คุยกับทูต | พัก ยงมิน 66 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี (จบ)

คุยกับทูต | พัก ยงมิน

66 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี (จบ)

 

การพัฒนากรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี

“ความร่วมมือประเทศลุ่มน้ำโขงกับเกาหลี ได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่อีกครั้ง หลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี (Mekong-ROK) ครั้งที่ 12 ที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 เป็นการประชุมครั้งแรกในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่ปี 2021 ถือเป็นโอกาสสำคัญในการทบทวนความคืบหน้าที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ และหารือเกี่ยวกับทิศทางความร่วมมือในอนาคต

ความร่วมมือประเทศลุ่มน้ำโขงกับเกาหลียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการดำเนินงานของกองทุนความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี และการประชุมภาคธุรกิจ Mekong-ROK Business Forum ความริเริ่มเหล่านี้ยังคงรักษาแรงผลักดันในความร่วมมือแม้ว่าจะไม่สามารถจัดการประชุมระดับสูงได้ก็ตาม

รัฐบาลเกาหลีพยายามมีส่วนในการสนับสนุนการเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาสสำหรับภูมิภาคแม่น้ำโขง โดยอิงตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกและข้อริเริ่ม Korea-ASEAN Solidarity Initiative (KASI)

เกาหลีได้สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในแม่น้ำโขงอย่างแข็งขันผ่านความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) และได้ให้คำมั่นที่จะเพิ่มกองทุนความร่วมมือแม่น้ำโขงเป็นสองเท่าภายในปี 2027

ความร่วมมือของเราดำเนินไปอย่างแข็งขันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตของประชาชนในภูมิภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงแบบใหม่ที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional security) และการพัฒนาเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ เกาหลีได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเสร็จสิ้นเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความร่วมมือหลายชั้นของเรากับองค์กรต่างๆ ในภูมิภาค

เนื่องจากแผนปฏิบัติการความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลีฉบับปัจจุบันมีกำหนดสิ้นสุดลงในปี 2025 ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการร่างแผนใหม่เพื่อกำหนดทิศทางความร่วมมือขั้นต่อไปของเรา”

นายพัก ยงมิน (Mr. Park Yongmin) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย

ประเด็นนักท่องเที่ยวไทยไปเกาหลีใต้ลดลง

นายพัก ยงมิน (Mr. Park Yongmin) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ชี้แจงว่ามีสองประเด็นที่เราต้องให้ความสำคัญ

“ประเด็นแรก ในส่วนของไทย จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศต้องขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าการท่องเที่ยวขาออกของไทยจะฟื้นตัวจากยุคโควิด แต่การฟื้นตัวและเพิ่มขึ้นดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ เนื่องมาจากปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทย

ประเด็นที่สอง ในส่วนของเกาหลี จำเป็นต้องพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยรัฐบาลเกาหลีและไทยได้กำหนด ‘ปีการเยือนระหว่างเกาหลี-ไทย 2023-2024’ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ดังนั้น ผมจึงประชุมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย และเข้าร่วมงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีที่จัดขึ้นในประเทศไทย

นอกจากนี้ ผมพยายามแก้ไขปัญหาและความไม่สะดวกเกี่ยวกับการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวไทยในเกาหลี รัฐบาลของทั้งสองประเทศก็ยังต้องจัดการกับ ‘ปัญหาแรงงานที่ไม่มีเอกสาร’ ในเวลาเดียวกัน และเมื่อเร็วๆ นี้ เราเริ่มชุดส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีในชื่อ ‘แคมเปญต้อนรับสู่เกาหลี’ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วย

ผมจึงหวังว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะไปเยือนเกาหลีกันมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างผลประโยชน์และมิตรภาพร่วมกัน”

อนึ่ง โคเรียนแอร์ สายการบินประจำชาติและสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ ได้ทำการบินมายังท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง นอกเหนือจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2024 โคเรียนแอร์จึงนับเป็นสายการบินต่างชาติสายการบินแรกที่ทำการบินทั้งสองท่าอากาศยาน

โคเรียนแอร์ เป็นสายการบินต่างชาติสายการบินแรกที่ทำการบินทั้งสองท่าอากาศยาน คือ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

การทูตกับความท้าทาย

“ผมรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่คนไทยชอบเกาหลีมาก และมีคนไทยจำนวนมากที่เดินทางไปเกาหลีเพื่อหางานทำ เนื่องจากค่าจ้างขั้นต่ำของเราสูงกว่าของประเทศไทย

ปัจจุบันมีคนไทยพำนักในเกาหลีเกินกำหนดประมาณ 150,000 คน บางคนเรียกพวกเขาว่า ‘แรงงานไร้เอกสาร’ บางคนเรียกว่า ‘ผู้อยู่อาศัยผิดกฎหมาย’ และบางคนเรียกว่า ‘ผีน้อย’ คิดเป็นประมาณ 38% ของผู้อยู่อาศัยผิดกฎหมายทั้งหมดในเกาหลี

