ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 ตุลาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | อาชญากรรม |
เผยแพร่ |
กลายเป็นมหากาพย์อีกหนึ่งคดี สำหรับ ‘ดิ ไอคอน กรุ๊ป’ ที่มียอดผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วไม่น้อยกว่า 7,000 ราย ขณะที่ความเสียหายก็พุ่งทะลุ 2,000 ล้านบาทไปแล้ว
แต่หากอ้างอิงคำพูดของบอสพอล นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ที่เผยว่าข้อมูลยอดสมาชิกในระดับต่างๆ ล่าสุด มีจำนวน 368,257 ราย เป็นระดับดีลเลอร์ (Dealer) ลงทุน 250,000 บาท 31,972 ราย
ตัวแทนจำหน่าย (เล็ก) Mini Dealer ลงทุน 200,000 บาท 6,476 ราย หัวหน้าทีม Supervisor ลงทุน 25,000 บาท 43,976 ราย
ร้านค้าปลีก distributor ลงทุน 2,500 บาท จำนวน 285,833 ราย หากดูจากจำนวนสมาชิกมูลค่าความเสียหายน่าจะสูงถึงพันล้าน
ยอดผู้เสียหายที่ออกมาแจ้งความ รวมทั้งมูลค่าความเสียหายจึงยังห่างไกลจากความจริงมากนัก
หลังส่งทั้ง 18 บอสเข้าไปนอนในเรือนจำเป็นที่เรียบร้อย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ก็สั่งการให้เร่งสอบสวนเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหาในล็อต 2 ซึ่งส่วนใหญเป็นคนใกล้ชิดบอสพอล ไม่ว่าจะเป็นบอสโค้ช แม่ข่ายหรือพนักงาน หากพบความผิดก็จะดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนผู้มาแจ้งความก็จะคัดกรอง เพื่อป้องกันผู้ร่วมกระทำความผิดมาสวมรอยเป็นผู้เสียหาย โดยจะวิเคราะห์พฤติกรรมทุกรายให้รอบคอบรัดกุม
ขณะที่การติดตามตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของเหล่าบอสและบุคคลใกล้ชิด มีทั้งเงินสด บ้าน-ที่ดิน รถซูเปอร์คาร์ รถสปอร์ต รถยนต์หรู มากกว่า 30 คัน กระเป๋า นาฬิกาแบรนด์เนม เครื่องประดับ อาวุธปืน หลายร้อยรายการ รวมแล้วหลายร้อยล้านบาท
แต่ที่สังคมจับตาในขณะนี้ไม่ใช่แค่การออกหมายจับล็อต 2 หรือการติดตามทรัพย์สินเพียงแค่นั้น เพราะคดีนี้ยังลุกลามไปอีกหลายวงการ ลากเอาบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากออกมาแฉพฤติกรรมชวนสงสัย ทั้งพระเมธีวชิโรดม หรือพระ ว.วชิรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พระอารามหลวง จังหวัดเชียงราย ที่ถูกกล่าวหาว่าเทศน์อวยให้คนมาร่วมลงทุน หรือแม้แต่วัดที่รับเงินทำบุญจากบอสพอล รวมทั้งนักการเมือง นักร้อง (เรียน) ที่ถูกแฉว่ามีพฤติกรรมชวนสงสัยเข้าข่ายตบทรัพย์ ซึ่งบอสพอลแอบบันทึกคลิปเสียงพูดคุยสนทนาเอาไว้ในโทรศัพท์เป็นหลักฐานจำนวนมาก
วันที่ 22 ตุลาคม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เผยภายหลังจากนายวิฑูรย์ เก่งงาม ทนายความของบอสพอล เข้าพบเพื่อให้ข้อมูลหลักฐานวิดีโอขณะบอสพอลจ่ายเงินกับนักร้องเรียน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนักร้องเรียนทั้งหลาย ว่า ตนประสานขอข้อมูลจากบอสพอลตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมแล้ว ซึ่งเจ้าตัวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการให้ข้อมูลต่างๆ ที่มีกลุ่มบุคคลเข้ามาบีบบังคับขูดรีด หลังจากนี้จะมีการทยอยนำข้อมูลให้พนักงานสืบสวนสอบสวนดำเนินการ
จากการที่ดูคลิปเรียกได้ว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดีในเรื่องของการสืบสวน หลักฐานมีทั้งวิดีโอและภาพนิ่ง โดยจะขยายผลไปถึงทุกคนที่มาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือเจ้าหน้าที่
รอง ผบช.ก.ระบุว่าคลิปที่ได้ มาจากความร่วมมือในหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์หลายช่วง หลายระยะเวลา ซึ่งตอนนี้คลิปมีจำนวนมาก จะต้องไล่ดูแต่ละคลิป โดยกลุ่มรีดทรัพย์ไม่รู้ตัวว่าบอสพอลบันทึกวิดีโอและเสียงไว้เป็นหลักฐาน ส่วนที่มีนักร้องเรียนหญิงรวบรวมผู้เสียหายขอเงินคืนจากดิ ไคอน เนื่องจากขายของไม่ได้ ตรงนี้เป็นในส่วนการทำงานของ บก.ปคบ.
