ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | เรื่องสั้น |
เผยแพร่ |
ลำเพาลุยไฟ | มณฑ์สุรัศมิ์ เมืองภักดี
ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด 2024
ฤดูยางผลัดใบกำลังเริ่ม ใบยางสีเหลืองปนน้ำตาล ปลิดปลิวร่วงคว้างลงสู่พื้นยามลมกระโชก ต้นยางส่งสัญญาณพัก น้ำยางแห้งหาย ชาวสวนยางต้องหยุดกรีด รอฝนแรก ใบใหม่ผลิเต็มสีออกเขียวแก่ จึงจะเข้าฤดูที่จะกรีดเอาน้ำยางออกจากต้นได้อีกครั้ง แต่สำหรับลำเพา เมียวัยสามสิบของขจร แม้จะเป็นฤดูหยุดกรีดยางแล้วเธอก็ยังไม่ได้พัก ทำงานบ้านแล้วต้องลงนาเกี่ยวข้าวที่กำลังสุกเหลืองบนที่นาประมาณสองไร่
“อย่ารอให้ถึงเดือนสาม” คนเฒ่าคนแก่ว่าไว้ “แดดเดือนสามมันร้อนนัก ร้อนหัวติแตก รวงข้าวจะสุกงอมเกินไป เกี่ยวมาก็ได้ครึ่งเสียครึ่ง บ้านไหนปล่อยข้าวในนาให้สุกถึงเดือนสามแสดงว่าลูกสาวบ้านนั้นขี้เกียจ”
นัยยะสำคัญที่ส่งผ่าน หยั่งรากฝังลึกลงในจิตวิญญาณของลูกผู้หญิง ลูกสาวของบ้าน
“เกิดเป็นลูกผู้หญิง ต้องเก่งงาน อย่านอนสันหลังยาว ผู้หญิงขี้เกียจ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” แม่สอนลำเพา “ผู้หญิงน่ะ หากเป็นสาวนานไม่มีผู้ชายมาสู่ขอ มันน่าอาย แต่บ้านไหนที่ลูกสาวหนีตามผู้ชายยิ่งน่าอายกว่า เท่ากับว่าคนเป็นลูกได้ทำลายเกียรติศักดิ์ศรีของพ่อแม่ครอบครัวให้ย่อยยับไปกับมือเลยนะนั่น”
ขจรส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอลำเพาตั้งแต่เธออายุสิบเก้า หลังจากเมียคนแรกป่วยตายได้ไม่ถึงสองปี เขาแหวกวงล้อมทุกคู่แข่งที่มาติดพันลำเพา เสนอสินสอดทองหมั้นบ้านพร้อมที่ดินนาไร่จนพ่อแม่ฝ่ายหญิงวางใจว่าลูกสาวตนจะได้อยู่สุขสบายไปจนตาย ลำเพาสวย หน้าตารูปร่างเป็นที่ใฝ่ฝันของหนุ่มๆ ละแวกนั้น หลายคนเมียงมองหลงใหล บางครั้งก็เขม่นชกต่อยกันโดยที่ตัวเธอเองไม่รู้เรื่องด้วย เกิดเรื่องซ้ำๆ จนนายใช้ผู้เป็นพ่อของลำเพาเกิดความเครียด “อั๊วบอกแต่แรกแล้ว ลื้อไม่ควรมีลูกสาว” วันหนึ่ง เขาเรียกเมียมาคุย “เนี่ยทุกวันลื้อดูเอา พวกผู้ชายมาตอมอียังกะแมลงวันตอมขี้” เมียเขาอึ้งไป สำหรับนางแล้ว การมีลูกสาวสวยคือความภาคภูมิใจ แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดอยู่ทุกวัน ทำให้นางก็เข้าใจในความกังวลของคนเป็นพ่อ “มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้านอย่างที่เขาว่าจริงๆ”
