ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2567 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
33 ปี ชีวิตสีกากี
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (96)
จากระนอง สู่หาดใหญ่
เมื่อมีคำสั่งย้ายไปหาดใหญ่ ผมจึงต้องยุติการเข้าเวร และสะสางสำนวนการสอบสวนที่อยู่ในความรับผิดชอบให้เสร็จสิ้นและส่งมอบสำนวนที่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยตั้งแต่ต้นปี 2529 ผมเข้าร้อยเวรสอบสวนประมาณ 45 ครั้ง มีสำนวนการสอบสวนที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 258 คดี แยกได้ดังนี้
คดีหลบหนีเข้าเมือง 182 คดี
คดียาเสพติด 18 คดี คดีการพนัน 10 คดี คดีลักทรัพย์ 11 คดี
คดี พ.ร.บ.อาวุธปืน 8 คดี
คดี พ.ร.บ.เช็ค 4 คดี
คดี พ.ร.บ.รถยนต์, คดี พ.ร.บ.ป่าไม้ และคดียักยอกทรัพย์ อย่างละ 3 คดี
คดีปล้น 1 คดี คดีชิงทรัพย์ 1 คดี คดีฉ้อโกง 2 คดี คดีดูหมิ่นเจ้าพนักงาน 2 คดี
ที่เหลืออย่างละ 1 คดี คือ คดีวิ่งราวทรัพย์ คดีร่วมกันพยายามฆ่า คดีซ่องโจรเพื่อปล้นทรัพย์ คดีทำให้เสียทรัพย์ คดีจราจร คดีกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และคดีไม่ไปแสดงตนเพื่อรับหมายเรียก
ทั้งหมดนี้เป็นคดีที่สั่งฟ้อง 246 คดี
คดีสั่งไม่ฟ้อง 5 คดี และงดการสอบสวน 4 คดี
มีสำนวนการสอบสวนที่ไม่เสร็จต้องส่งมอบ จำนวน 3 คดี เนื่องจากต้องผลรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และคดียังไม่ครบกำหนด
ระยะเวลาที่ต่อเนื่องยาวนานถึง 4 ปี 8 เดือน เมื่อทำงานที่ สภ.อ.เมืองระนอง ผมเข้าเวรสอบสวนรวมประมาณ 206 ครั้ง ครั้งละ 24 ชั่วโมง มีสำนวนการสอบสวนอยู่ในความรับผิดชอบ จำนวน 1,039 คดี สั่งฟ้อง 970 คดี สั่งไม่ฟ้อง 36 คดี งดการสอบสวน 23 คดี ที่เหลือมอบสำนวนการสอบสวนให้ สวส.สภ.อ.เมืองระนอง
ในจำนวนทั้งหมดนี้เป็นคดีหลบหนีเข้าเมืองมากถึง 567 คดี
คดียาเสพติด 95 คดี คดีลักทรัพย์ 48 คดี คดีอาวุธปืน 35 คดี
สำหรับคดีหลบหนีเข้าเมืองแม้จะเป็นคดีที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ทุกคดีมีความสำคัญทั้งสิ้น หากผิดพลาดเพียงคดีเดียว อนาคตดับได้เลย
ผู้ต้องหาหนีแค่คนเดียว ผมยังเดือดร้อนแสนสาหัส เมื่อเป็นผู้รับผิดชอบคดีจึงสำคัญทุกคดี และตลอดระยะเวลานั้น ผมไม่เคยมีสำนวนการสอบสวนล่าช้า ไม่เคยขาดผัดฟ้อง หรือลืมฝากขังผู้ต้องหา ไม่ผิดพลาดการเป็นพยานศาล ไม่ทำให้ผู้บังคับบัญชาปวดหัวกับสำนวนการสอบสวนที่ผมรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
มีสำนวนการสอบสวนให้ผู้อื่นดำเนินการต่อเพียง 3 คดีเท่านั้นเอง
แล้วผมก็มีฉากจบบทแรกที่ สภ.อ.เมืองระนอง
ผมเริ่มชีวิตการเป็นตำรวจที่จังหวัดระนอง ขั้นต้นก็ไม่ราบรื่น ลงท้ายยังขรุขระอีก เมื่อเข้าเวรครั้งแรก ก็ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยเพราะผู้ต้องกักขังหลบหนี
จบลงในตอนท้ายอาจจะไม่สวยงามเมื่อผู้ต้องกักขังมาหลบหนีซ้ำอีกครั้ง ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ไม่อาจจะลบล้างได้
ผมทำงานที่ระนองมาจึงมีทั้งตื่นเต้น เร้าใจ ระทึกขวัญ ทั้งเศร้าโศกเสียใจ ทั้งผิดหวัง และประสบความสำเร็จ ครบทุกรสชาติ ชีวิตตำรวจภูธรในต่างจังหวัด ห่างไกลจากเมืองหลวง ไกลปืนเที่ยง มันเป็นเช่นนี้
ทุกอย่างคงจะทิ้งไว้เบื้องหลังให้เป็นอดีต เป็นเรื่องของความทรงจำที่มีไว้ให้ระลึกถึง
แต่ผมยังคงรักและคิดถึงระนองไม่เสื่อมคลาย แม้วันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน ยังจดจำมาเล่าให้ฟังได้ คงเป็นเพราะมนต์เสน่ห์ของระนอง
“คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง”
เป็นตำรวจหาดใหญ่ สงขลา
ปี พ.ศ.2529-2534
ผมทิ้งความทรงจำอันเป็นเสน่ห์ของระนองไว้เป็นอดีต เมื่อมีโอกาสก็จะนำมาบอกเล่าพูดคุยในหมู่คนรู้จักเพื่อรื้อฟื้นความหลัง วันที่ 11 ธันวาคม 2529 ผมก็มาสู่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่มีใครบอกว่าเป็นเมืองหลวงของภาคใต้