เชื่อว่าผู้เสียหายที่ออกมาร้องเรียนร่วมกับนักร้อง มีแกนนำแน่นอน แต่ขอให้เป็นเรื่องของการสืบสวน ตำรวจจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง พร้อมดำเนินคดีกับทุกคน ส่วนข้อหาว่าเข้าข่ายอะไรบ้าง หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็จะโดนเรื่องของเรียกรับผลประโยชน์ แต่ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาก็จะโดนเรื่องของกรรโชกทรัพย์
อย่างไรก็ตาม จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ส่วนที่มีบุคคลอ้างว่าหนึ่งใน 18 บอส ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปเป็นเงินดิจิทัลหรือคริปโต ได้สอบสวนแล้ว บุคคลดังกล่าวสารภาพแล้วว่าเป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา
โดยอ้างว่าเป็นการถามจากเพื่อนและเสิร์ชหาทางเว็บไซต์โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ จะต้องพิจารณาและประชุมหารือว่าจะต้องดำเนินการทางกฎหมายถึงขั้นไหนอย่างไร
ส่วนนายเอกภพ เหลืองประเสริฐกุล ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย จะโดนด้วยหรือไม่ ก็ต้องพิจารณากันอีกครั้ง
และคาดว่าที่บุคคลดังกล่าวออกมากระทำการเช่นนี้ เพราะอยากเรียกร้องความสนใจ
นอกจากนี้ ในเรื่องคริปโต บก.ปอศ.มีการตรวจสอบแล้วทราบว่า มันมีเงินไหลเวียนแบบนี้แทบทุกวันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ตรงกับช่วงเวลาดังกล่าวพอดี อย่างไรก็ต้องสืบสวนกันต่อไป
“ขอบคุณผู้ที่มีจิตอาสาทุกคนในการที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แต่ไม่อยากให้เข้ามาเพื่อหาแสง เพราะตอนนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแสงมันจ้าไปหมด คนถึงเข้ามากัน จึงขอเตือนบางคน ข้อมูลต่างๆ ถ้าคิดว่าจะช่วยเหลือสังคมจะต้องแม่นกฎหมาย ต้องรู้ว่าการกระทำจะไม่หมิ่นเหม่ในข้อกฎหมาย หากเข้ามาแล้วสร้างความวุ่นวาย สร้างความไขว้เขว อันนี้ต้องว่ากัน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติยืนยันว่าเทวดามีอยู่จริง โดยเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจ แต่จะเป็นใครนั้นก็อยู่ระหว่างการสืบสวน และสำหรับจะมีการออกหมายจับใครหรือไม่ จะเป็นพระเอกหรือนางเอก ต้องรอลุ้นเอา
ส่วนจะมีการเชิญตัวนักการเมืองดังหรือบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงมาเข้าให้ปากคำเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้หรือไม่ คงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทราบหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร
โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย

ด้านนายวิฑูรย์เผยว่า ตนเพิ่งออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจากได้พูดคุยกับนายพอล เขาบอกว่าก็ต้องรักษาสิทธิ์ของเขา โดยยื่นดำเนินคดีกับ 1 นักร้องเรียนผู้หญิง และ 1 ทนายความผู้ชาย เบื้องต้นในข้อหากรรโชกทรัพย์ ซึ่งได้นำคลิปวิดีโอมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ทราบว่ามีทั้งหมดกี่คลิป แต่มีขนาด 512 เมกะไบต์ สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้ เห็นหน้าชัดเจน เป็นคลิปที่มาจากคนที่เก็บหลักฐาน เขาติดกล้องไว้ตรงหมวกช่วงที่มีการจ่ายเงินคนละ 100,000-200,000 บาท ซึ่งในคลิปมีอยู่ประมาณ 10 กว่าคน แต่ตนถามตัวลูกความ เขาบอกว่าประมาณ 80 กว่าคนที่เขาจ่าย