นางก็รู้คำเปรียบเปรยนี้มาจากคนเฒ่าคนแก่ สามีนางพูดไทยไม่ชัดนัก แต่สุ้มเสียงที่บ่นด้วยความหงุดหงิดนั้นทำให้ยิ่งย้ำความรู้สึกผิดเพิ่มลงไปในใจนางนับแต่วันที่เขาอยากได้ลูกชายคนที่สอง แต่นางกลับคลอดลูกสาวออกมา “สักวันอีจะโดนดักฉุด หรือไม่อีอาจจะเกิดไปชอบพวกกุ๊ยๆ แล้วหอบผ้าหนีตามกันไปเมื่อไหร่ อั๊วคงขายหน้าชิกหาย อั๊วบอกลื้อเลยนา ถ้าตอนนี้ใครมาขออีแต่งงาน เอาแค่พออยู่กันล่าย อั๊วจะยกอีให้ไปเลย” พอเขาพูดจบ นางก็พยักหน้ารับ เห็นด้วยกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ นางคิดและสอนลูกสาวเสมอว่าผู้ชายเขาฉลาดและมองการณ์ไกลกว่าผู้หญิง ดังนั้น เมื่อความลงตัวเกิดขึ้น คือวันที่นายขจรซึ่งฐานะมั่นคงพอสมควร แม้จะเป็นพ่อม่ายเมียตาย แม้อายุจะมากกว่าลำเพาร่วมสามสิบปี นายใช้ก็ไม่รีรอที่จะยกลูกสาวให้
แต่สิ่งที่ขจรไม่ล่วงรู้เลย คือสมเกียรติลูกชายของเขาที่เกิดกับเมียคนแรกก็หลงรักลำเพา
นับแต่ลำเพาแต่งงาน ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน สมเกียรติก็ออกอาการประชดประชันพ่อ บางครั้งก็ลามเลยมาถึงลำเพา พ่อเขานั้นดูออกสุดรักสุดหวงเมียเด็ก เอาอกเอาใจประคบประหงม ยิ่งบาดหูบาดตาลูกชายนัก สมเกียรติเที่ยวเตร่เมาหัวราน้ำกลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง งานการไม่หยิบไม่จับ คนเป็นพ่อได้แต่อิดหนาระอาใจ วันที่เลวร้ายที่สุด ขจรออกไปทำงานในสวนตั้งแต่เช้า ลำเพากำลังคุกเข่าถูพื้นบ้านด้วยวิธีคลานถอยหลัง ไม่รู้ตัวว่าสมเกียรติกลับเข้ามาในบ้านและกำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาประหลาด
กระทั่งเขาโถมร่างเข้าหาเธอจากด้านหลัง กอดรัดกระชากเสื้อผ้าแม่เลี้ยงสาวหลุดลุ่ย กลิ่นเหล้าโชยคลุ้ง ลำเพาร้องกรี๊ดซ้ำๆ จนขจรได้ยิน เขาวิ่งมากระชากร่างลูกเหวี่ยงออกไปอย่างแรง แล้วรีบดึงเมียที่ตัวสั่นเทามากอดไว้อย่างหวงแหน “มึงออกไปไอ้ลูกไม่รักดี” เขาชี้หน้าลูกชาย “นี่ถ้าวิญญาณแม่มึงรับรู้ว่ามึงทำเรื่องเลวแบบนี้ เขาจะเสียใจแค่ไหน”
“ห่วงความรู้สึกแม่ด้วยหรือพ่อ เฮอะ” สมเกียรติแสยะยิ้ม เซซังลุกขึ้นยืนพิงฝา “ห่วงแล้วทำไมพ่อต้องเอาเมียใหม่ หะ ตอบหน่อยพ่อ ตอบมา”
