ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 ตุลาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
การประชุมสุดยอดผู้นำ BRICS จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม 2024 นี่จะเป็นโอกาสของไทยในการขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม ที่สมัครไปแล้ว ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้าที่กำลังปะทะกัน จนอาจจะเห็นการแบ่งขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจ และการเงินในระดับโลก
การที่ไทยเข้าร่วม BRICS นับเป็นการกำหนดจุดยืนทางยุทธศาสตร์ ที่ต้องถ่วงดุลระหว่างมหาอำนาจให้เหมาะสม
ล่าสุดประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงที่จะเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา
BRICS ก่อตั้งขึ้นโดยสมาชิกผู้ก่อตั้ง 4 ประเทศ คือ บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย และจีน ประชุมครั้งแรก 16 มิถุนายน 2009 ซึ่งเริ่มแรกใช้ชื่อกลุ่มว่า BRIC
ต่อมาได้รับแอฟริกาใต้เพิ่มเข้ามาในปี 2010 ทำให้เปลี่ยนไปเป็น BRICS และใช้มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าต้นปี 2024 จะรับสมาชิกเพิ่มมาอีก 5 ประเทศ คือ อียิปต์, เอธิโอเปีย, อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เมื่อรวมกันแล้ว BRICS มีประชากรคิดเป็น 37% ของประชากรโลก ถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ด้วยขนาดเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 28.4% ของ GDP โลก
BRICS ตั้งขึ้นมาเพื่อคานอำนาจกับขั้วเศรษฐกิจของบรรดาชาติพัฒนาแล้วในอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตก โดยกลุ่มนี้ต้องการสร้างระเบียบโลกใหม่ด้านเศรษฐกิจและการค้า
เมื่อความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาขยายตัวมาจนถึงจุดนี้ทำให้เห็นชัดว่าไม่เพียงเป็นการทำสงครามทางการค้า แต่อาจมีการใช้กำลังเพื่อแย่งยึดเส้นทางขนส่งสำคัญ หรือแหล่งทรัพยากรสำคัญอาจถึงขั้นมีการใช้กำลังโดยตรงหรือผ่านสงครามตัวแทนกันได้เสมอ
ทีมวิเคราะห์มีความเห็นว่าความขัดแย้งได้พัฒนาเป็นสงครามไปแล้วเพียงแต่รูปแบบของสงครามไม่เหมือนในสมัยก่อนที่จะใช้อาวุธและกำลังทหารเท่าถล่มกันอย่างเดียว แต่เปิดแนวรบทั้งการค้า การเงิน การทูต
ศักยภาพ ของกลุ่ม BRICS
จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และขึ้นมาท้าทายอันดับ 1 อย่างสหรัฐ เมื่อสหรัฐอเมริกาเห็นว่าจีนขยายตัวทางการค้าอย่างรวดเร็วทำให้ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาเองและประเทศอื่นๆ อย่างมาก จึงหาทางสกัดกั้นทุกวิถีทาง
ที่สำคัญก็คือสกัดกั้นทางเทคโนโลยีเพื่อไม่ให้จีนผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีสูงและกำไรสูงได้ ซึ่งมองจากการพัฒนา เทคโนโลยีของจีนแม้ขณะนี้ยังคงไล่ตามอเมริกาอยู่แต่ก็ไล่ทันมากขึ้น ในทางการค้าแล้วไม่ต้องตามทันแบบ 100% แต่ก็สามารถทำสินค้าออกมาแข่งขันได้ และถ้าได้เปรียบในเรื่องแรงงานและการตลาดก็จะสามารถทำกำไรได้มากกว่า
