธยมก็เข้าใจ ยิ่งปัจจุบันยิ่งเข้าใจมากขึ้นว่า การที่จะอยู่กับสังคมได้ และประสบความสำเร็จต้องมีพรรคพวก มีเครือข่าย มีคอนเน็กชั่น สังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์ ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ไม่สามารถอยู่ลำพังได้
ได้บอกลูกว่าพ่อแม่รับราชการไม่มีสมบัติให้นอกจากการศึกษา ได้สนับสนุนเต็มที่ และไม่ได้บอกว่าลูกต้องเป็นอะไร แล้วแต่ความสุขของลูก
หลังเกษียณจะกลับไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่ เพราะอยู่ที่นั่นมานานมีสังคม มีกัลยาณมิตร จึงมีความสุข
ชีวิตราชการ 38 ปี ส่วนใหญ่อยู่เชียงใหม่ เคยอยู่ลำพูน 2 เดือน พะเยา 8 เดือน พิษณุโลกปีนิดๆ ที่เหลือเชียงใหม่
เคยขอผู้บังคับบัญชาว่าอยากไปหาประสบการณ์ตามแนวชายแดน แต่ไม่ให้ไป อย่างที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อยู่ตั้งแต่เป็นรอง สว.-ผกก.
เวลามีปฏิวัติทุกครั้งโดนย้ายทุกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้อิงแอบฝ่ายไหน หาความบกพร่องผมแต่ไม่มี พอโยกย้ายไปความจริงก็ปรากฏ
อย่างปฏิวัติปี 2549 เป็น ผกก.ภูพิงคราชนิเวศน์ ถูกย้ายไปลำพูน ทุกคนแปลกใจว่าผิดอะไร ผ่านไป 3 เดือนย้ายกลับเป็น ผกก.เมืองเชียงใหม่
ตอนเป็น ผกก.ภูพิงคราชนิเวศน์ ต้องรับผิดชอบสนามบิน ไปรับทุกครั้งที่ท่านนายกฯ ไปเชียงใหม่ ต้องไปทำหน้าที่ ผู้บังคับบัญชาทุกท่านไป ผู้ว่าฯ ก็ไป แล้ว ผกก.จะไม่ไปหรือ พอความจริงปรากฏได้คืนความชอบธรรม
หลักการทำงานยึดพระบรมราโชวาทในหลวงรัชกาลที่ 10 “ถ้าหากภาพรวม สวยงาม ถูกต้อง เหมาะควร ทุกคนทุกหมู่เหล่า จะได้รับความสุขกาย สบายใจ อย่างถาวร ในระยะยาว”
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022