ขจรหน้าแดง นิ่งอึ้ง สมเกียรติทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วเดินหนี ปล่อยให้พ่อมองตามด้วยความไม่สบายใจ หลังจากวันนั้น ขจรใช้วลาใคร่ครวญอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจปลูกบ้านหลังเล็กให้ลูกชายอีกหลังในบริเวณเดียวกัน ส่วนเรื่องเงินทอง เขาคิดง่ายๆ ว่าอยากรักษาหัวใจลูก จึงให้เงินสำรองไว้ใช้จ่ายก้อนเล็ก บอกลูกว่า จะให้เงินลูกทุกเดือน ถ้าอยากได้อะไรที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ขอให้มาบอกพ่อ… สมเกียรติยามไม่เมาจะเคร่งขรึมนิ่งเงียบ เขาไม่พูดอะไรกับพ่อ เดินเข้าบ้านตัวเองไป ไม่นานก็บิดมอเตอร์ไซค์คันเก่งออกไปจากบ้าน กลับมาก็ดึกดื่นในสภาพเมากลิ้งเมาเกลือก นอนให้ยุงตอมอยู่นอกบ้านอย่างน่าเวทนา ตื่นเช้าพ่อมาเรียกให้ตื่น เขาจึงคลานเข้าบ้านไปหลับเงียบ ตื่นขึ้นมาก็ตอนบ่ายแล้ว พออาบน้ำก็บิดมอเตอร์ไซค์ออกไปอีก
ไม่สนใจข้าวปลาที่พ่อเอามาวางไว้บนโต๊ะ
ลําเพาเก็บงำความทุกข์ใจอันเนื่องจากความไม่ลงรอยกันของพ่อลูกไว้ในอก เธอคิดถึงแม่ อยากปรับทุกข์ขอความเห็นว่าควรทำตัวอย่างไรก่อนที่พ่อลูกจะขัดเคืองใจกันเพราะเธอเป็นต้นเหตุไปมากกว่านี้ วันนั้น หลังจากฟังความที่ลูกสาวเล่าจบลง แม่เธอก็แนะนำว่าให้ขจรหาเมียให้ลูกชายสักคนเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ปัญหาต่างๆ จะจบลง สมเกียรติจะเอาการเอางานมากขึ้น ลำเพาลังเลไม่มั่นใจ แล้วแม่ก็รำคาญตัดบท ไล่เธอให้กลับบ้านไปหาขจร บอกว่าแม่จะต้องรีบไปวัดเพราะนัดหลวงพ่อไว้เรื่องบวชของลูกชาย ลำเพาเดินออกจากบ้านแม่มาเงียบๆ ในใจรู้สึกวังเวงเหมือนครั้งที่อยู่ในปกครองของพ่อแม่ พ่อกับแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายก่อนเสมอ ปัญหาของเธอจะเล็กน้อยไปทันทีเมื่อมีเรื่องพี่ชายของเธอเข้ามาให้สะสาง เธอไม่ได้เรียนหนังสือต่อหลังจากจบชั้นประถม ส่วนพี่ชายเธอกลับถูกส่งตัวเข้าเรียนต่อในตัวเมือง “เป็นผู้หญิงไม่ต้องเรียนสูง เรียนไปก็แค่นั้น เดี๋ยวก็มีผัวมีลูก เลี้ยงลูกรับใช้ผัวให้ดี ความสำคัญของผู้หญิงมีอยู่แค่นี้แหละ” นี่คือคำตัดสินจากพ่อแม่ คราวนั้น ลำเพาจำได้ว่า เธอนั่งตาละห้อยเมื่อเห็นพ่อกับแม่ตระเตรียมชื้อชุดนักเรียนใหม่พร้อมตำราเรียนใหม่ให้พี่ชาย “พวกผู้ชายเขาสูงส่งกว่าเรา” แม่ปลูกฝังความคิดยอมจำนนแบบไม่มีเงื่อนไขให้เธอ “เขามีบุญวาสนาที่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย เขาปกป้องผู้หญิงได้ เราต้องพึ่งเขาวันยังค่ำ ที่สำคัญผู้ชายยังบวชได้ อุทิศบุญกุศลให้พ่อแม่ได้ทั้งโลกนี้โลกหน้า”