ถ้าอเมริกาใช้ระบบภาษีเข้ามาสกัดกั้นก็คงจะเสียหายด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพราะประเทศตะวันตกนั้นไม่สามารถผลิตสินค้าราคาถูกได้แล้ว
การก่อตั้ง BRICS จะทำให้จีนได้เปรียบทางการค้ามากขึ้น เพราะในพันธมิตรของกลุ่มนี้ยังมีอินเดียที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในโลก มีตลาดขนาดใหญ่เพราะประชากรที่มากที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แหล่งแรงงานที่รู้ภาษาอังกฤษ
ขณะที่รัสเซียเป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก อุดมด้วยทรัพยากรมหาศาล และก็มีความสามารถในการพัฒนาอาวุธและสะสมกำลังอาวุธไว้พอสมควร แม้ขณะนี้จะบอบช้ำจากสงครามและถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติก็ตาม
สำหรับบราซิลมีสินค้าเกษตร และแอฟริกาใต้มีทองคำและแร่ธาตุ ส่วนอิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ล้วนเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ โดยผลิตน้ำมันดิบประมาณ 44% ของกำลังการผลิตทั่วโลก
สงครามการเงิน และการค้า
การปะทะยกแรก
ของจีน-รัสเซีย กับสหรัฐอเมริกา
สหรัฐใช้อำนาจกำหนดให้สินค้าโภคภัณฑ์หลายตัว เช่น ทองคำ น้ำมัน ที่ต้องใช้เงินดอลลาร์ในการซี้อขาย โดยไปตกลงกลับกลุ่ม OPEC
สหรัฐพิมพ์เงินดอลลาร์ได้ไม่จำกัด เพราะดอลลาร์เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของทั่วโลก เศรษฐกิจแต่ละประเทศยิ่งใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น ความต้องการเงินดอลลาร์ก็จะมากขึ้น
นับตั้งแต่สหรัฐยกเลิกการผูกสกุลเงินดอลลาร์กับทองคำ ในปี 1971 จึงถูกมองว่า เอาเปรียบทั้งโลก เพราะสามารถพิมพ์เงินออกมาไปใช้ได้ทั่วโลก
จากข้อมูลสิ้นปี 2022 เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นเงินสกุลหลักของทุนสำรองระหว่างประเทศสูงที่สุดเทียบทุกสกุล โดยอยู่ที่ 58.36% หรือ 6.47 ล้านล้านดอลลาร์
ดังนั้น BRICS จึงมีแนวคิดสร้างระบบการเงินของตนเองขึ้นมา ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งสถาบันการเงินใหม่อย่างธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (New Development Bank / NDB) มีเงินกองทุนกู้ยืมเป็นของตนเองอย่างกองทุนสำรองฉุกเฉิน (CRA) มีระบบชำระและโอนย้ายเงินข้ามประเทศเป็นของตนเอง
ระบบการเงินใหม่ของ BRICS เป็นแนวคิดที่ทุกประเทศมีส่วนร่วมกำหนดระเบียบโลกให้มีความยุติธรรมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทางการค้า การลงทุน ทุนสำรอง การสื่อสาร โดยเริ่มต้นให้สามารถค้าขายกันด้วยสกุลเงินของแต่ละประเทศ ซึ่งถือว่าเปิดโอกาสการค้ามากขึ้น สะดวกขึ้น ค่าใช้จ่ายน้อยลง
จากนี้ไปจีนก็สามารถใช้เงินหยวนซื้อน้ำมัน จากตะวันออกกลางและรัสเซียและประเทศในกลุ่ม BRICS ก็สามารถใช้เงินสกุลตัวเองซื้อสินค้าจากจีนและประเทศสมาชิก
