พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ | บรรยากาศการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ใน Harvard Square

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
(Photo by KAMIL KRZACZYNSKI / AFP)

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและมีความหมายอย่างยิ่งในสังคมอเมริกัน

การเลือกตั้งปี 2024 ซึ่งกำลังจะมาถึง เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังของประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชนไม่ว่าจากภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคการศึกษา

ที่ Harvard Square หนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของความคิดและนวัตกรรม การเลือกตั้งครั้งนี้ได้สร้างบรรยากาศที่คึกคักและตื่นตัวอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่นักศึกษาและอาจารย์ที่มีส่วนร่วมผ่านโครงการต่างๆ เช่น Harvard Votes Challenge และการสนับสนุนจากแบรนด์ต่างๆ ภาคเอกชนที่นอกจากจะค้าขายแล้วยังกระตุ้นคนให้ออกมาสนใจให้เลือกตั้งกันแบบที่ผมไม่ค่อยเห็นที่ไทย ทั้งในแคมปัส ทั้งตามร้านค้า พร้อมภาพประกอบครับ

ส่วนที่ 1 : ความตื่นตัวของมหาวิทยาลัยและนักเรียนผ่าน “Harvard Votes Challenge”

ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด การมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง Harvard Votes Challenge (HVC) เป็นโครงการหลักที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนให้นักศึกษา คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งมากขึ้น

เป้าหมายของโครงการนี้คือการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตยอย่างกว้างขวางที่สุด และหวังว่าผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนจะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่

หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ HVC ใช้ในการรณรงค์นี้คือ toolkit ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับนักเรียน คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ เพื่อให้คำแนะนำและทรัพยากรที่ชัดเจนในการสนับสนุนการลงทะเบียนเลือกตั้งและการเข้าร่วมการเลือกตั้งจริงๆ

โดยชุดเครื่องมือนี้ประกอบไปด้วยคำแนะนำเกี่ยวกับการเช็กสถานะการลงทะเบียนเลือกตั้ง การสมัครเป็นผู้ช่วยการเลือกตั้ง (poll worker) และการสนับสนุนให้เพื่อนและครอบครัวทำแผนการลงคะแนน นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการสร้างปฏิสัมพันธ์ผ่านการใช้โซเชียลมีเดีย การจัดกิจกรรมพิเศษในวันลงทะเบียนเลือกตั้ง และการเพิ่มข้อความเกี่ยวกับการเลือกตั้งในลายเซ็นอีเมลของนักศึกษา

การที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมนี้สะท้อนถึงการตระหนักถึงความสำคัญของประชาธิปไตย และบทบาทของสถาบันการศึกษาในการสร้างสรรค์สังคมที่มีความตื่นตัวทางการเมือง Harvard Votes Challenge นั้นไม่เพียงแค่เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการลงทะเบียนเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการลงคะแนนเสียงและกระบวนการประชาธิปไตย

ความตื่นตัวในหมู่นักศึกษาก็เห็นได้อย่างชัดเจน นักศึกษาหลายคนให้ความสำคัญกับการออกไปลงคะแนนเสียงและมีบทบาทในการส่งเสริมการเลือกตั้งทั้งในมหาวิทยาลัยและในสังคมทั่วไป หลายองค์กรนักศึกษาเข้ามาร่วมกับ HVC ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นการเลือกตั้ง การจัดตั้งจุดลงทะเบียนเลือกตั้งในสถานที่ต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยทำให้การเข้าถึงการลงทะเบียนเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของการรวมตัวกันเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตย และสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นใน Harvard Square

โดย Harvard Votes Challenge ได้แบ่งการสนับสนุนการเลือกตั้งออกเป็น 3 ส่วนชัดเจน โดยมีเครื่องมือ (Toolkit) ที่จัดทำเพื่อช่วยให้นักศึกษา อาจารย์ และบุคลากรสามารถมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งได้อย่างเต็มที่ พร้อมคำแนะนำและขั้นตอนต่างๆ ที่ทำให้กระบวนการนี้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ดังนี้ :

1) เครื่องมือสำหรับคณาจารย์และผู้นำ (Toolkit for Faculty and Leadership)

อาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยมีบทบาทสำคัญในการสร้างความตื่นตัวในการเลือกตั้ง โดยมีคำแนะนำให้ใส่วันที่สำคัญของการเลือกตั้งลงในหลักสูตร หรือส่งอีเมลแจ้งเตือนนักศึกษา และให้เวลาในชั้นเรียนสำหรับนักศึกษาในการตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนของตนเอง นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้อาจารย์สามารถเชิญผู้แทนจาก Harvard Votes Challenge มาพูดคุยเรื่องการเลือกตั้งในชั้นเรียนหรือจัดการแข่งขันระหว่างคลาสเรียนเพื่อกระตุ้นการลงคะแนนเสียงได้ อีกทั้งมีการสนับสนุนการเป็นผู้ช่วยงานเลือกตั้ง (poll worker)

และให้อาจารย์ร่วมกันโปรโมตการเลือกตั้งไปยังเพื่อนร่วมงานผ่านกิจกรรมในแผนกของตนเอง

2) เครื่องมือสำหรับบุคลากรและผู้บริหาร Toolkit for Staff and Administrators

บุคลากรและผู้บริหารได้รับคำแนะนำในการจัดการเลือกตั้งในชุมชนของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นจากการส่งเสริมให้บุคลากรทุกคนลงทะเบียนและวางแผนการลงคะแนน รวมถึงการใช้ลายเซ็นอีเมลในการส่งเสริมการเลือกตั้งไปยังเพื่อนร่วมงานและชุมชนการทำงาน บุคลากรยังสามารถจัดการเวลาและให้ความยืดหยุ่นในการทำงานในวันเลือกตั้งเพื่อให้สามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือเป็นผู้ช่วยงานเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ Harvard Votes Challenge ยังสนับสนุนให้บุคลากรจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการเลือกตั้งในที่ทำงานเพื่อสร้างแรงจูงใจในการมีส่วนร่วม

3) เครื่องมือสำหรับนักเรียน (Toolkit for Students)

นักศึกษาเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนมากในการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง โดยเครื่องมือสำหรับนักศึกษาจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน การสมัครเป็นผู้ช่วยงานเลือกตั้ง และการวางแผนการลงคะแนนล่วงหน้า

นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกระตุ้นเพื่อนร่วมชั้นเรียนให้ออกไปลงคะแนน รวมถึงการเฉลิมฉลองในวันลงทะเบียนเลือกตั้งหรือตั้งปาร์ตี้ในวันส่งบัตรเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้องค์กรนักศึกษาต่างๆ มาร่วมลงทะเบียนสมาชิกให้ครบ 100% เพื่อสร้างความตื่นตัวภายในมหาวิทยาลัย

โดยสรุป Harvard Votes Challenge ได้จัดทำ Toolkit สามส่วนนี้เพื่อตอบโจทย์และสนับสนุนให้ทั้งนักศึกษา บุคลากร และอาจารย์มีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศการเลือกตั้งที่คึกคักและกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด ผ่านการวางแผนที่ง่ายและการมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบ

ส่วนที่ 2 : ความคึกคักของแบรนด์เอกชนและการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเลือกตั้ง

นอกจาก ภาคการศึกษา อาจารย์ พนักงานนักเรียนของมหาวิทยาลัยแล้ว ความคึกคักตื่นตัว และการมีส่วนร่วม ของบริษัท และแบรนด์ต่างๆ ที่สหรัฐอเมริกา ก็ค่อนข้างที่จะชัดเจน

รายชื่อนักธุรกิจชื่อดังที่น่าสนใจ ซื้อทั้งผู้อ่านมติชนสุดสัปดาห์อาจจะพอทราบแล้วบ้าง ได้แก่

1. Elon Musk (Tesla) สนับสนุนทรัมป์ – บริจาคทางอ้อม 1.63 พันล้านบาทผ่าน America PAC

2. George Soros (Soros Fund Management) สนับสนุนแฮร์ริส – บริจาค 543.9 ล้านบาทให้ Future Forward PAC

3. Miriam Adelson (Las Vegas Sands) สนับสนุนทรัมป์ – บริจาค 181.3 ล้านบาทให้ Preserve America PAC

4. Eric Schmidt (อดีต CEO Alphabet) สนับสนุนแฮร์ริส – บริจาค 58 ล้านบาทให้ Future Forward PAC

และยังมีแบรนด์ชื่อดัง ที่ออกตัวสนับสนุนกมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้ เช่น ผู้นำธุรกิจหลายคนรวมถึงผู้บริหารสื่ออย่าง Barry Diller, James Murdoch, และ Jeffrey Katzenberg