โลกของเธอถูกล้อมไว้ด้วยกรอบความคิดของพ่อกับแม่ รวมไปถึงกรอบความคิดของชุมชนที่สยบยอมให้พวกผู้ชายเป็นใหญ่ เมื่อยอมรับว่าผู้ชายสูงส่งก็เท่ากับว่าแม่ยอมรับว่าตัวเองต่ำต้อย เท่าที่เธอจำได้ชัดเจนมาตั้งแต่เด็กก็เวลาซักผ้า ที่แม่จะไม่ยอมเอากระโปรง กางเกงหรือผ้านุ่งของตนเองไปซักรวมในกะละมังเดียวกับเสื้อผ้าของผู้ชายในบ้าน
คืนนั้น ลำเพารอจนถึงเวลาเข้านอน จะคุยเรื่องสมเกียรติกับขจรเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมตามที่ได้ปรึกษามากับแม่ “เถ้าแก่หลี่เขาชวนไปลงทุนทำบ่อกุ้ง พี่ตกลงโอเคแล้ว เรากำลังจะรวยแล้วนะลำเพา” ขจรว่าในขณะที่ลูบไล้ตัวเธอในความมืด “เราจะมีลูกกันซักสองสามคน ส่งให้มันเรียนสูงๆ” ขจรพลิกร่างขึ้นมาคร่อมบนตัวเธอ “พี่จร…” ลำเพาไม่โอนอ่อนผ่อนตามเหมือนเคย “เรื่องเกียรติ…ฉันกลุ้มใจไปปรึกษาแม่มา แม่บอกว่า ให้พี่หาเมียให้เขาสักคน ทุกอย่างจะหมดปัญหา” “แม่ว่างั้นรึ” ขจรหัวเราะเบาๆ แล้วซุกไซ้ดื่มกินกำซาบความหวานละมุนจากเรือนร่างของเธอ
ลำเพาบิดตัว รู้สึกเหมือนล่องลอยกระเจิดกระเจิงอยู่ในม่านหมอกหนา เร่าร้อนระทึกโยกโยนเหมือนอยู่กลางพายุที่บางครั้งกระหน่ำรุนแรงเหมือนร่างถูกโยนขึ้นสูงกลางอากาศแล้วร่วงคว้างดำดิ่งลงสู่ห้วงลึกของมหาสมุทรจนแทบจะร้องกรี๊ดออกมา
ลําเพาใช้ชีวิตคู่กับขจรมาสิบกว่าปี กาลเวลาพิสูจน์ว่าเธอไม่สามารถมีลูกให้ขจรได้ตามที่เขาต้องการ ขจรล่วงเข้าวัยชรา เจ็บป่วย ฐานะการเงินแปรเปลี่ยน เขายากจนลงกว่าเก่ามาก เพราะผิดพลาดไม่ถนัดทำธุรกิจที่ถูกชักนำให้เอาเงินไปลงทุน ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขจรขายทรัพย์สินที่มีเกือบทั้งหมดเพื่อใช้หนี้ เหลือเพียงบ้าน 1 หลัง และที่นากับสวนยางอย่างละแปลงไว้ทำกิน รายได้ต่อวันเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของลำเพา เธอตื่นแต่ดึกไปกรีดยาง แล้วกลับมาดูแลเขาที่แข้งขาอ่อนแรงด้วยโรคพาร์กินสัน ทำงานบ้านหาข้าวปลาให้สามี แล้วยังต้องเตรียมอาหารเผื่อสมเกียรติลูกชายขี้เมาของเขาอีก
ในวัยเพียงสามสิบ เธอยังปราดเปรียว แข็งแรงพอที่จะทำงานใช้แรงงานให้ลุล่วงได้ทุกวัน ครั้นถึงเวลานอนเธอจึงหลับเป็นตายโดยไม่ค่อยได้สังเกตอาการของผัว
ขจรเปลี่ยนไปมาก เชื่องช้าลงด้วยโรคประจำตัว และอาจจะเป็นเพราะภาระหนี้สินที่เขาต้องรบราหนักหน่วงและสูญเสียในช่วงสิบปีที่ผ่านมาทำให้เขาเครียดวิตกกังวลและกลายเป็นซึมเศร้า บางครั้งหนักหนาจนอยากฆ่าตัวตาย เมียสาวของเขา รูปร่างยังอวบอัดครัดเคร่งโค้งเว้า เธอยังสวยสะดุดตาแม้จะต้องทำงานหนักในไร่นา