ถ้าระบบการค้าและการเงินเปลี่ยนแปลงไปสหรัฐอเมริกาจะเสียประโยชน์อย่างมาก ความสำคัญและค่าเงินดอลลาร์อเมริกาจะลดลง การแข่งขันของระบบการเงิน 2 ระบบจะเกิดขึ้น ผู้ที่ทำการผลิต และการค้าขายจริงก็จะ ใช้ระบบเงินทั้ง2 ค่าย แล้วแต่สะดวก แต่มีโอกาสได้ผลกำไรมากขึ้น
สหรัฐอเมริกาเองคงแข่งขันในตลาดสู้ไม่ได้เพราะยังมีค่าแรงสูง ประเมินว่าในช่วงนี้สิ่งที่อเมริกาจะขายออกไปคืออาวุธ นี่ก็เป็นข้อที่น่าห่วงว่าอาวุธอาจจะกระจายไปทั่วทั้งโลก
ใครที่พ่ายแพ้ทางเศรษฐกิจก็เหมือนกับกองกำลังที่ไม่มีเสบียง เพราะถ้าไม่มีเงินเศรษฐกิจตก การจะสร้างอาวุธสร้างกำลังเสริมก็ทำได้ยาก
แต่ถ้ากำลังของทุกฝ่ายต่างก็หมดแรงไปด้วยกันและไปต่อสู้กันทางการค้า และการเงิน ข้อดีก็คือสงครามที่ใช้อาวุธก็จะเบาลง
แต่อาจจะทำให้หมดไปไม่ได้เพราะความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ เป็นเรื่องเฉพาะส่วนพอสมควร
ไทยควรเข้าร่วม BRICS เพราะ…
1.นี่คือโอกาสในการหาตลาดและการลงทุน หาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ และพลังงาน จีนและอินเดียคือประเทศใหญ่ที่ใกล้ประเทศไทยมาก เรายังต้องการพลังงานจากตะวันออกกลาง
2. การเป็นสมาชิก BRICS เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางตลาดการเงินใหม่ของโลก เพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจาก SWIFT ของตะวันตก ซึ่งในตอนแรกอาจะต้องใช้สกุลเงินของคู่ค้าโดยตรง เช่น หยวน-บาทซื้อขายไปก่อนแทนที่ดอลลาร์สหรัฐ และท้ายที่สุดจะนำไปสู่การใช้เงินสำรองสกุลใหม่
ถ้า BRICS สร้างระบบเงินตราร่วมกันขึ้นมาใหม่ 1 สกุล และใช้ทองคำมาเป็นตัวค้ำประกันค่าเงินก็จะมีผลทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นไปอีก แต่ในความเป็นจริงคงไม่มีใครใช้ทองคำมาค้ำประกันค่าเงิน 100% มีบางข่าวเสนอว่าให้ใช้ทองคำค้ำประกันเพียง 40%
ถ้าทำแบบนั้นได้เงินดอลลาร์ของสหรัฐซึ่งไม่มีอะไรค้ำประกันเลยก็จะเสื่อมค่าลง แต่ในทางปฎิบัติ ระบบการเงินเดิมยังอยู่ได้อีกนาน เพียงแต่มีทางเลือกมากขึ้น
ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐก็ยังคงอยู่ เพราะทุกประเทศต่างก็ถือเงินดอลลาร์ไว้เป็นจำนวนมาก และประเทศใหญ่เช่นจีน ก็เป็นเจ้าหนี้สหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมากเช่นกัน
3. ในทางรัฐศาสตร์การเข้าร่วม BRICS คือการถ่วงดุลมหาอำนาจตะวันตก กับจีนและรัฐเซีย เพราะไทยเป็นประเทศเล็กที่ยังต้องเป็นมิตร และค้าขายกับทั้งสองค่าย
การใช้กลุ่ม BRICS เป็นยุทธศาสตร์นำนั้นประเทศที่น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดคือจีนเพราะสามารถจะ แหวกการปิดล้อมของสหรัฐได้และขยายตัวทางการค้าได้ต่อไป
ประเทศที่ 2 ที่ได้ประโยชน์คือรัสเซีย เพราะจะรอดพ้นจากการแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้
ส่วนประเทศอื่นๆ นั้นที่เข้าร่วมก็หวังจะได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในการหาตลาดและแหล่งวัตถุดิบและลดความเสียเปรียบทางด้านการค้าและการเงิน
การตัดสินใจของไทยครั้งนี้ถือว่า กำหนดยุทธศาสตร์เหมาะสมกับสถานการณ์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022