สงขลามีคำขวัญว่า
“นกน้ำเพลินตา สมิหลาเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้”
“เป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบ ทำไมไม่พกปืน”
เป็นคำพูดแรกจากสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่
พ.ต.ท.ถาวร ภูมิสิงหราช ที่พูดกับผม เมื่อไปรายงานตัววันแรก
ภายในห้องทำงาน มีแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศสีขาวดำขนาดใหญ่ของ อ.หาดใหญ่เต็มฝาผนังห้องเป็นฉากหลัง บนโต๊ะทำงานมีแฟ้มเอกสารกองสูง และสำนวนการสอบสวนจำนวนมาก รอให้ตรวจเพื่อลงนาม
วันนั้นอยู่ในช่วงครึ่งแรกของเดือนธันวาคม พ.ศ.2529 วันที่อาจจะจำไม่ได้ คำพูดจำได้แม่น
ผมได้พบสารวัตรใหญ่ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เมื่อผมยังเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ชั้นปีที่ 3 สารวัตรใหญ่เป็นตำรวจ ตชด.มียศร้อยตำรวจเอก และเป็นผู้ควบคุมดูแลการฝึก หลักสูตรการต่อต้านปราบปรามการก่อความไม่สงบ หรือ ตปส.นรต.รุ่น 35 ที่ค่ายดารารัศมี กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต 5 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2523
ประโยคแรกของสารวัตรใหญ่ พูดกับผมที่เป็นนายตำรวจหน้าใหม่ของโรงพักหาดใหญ่ ทำให้ผมชะงัก รู้สึกประหม่า และเกิดอาการเกร็งนิดหน่อย และอาจจะจริง
แต่อีกนัยหนึ่ง เมื่อเข้าพบผู้บังคับบัญชาไม่สมควรนำอาวุธปืนติดตัวไปด้วย ซึ่งแล้วแต่จะเป็นมุมมองของใคร
เมื่อผมอยู่หาดใหญ่นานขึ้น พบว่าหลายเหตุการณ์จบลงด้วยชีวิต ย้อนนึกถึงคำพูดของสารวัตรใหญ่ จึงเป็นความจริง เป็นอุทาหรณ์สอนให้สำนึกไว้ตลอดเวลา และผมก็จะไม่ห่างจากอาวุธปืนอีกเลย ยามว่างก็ถอดล้างทำความสะอาดและขัดจนเงาแวววาว มีกระสุนบรรจุเต็ม พร้อมใช้งานทันที
เป็นตำรวจมีปืนเพื่อคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัย และรักษาชีวิตของตัวเอง
ต่อจากนั้น สารวัตรใหญ่ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความชื่นชมผมว่า เป็นตำรวจฝีมือดี จึงไว้วางใจให้มาทำงาน
และเมื่อมาถึงหาดใหญ่ จึงทราบว่าโรงพักหาดใหญ่มีปัญหาเรื่องงานสอบสวนมาก ผมเป็นหนึ่งในจำนวนนายตำรวจที่สารวัตรใหญ่และผู้บังคับบัญชาคัดเลือกให้มาทำหน้าที่
ผมได้แต่สงสัยแล้วทำไมให้ผมมาทำงานจราจร แต่ก็ไม่กล้าปริปากถาม
หาดใหญ่ เมืองใหญ่ มีตึกใหญ่มากมาย การจราจรคับคั่ง ผู้คนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลเดินทางมา ทั้งไทยทั้งเทศ ตำรวจไกลปืนเที่ยงอย่างผมจึงเกิดอาการไม่มั่นใจ ว่าจะทำงานให้ดีอย่างที่ตั้งใจได้หรือไม่
สารวัตรใหญ่ เป็นนายตำรวจรูปร่างสูงใหญ่ พูดสำเนียงใต้ชัดเจน เป็นคนใต้จังหวัดพัทลุง เมื่อพูดคุยซักถามพอสมควร จึงอนุญาตให้ผมออกจากห้องทำงาน แล้วได้ไปพบ
พ.ต.ต.วันชัย สุริยะศรี สารวัตรจราจร ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสายตรงของผม เป็นบุคคลที่มีอารมณ์ดี ใจดี ร่าเริงเสมอ และเวลาว่างชอบสูบไปป์
ด.ต.สุคนธ์ พานิชกรณ์ เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของตำรวจจราจร เป็นผู้รับผิดชอบงานดีมาก และนั่งทำงานร่วมกับสารวัตรจราจร
เมื่ออยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจ สารวัตรจราจรจะแต่งเครื่องแบบตำรวจได้เนี้ยบมาก สะอาดสะอ้าน ชุดสีกากีแขนยาวติดสายแดงพร้อมนกหวีด ยัดท้อปเรียบร้อย เครื่องหมายประดับพอเหมาะพองาม หากเป็นเครื่องหมายเงินจะขัดจนเป็นเงาวับ ส่วนรองเท้าคอมแบต ขัดจนใสมันแวววาว ที่ต้นแขนข้างซ้ายสวมปลอกแขนตำรวจจราจรสีขาว และบนปลอกแขนกึ่งกลางมีอักษร สข สีขาวอยู่ในผ้าวงกลมสีดำ เป็นนายตำรวจที่แต่งเครื่องแบบได้สง่างาม เป็นแบบอย่างให้ตำรวจทั่วไปได้
สารวัตรจราจร แสดงความยินดีที่จะได้ทำงานร่วมกันและได้ชี้แจงการทำงาน การเข้าเวร
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022