ลำเพาหลับไปนานแล้ว แต่ขจรนอนไม่หลับ ยอมรับถึงความหึงหวงที่จู่โจม ความเจ็บป่วยทำให้รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเมียมากนัก กลัวไปหมด กลัวเธอจะไปรู้จักกับใคร กลัวใครจะมาชอบเธอ
เขารู้สึกได้ ตั้งแต่เจ็บป่วย ความรู้สึกทางเพศของเขาลดลง ลืมนึกไปว่าเธอยังสาวมีเลือดเนื้อ มีความต้องการ พอคิดได้ เขาก็พยายามร่วมรักกับเธอ เธอก็ตอบรับ มีเพียงเขาที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วง ใช้เวลาอยู่บนเรือนร่างเธอเป็นนานสองนานก็ไม่ได้ผล จนเธอต้องกระซิบบอกว่ารู้สึกเจ็บแสบในส่วนเร้นลับของร่างกายจากปฏิบัติการของเขา ครั้งนั้น เขาผละจากร่างเธอ รู้สึกละอายใจ นึกสงสารเธอและตำหนิตัวเอง สำหรับเขาแล้ว เธอเหมือนของขวัญชีวิตที่สวรรค์ประทานให้หลังจากความตายมาพรากเมียคนแรกไปและทิ้งลูกไม่เอาไหนไว้
วันไปรับยาจากการตรวจครั้งสุดท้าย เขาหมายมาดเมื่อหมอบอกว่ายารักษาพาร์กินสันบางชนิดจะทำให้มีอาการข้างเคียงกระตุ้นความรู้สึกทางเพศได้เมื่อคนไข้กินไปสักระยะหนึ่ง
“แต่หมอไม่สนับสนุนให้คุณใช้มันด้วยวัตถุประสงค์นั้น” หมอหนุ่มกล่าวกับเขา ” คุณลองสังเกตตัวเองดู ถ้ามันผิดปกติก็ให้หยุดยาแล้วกลับมาหาหมอ”
ในความมืด เธอหลับสนิทหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ร่างกายต้องการพักผ่อนเพื่อผจญงานหนักในวันรุ่งขี้น ขจรพลิกตัวหันหลังให้เธอ พยายามสะกดตัวเองสักพัก แต่ข่มตาหลับไม่ลง พลิกตัวกลับมากอดเธอไว้อีก ยิ่งสัมผัส ความต้องการภายในยิ่งพลุ่งพล่าน เขาเริ่มซุกไซ้ ประกบจูบริมฝีปากหนักหน่วง เธอตื่นแล้ว งัวเงีย แต่โอนอ่อนผ่อนตามเหมือนเคย
เขารุกหนักขึ้น รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเพราะเชื่อมั่นในตัวเองหลังจากกินยามาแล้วระยะหนึ่ง บอกกับตัวเองว่าคราวนี้เธอจะไม่เจ็บตัวฟรี เขาต้องทำให้เธอมีความสุขให้ได้ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองใช้เวลาไปนานเท่าไหร่ ไม่สนใจเสียงกระซิบบอกถึงความเจ็บปวดซ้ำๆ ของเธอ
ดั่งมีเงาดำของปีศาจมาสิงสู่ให้ความอ่อนโยนนุ่มนวลที่เคยมีต่อเมียรักหายไป มีแต่จินตนาการเลวร้ายว่าหากปลุกอารมณ์เธอแล้วไม่สามารถปลดเปลื้องไปต่อให้สำเร็จลุล่วงได้ อาจทำให้เธอระบายออกด้วยการคบชู้ จินตนาการกับความต้องการเป็นเงื่อนไขที่ลงตัวเหมือนสายน้ำสองสายถั่งท้นรุนแรงหาทางออกอยู่ในพื้นที่อันจำกัด ดังสารเคมีบางอย่างในตัวเดือดพล่านในองศาร้อนแรง สัมผัสเคยอ่อนโยนกลายเป็นหยาบกระด้าง มือสากๆ คว้าจับบีบเค้นสนองอารมณ์ตัวลงไปบนทุกส่วนของผู้หญิงหัวอ่อนคนหนึ่งที่มีหน้าที่รองรับความใคร่ตามแต่ใจเขาปรารถนา กระทั่งการกัดขย้ำลงบนโนมเนื้อของเธอโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บอย่างไร