คนไทยประมาณ 77% ที่อาศัยอยู่ในเกาหลีโดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งนี้ไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเกาหลี ส่งผลให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใช้มาตรการคัดกรองที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้าเกาหลี

นักท่องเที่ยวบางคนดูเหมือนจะต้องเผชิญกับประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่สนามบิน บางคนถึงกับถูกปฏิเสธ เรื่องนี้ทำให้คนไทยบางส่วนรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเกาหลี จนบางครั้งนำไปสู่การรณรงค์ #BanKorea ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเกาหลีในไทย

ผมขออ้างคำพูดของแฮมเลต (Hamlet) ‘เป็นความเจ็บปวดจากความรักที่ถูกเหยียดหยาม’ (จากบทละครแนวโศกนาฏกรรมเขียนโดยวิลเลียม เช็กสเปียร์)

ผมคิดว่าปฏิกิริยาเชิงลบแบบนี้เป็นอีกด้านของเหรียญเดียวกับความรักที่คนไทยมีต่อเกาหลี เพราะยิ่งเรารักใครมากเท่าไร ความรู้สึกที่ถูกทรยศก็จะยิ่งฝังรากลึกมากขึ้นเท่านั้น เราจึงจำเป็นต้องแก้ไขทั้งสาเหตุและผลของปรากฏการณ์นี้

เกาหลีและไทยต้องทำงานร่วมกันเพื่อลดจำนวนผู้อยู่อาศัยผิดกฎหมาย เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ให้เสียหาย และหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกที่ไม่จำเป็นที่นักท่องเที่ยวไทยในเกาหลีต้องเผชิญ การแก้ไขปัญหานี้อาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่สถานทูตเกาหลีจะยังคงพยายามต่อไป”

ในวันสบายๆ กับสุนัขตัวโปรด

กิจกรรมยามว่าง

“ผมไม่มีเวลาว่างมากเท่าที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ผมชอบใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เรามีลูกชายสองคน แต่ทั้งคู่อยู่ต่างประเทศ ตอนนี้ผมอยู่กับภรรยาที่กรุงเทพฯ และลูกสุนัขสองตัว เรามักพาสุนัขไปเดินเล่น โดยเฉพาะที่สวนสาธารณะบึงหนองบอน เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพาสุนัขไปเดินเล่น

และผมว่าจะกลับมาฟื้นฟูงานอดิเรกเมื่อมีเวลาในอนาคต เช่น การเล่นดนตรีและการประดิษฐ์ตัวอักษร (Calligraphy)”

นายพัก ยงมิน (Mr. Park Yongmin) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย

ชื่นชมและภาคภูมิใจในความเป็นเกาหลี

เอกอัครราชทูตพัก ยงมิน เล่าว่า

“ตอนที่ผมเกิด ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต่อหัวของเกาหลีอยู่ที่ 125 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อผมเข้าร่วมกระทรวงต่างประเทศ สงครามเย็นกำลังจะสิ้นสุดลง ขอบฟ้าใหม่ดูเหมือนจะเปิดกว้าง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวของเกาหลีอยู่ที่ 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ การเป็นนักการทูตรุ่นเยาว์ ทำให้ผมคิดว่านั่นคือความฝันอันยิ่งใหญ่

เมื่อได้รับใช้ชาติมาถึง 33 ปี ผมได้เห็นประเทศของผมติดอันดับหนึ่งในสิบประเทศที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดในโลก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวของเราอยู่ที่ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ผมไม่เคยจินตนาการถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อนตอนที่เริ่มอาชีพการงาน ท้ายที่สุดแล้ว ความฝันที่ผมมีเมื่อสามทศวรรษก่อนกลับกลายเป็นเพียงความฝันที่ ‘ไม่ได้ใหญ่โต’

เพราะความเป็นจริงนั้น กลับเกินความคาดหมายของผมมาก

จากรายงานของธนาคารโลก เกาหลีเป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวอย่างที่โดดเด่นของประเทศที่สามารถหลีกหนีจาก ‘กับดักรายได้ปานกลาง’ อย่างมีประสิทธิภาพ

ธนาคารโลกระบุด้วยว่า ความสำเร็จของเกาหลีเกิดจากการลงทุน การผสมผสาน (เทคโนโลยีหลายประเภท) และนวัตกรรม

ผมเชื่อว่า การประสบความสำเร็จดังกล่าว เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของผม”

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ให้ข้อสรุปว่า

“ความร่วมมือที่เป็นมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรามีมาอย่างยาวนานและสามารถฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาดในช่วงเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เป็นความสัมพันธ์ที่มุ่งไปสู่อนาคต ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศในช่วงเวลาอันวุ่นวายนี้ ซึ่งเราอาจต้องเผชิญกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ซับซ้อนยิ่งกว่าที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน เกาหลีและไทยต้องการกันและกัน บางทีในอนาคตอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ” •

 

ชนัดดา ชินะโยธิน | Chanadda Jinayodhin