บุคคลสำคัญอื่นๆ ที่ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึก ได้แก่ Mark Cuban, Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn, Magic Johnson และ Marissa Mayer ผู้นำธุรกิจเหล่านี้เชื่อว่าแฮร์ริสมุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มั่นคงและสนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมประชาธิปไตยและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในส่วนของทรัมป์ นอกจากอีลอน มัสก์ ที่เด่นๆ แล้ว ผู้สนับสนุน Donald Trump ในปี 2024 จากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ การเงิน และค้าปลีก ได้แก่ Harold Hamm (Continental Resources), Vicki Hollub (Occidental Petroleum), Kelcy Warren (Energy Transfer Partners), Robert Mercer (Mercer Family Foundation), และ John Paulson (Hedge fund manager)

ในขณะที่จากด้านค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ Ben Ashkenazy (นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์), BlackRock, และ Home Depot โดย Bernard Marcus มีผู้ร่วมก่อตั้งที่สนับสนุนทรัมป์

แบรนด์และภาคเอกชนก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศของการเลือกตั้งที่มีชีวิตชีวา โดยในสหรัฐอเมริกา แบรนด์ต่างๆ มักจะมีบทบาทอย่างมากในการสนับสนุนกระบวนการเลือกตั้งหรือในการออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นให้คนออกมาใช้สิทธิเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมอเมริกันมองว่าเป็นความรับผิดชอบของภาคธุรกิจที่มีต่อสังคม

หนึ่งในแบรนด์ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้คือ Patagonia ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้ากลางแจ้งที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

Patagonia ไม่ได้เพียงแต่ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การใช้แบรนด์ของตนในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างยั่งยืน ในการเลือกตั้งปี 2024 Patagonia เปิดตัวแคมเปญ “Vote Her” ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ผู้คนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างมีความหมาย นอกจากนี้ แบรนด์ยังสนับสนุนให้พนักงานทุกคนออกไปลงคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง โดยมอบวันหยุดให้กับพนักงานเพื่อให้สามารถใช้สิทธิลงคะแนนเสียงได้อย่างเต็มที่

ในทำนองเดียวกัน FlixBus ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งที่เน้นความยั่งยืนก็มีบทบาทในการส่งเสริมการเลือกตั้ง FlixBus เปิดตัวแคมเปญร่วมกับองค์กร “When We All Vote” โดยให้ความสะดวกในการลงทะเบียนเลือกตั้งผ่านแอพพลิเคชันและ QR code ที่ติดตั้งอยู่ในรถบัสและจุดบริการต่างๆ

ทั้งนี้ เพื่อลดอุปสรรคในการลงทะเบียนและกระตุ้นให้คนจำนวนมากขึ้นลงคะแนนเสียง

การที่แบรนด์เหล่านี้มีบทบาทในการส่งเสริมการเลือกตั้ง ไม่ได้เพียงแต่ช่วยให้คนตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

การที่แบรนด์ต่างๆ สนับสนุนการเลือกตั้งหรือแม้กระทั่งการแสดงการ endorsing (การสนับสนุน) ต่อผู้สมัครนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อทัศนคติของผู้บริโภค แต่ยังช่วยให้ผู้บริโภคที่มีแนวคิดเดียวกันรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์มากขึ้น

ในสังคมอเมริกัน การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการส่งเสริมการเลือกตั้งจึงถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้กระบวนการประชาธิปไตยเกิดขึ้นอย่างเต็มที่

การสร้างแรงจูงใจในวันเลือกตั้ง ทั้งมหาวิทยาลัยและเอกชนในสหรัฐ อนุญาตให้นักเรียน หรือพนักงานหยุดงานในวันเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งการให้สิทธิประโยชน์พิเศษในการเดินทางไปเลือกตั้ง เป็นตัวอย่างที่ดีที่ประเทศไทยสามารถนำมาใช้ได้

การให้เวลาว่างแก่พนักงานในวันเลือกตั้ง หรือการสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเดินทางไปใช้สิทธิได้ง่ายขึ้น เช่น การมีบริการขนส่งฟรีแบบไม่เลือกข้าง (ไม่ขนคนแบบบ้านเรา) หรือส่วนลดในวันเลือกตั้ง อาจช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประชาธิปไตยที่บ้านเราน่าเอาไปคิดต่อ…