เสียงร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บปวดของเธอขณะทุกข์ทรมานนั้น เหมือนจะยิ่งปลุกเร้าทุกเซลล์ในร่างกายเขาให้ตื่นเพริดเตลิด เป็นอัศวินกระหน่ำควบม้าตัวโปรดเข้าเส้นชัยในที่สุด
มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อทุกอย่างจบลง เธอร้องไห้ดังๆ อย่างสุดกลั้น มันไม่ใช่ความสุขสำหรับเธอ มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกเหมือนผู้พิชิตในขณะที่เธอกลับรู้สึกเหมือนถูกลงโทษ เขาเช็ดน้ำตาให้เธอ ปากพร่ำขอโทษ
“พี่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยาที่หมอให้กินหรือเพราะตัวพี่เอง สัญญานะเพา พี่จะไม่กินยาตัวนั้นของหมออีกแล้ว เพาจะไม่เจ็บตัวเพราะพี่อีก”
ขจรคิดว่าตัวเองมีอาการเซ็กซ์ซาดิสต์ ครุ่นคิดซึมเศร้าอยู่ตามลำพัง ดื้อรั้นกับลำเพาไม่ยอมกลับไปหาหมอ มิไยเธอจะเกลี้ยกล่อมว่าอาจไม่ใช่เพราะฤทธิ์ยาก็เป็นได้ อาการของเขานับวันจะแย่ลง เซื่องซึม ลิ้นแข็งคับปากเพิ่มมากขึ้น จนบางวันแทบพูดไม่เป็นคำ สื่อสารกับใครเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง ยกเว้นกับลำเพา
คํ่าวันนั้น ลำเพาอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำ เธอตกใจเมื่อเห็นสมเกียรติยืนขวางอยู่ เธอวิ่งกลับเข้าห้องน้ำด้วยสัญชาตญาณระวังภัย รีบปิดประตู แต่สมเกียรติถลันร่างเข้ามาขวางประตูไว้แล้วกระชากผ้าเช็ดตัวของเธอออก ปล้ำกอดซุกไซ้เธอพัลวัน “ไม่ต้องมาทำแกล้งขัดขืนหรอกนะเพา” สมเกียรติพล่ามออกมาด้วยความเมา “ฉันได้ยินเธอร้องครวญครางบ่อยๆ พ่อฉันแก่แล้วไม่สะใจหรอก อย่างเธอ มันต้องฉันนี่”
ลำเพาตะโกนขอความช่วยเหลือจากขจร แต่สมเกียรติเอามือหยาบหนามาปิดปากเธอไว้ พยายามระบายทุกสิ่งลงบนร่างผู้หญิงที่ตนเองหลงรักมาทั้งชีวิต ลำเพาพยายามดิ้นรนสู้ตาย เธอได้ยินเสียงลากไม้เท้ากึกกักมาจากด้านนอก เห็นขจรโงนเงนเปลือยท่อนบน ท่อนล่างนุ่งกางเกงแพรตัวเดียว เขาลากขาเข้ามาถึงประตูห้องน้ำ ยกเท้าข้างหนึ่งก้าวเข้ามาเพื่อประชิดตัวสมเกียรติ ก่อนที่เขาจะคะมำเสียหลักล้มลงศีรษะฟาดกับขอบปูนของอ่างอาบน้ำเสียงดังโพละ เลือดจากศีรษะไหลนองพื้น