เหตุการณ์เพิ่งเกิดช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่ง 10 กว่าคนนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกับนักร้องเรียนผู้หญิง เขาอ้างว่าเสียหาย ขายของไม่ได้ ซึ่งเขาก็ควรจะดำเนินคดีกับบริษัทอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ว่าฉันจะร้องเรียนคุณว่าผิดแบบนั้นแบบนี้ แต่คุณไม่ไปยื่นเรื่องร้องเรียนตามระบบ เช่น สคบ. หรือ ปคบ. จะให้มาจ่ายเงินจ่ายทองแล้วจบกันไปแบบนี้เหรอ ซึ่งมันก็ไม่ถูก
รับรองว่าหลังจากนี้จะสนุกแน่ ตนอาจจะทำคลิปหลุดก็ได้ เช่น เป็นคลิปเสียงที่จะพาคนไปออกรายการหนึ่ง ขอ 20 ล้านบาท ตนแกล้งทำหลุดออกมาเดี๋ยวก็รู้กันเองว่าเป็นใคร ซึ่งเป็นรายการโคตรดังในช่องน้อยสี แต่ไม่ใช่เจ้าของรายการ เป็นนักร้องเรียนท่านหนึ่งเป็นในลักษณะการเรียกรับ เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ก่อนมีเรื่อง ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่ตัวละครใหม่ แต่เป็นตัวละครเดิมๆ
“ผมก็ไม่อยากปล่อยคลิป แต่ถ้ามาโจมตีผมมากๆ มาท้าทายผมมากๆ ผมมือลั่นขึ้นมาก็ยุ่งเลยนะ ผมบอกเลย” นายวิฑูรย์กล่าว

ขณะที่ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือพัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ที่ถูกพาดพิงว่าตบทรัพย์บอสพอล 10 ล้านบาท โดยมีคลิปเป็นหลักฐาน ระบุว่าตนเจตนาที่จะช่วยทั้งผู้เสียหายให้ได้เงินคืน และฝ่ายดิ ไอคอน กรุ๊ป ก็อยากให้ได้รับบทเรียน อาจจะผิดที่เราช่วยผิดคน หากให้อภัยได้ ก็จะให้อภัยเพราะตอนนี้เขาติดคุก เรารู้ว่าเจตนาเราพูดอะไร จึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขานำมาเปิดเผย
ตนเป็นที่ปรึกษาทั้งฝั่งผู้เสียหายและฝั่งบอสพอลที่โดนร้องเรียน ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน เราทำงานช่วยเหลือมา 19 ปี บาดแผลรอบนี้เยอะที่สุด ไปถามดูก็ได้ไม่เคยเรียกรับเงินกับผู้เสียหายเลย สำหรับประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นมันถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกันอย่างมาก
น.ส.กฤษอนงค์ยังกล่าวถึงกรณีคลิปปริศนานาย ส. ว่า 99.99% ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเสียงของนาย ส. ตามที่มีการกล่าวอ้าง เพราะเป็นเสียงที่คุ้นเคย รู้จัก เคยร่วมงานกัน และทำให้ทุกวันนี้ตนมีแผล หรือชนักติดหลัง ทำให้วงการขายตรงบอบช้ำเป็นอย่างมาก
ส่วนตัวกับนาย ส. นั้นเคยทำงานร่วมกันในองค์กรเดียวกันจริง แต่ต้องแยกคนละประเด็น หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งทางการเมืองแล้วก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย
ส่วนถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการข้อมูล ยินดีพร้อมที่จะให้ข้อมูล หากข้อมูลที่มี มีประโยชน์ต่อรูปคดี หรือช่วยในทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ก็ยินดีไปเป็นพยานให้
หลังจากนี้ เตรียมหลักฐานเดินหน้าฟ้องร้องคนที่ออกมากล่าวหาว่าตนเรียกตบทรัพย์ผู้เสียหาย 10 ล้านบาท
เรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของเหล่าบรรดาบอสๆ ดิ ไอคอน กรุ๊ป และทั้งหลาย ยังลึกลับซับซ้อนได้อีก เมื่อล่าสุดมีตัวละครใหม่โผล่มาอีกในชื่อ ‘บิ๊กบอสตัวจริง’ ที่แหล่งข่าวอ้างว่าเป็นคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลังและเป็นผู้ปลุกปั้นบอสพอล ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่วัยรุ่น และยังแนะนำให้เรียนรู้การตลาดออนไลน์จากบอสปัน ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ผู้ถือหุ้น 4% ในดิ ไอคอน กรุ๊ป
ว่ากันว่าความพยายามยกประเด็นต่างๆ ฟาดใส่บุคคลต่างๆ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนในสังคม โดยจะให้คดีตัดตอนแค่ที่บอสพอล ปกป้องไม่ให้มีใครสืบสาวไปถึง ‘บิ๊กบอสตัวจริง’ นั่นเอง


สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022