ขจรสิ้นใจแล้ว ลำเพากอดเขาไว้ สมเกียรติตะลึงสร่างเมา เขาทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ พอคิดได้ก็วิ่งไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน บอกว่าเขาได้ยินเสียงกรีดร้องของลำเพาจึงวิ่งขึ้นมาดู พ่อเปลือยกายอยู่กับแม่เลี้ยงในห้องน้ำในสภาพที่พ่อของเขามีเลือดออกจากศีรษะไม่หยุด ลำเพานั้นช็อกร่างเกร็ง ไม่สามารถให้ปากคำอะไรได้เลย
ในงานศพของขจร ญาติๆ มาช่วยกันจัดงาน ลำเพาซึมเศร้า บางครั้งร้องไห้ บางครั้งก็ป้ำเป๋อเหม่อลอย บางทีก็ได้สติ บางทีร้องกรี๊ดขึ้นมาเสียเฉยๆ
คนในงานโจษจันเมื่อฟังจากปากสมเกียรติอยู่ข้างเดียว พวกเขาสรุปว่า ลำเพายังสาว น่าจะมีความต้องการทางเพศสูง ชวนผัวแก่ป่วยพิการมาเริงรักกันในห้องน้ำแล้วทำให้ผัวช็อก ล้มฟาดเสียชีวิต
วันเผาศพ พอใกล้พิธีเผาจริง สัปเหร่อเปิดโลงเพื่อล้างหน้าศพด้วยน้ำมะพร้าวตามพิธีโบราณ อยู่ๆ ลำเพาก็กรีดร้องวิ่งขึ้นไปบนเมรุ ญาติๆ ต้องช่วยกันตะครุบตัวไว้แล้วลากลงมา ลำเพายังร้องกรี๊ดไม่หยุด ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นญาติของสมเกียรติ รู้สึกไม่ชอบหน้าเธออยู่แล้ว จึงตบฉาดลงบนใบหน้าเธออย่างแรง ลำเพาปาดน้ำตาพร่าพรายออก งงไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปสบตากับผู้หญิงคนนั้นซึ่งมองตอบเธอมาอย่างดุดัน
เกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด ลำเพาผู้อ่อนแอกยกเท้าถีบผู้หญิงคนนั้นตกลงไปจากเมรุ ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นจึงจิกกระชากผมลำเพา ทำท่าจะเหวี่ยงเธอให้ตกจากเมรุตามแม่ตัวเองลงไป พลันสมเกียรติก็กางแขนรับร่างลำเพาเอาไว้
“ห้ามทำอะไรลำเพา!” สมเกียรติตวาดลั่น “มันบ้าไปแล้ว จะไปรังแกอะไรมันอีก”
ลำเพาอยู่ในอ้อมแขนของสมเกียรติ พอตั้งหลักได้เธอก็สะบัดตัวออก “ไอ้เกียรติ!” เธอแผดเสียง “ไอ้คนเลว กูเกลียดมึง” เธอถลาลงจากเมรุ วิ่งเตลิดไป สมเกียรติวิ่งตามไปติดๆ ท่ามกลางความตกตะลึงของคนในงาน
ลำเพาวิ่งผ่านสวนยางเข้าไปในป่าที่มีคนแอบเผาเพื่อทำไร่เลื่อนลอย วิ่งกระเซอะกระเซิงวนเวียนอย่างน่าสงสารอยู่ในกลุ่มม่านควันหนาทึบหาทางออกไม่เจอ ก่อนหายเข้าไปในป่าลึก
เมื่อสมเกียรติวิ่งตามมาถึง พอเห็นเปลวไฟ เขาถึงกับเข่าทรุด ได้แต่ตะโกนเรียกชื่อเธอ แต่ได้ยินแค่เสียงตัวเองสะท้อนกลับมาจากภูเขา •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022