อำลาอ๋อม อรรคพันธ์ นักแสดงที่จากไป ในห้วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง ของวงการละครโทรทัศน์ไทย

กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์www.facebook.com/bintokrit

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาเกิดเพลิงลุกไหม้จนนำมาสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่ไปเมื่อวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา

นับเป็นข่าวเศร้าข่าวที่สองในรอบไม่กี่วันหลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีข่าวการเสียชีวิตของนักแสดงชื่อดัง “อ๋อม” อรรคพันธ์ นะมาตร์ ที่จากไปก่อนวัยอันควรเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2567 แบบช็อกแฟนๆ ทั่วประเทศ

เดิมทีผมตั้งใจว่าสัปดาห์นี้จะเขียนบทความไว้อาลัยให้อ๋อมอยู่แล้ว ในฐานะที่เคยเป็นนักแสดงรุ่นพี่ในสังกัดบริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด และเคยทำงานด้วยกันในละครที่เปลี่ยนชีวิตของอ๋อมในชั่วชีวิตด้วย คือเรื่อง “พระจันทร์ลายพยัคฆ์”

จึงถือโอกาสนี้บันทึกเรื่องราวส่วนหนึ่งของเขาเอาไว้เป็นอนุสรณ์

 

ผมรู้จักกับอ๋อมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาเข้ามาเป็นนักแสดงในสังกัดโพลีพลัสฯ ปีแรกๆ

อ๋อมอาจเข้ามาตั้งแต่ปี 2550 แล้วก็ได้ เพราะนักแสดงหลายคนมักเซ็นสัญญามาก่อนที่จะมีผลงานออกอากาศ เนื่องจากละครแต่เรื่องใช้เวลาถ่ายทำนาน การถ่ายทำนานข้ามปีก่อนออกอากาศเป็นเรื่องปกติของละครไทย

ซึ่งละคร 2 เรื่องแรกของอ๋อมก็ออกอากาศในปี 2551 ด้วยกันทั้งคู่คือเรื่อง “รักซ่อนแค้น” ทางช่อง 3 และ “เจ้าหญิงลำซิ่ง” ทางช่อง 7 โดยเริ่มต้นจากการเป็นนักแสดงสมทบ

ในขณะที่ผมมีอายุห่างกับอ๋อมพอสมควร เป็นรุ่นพี่ 5 ปี และเข้ามาเป็นนักแสดงที่โพลีพลัสฯ ก่อนอ๋อม 5 ปีเช่นกัน

ผมเริ่มเล่นละครภายใต้สังกัดนี้มาตั้งแต่ปี 2546 แล้วกับซิตคอมเรื่อง “ครอบครัวตัวพิลึก” ทางช่อง 3 กระทั่งในปี 2550 ผมเดินทางไปท่องเที่ยวและเรียนภาษาอังกฤษที่สหรัฐอเมริกาอยู่ร่วมครึ่งปี

ซึ่งก่อนเดินทางไปนั้นอ๋อมยังไม่ได้เข้ามาเป็นนักแสดงของโพลีพลัสฯ พอผมกลับมาไทยได้สักพักจึงทราบว่าทางบริษัทมีนักแสดงเข้ามาใหม่ในเวลาใกล้เคียงกันคืออ๋อม กับกันต์ กันตถาวร ทั้งคู่เป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อ ร่างสูงใหญ่สะดุดตาด้วยกันทั้งคู่

ช่วงปี 2551 ผมได้เจอกับทั้งคู่หลายครั้งที่บริษัท และได้ทราบข่าวว่าจะได้เล่นละครกับอ๋อมในเรื่องพระจันทร์ลายพยัคฆ์ ทางช่อง 7 ระหว่างนี้ในปี 2552 อ๋อมยังได้เล่นละครช่อง 3 อีก 2 เรื่อง คือ “มนต์รักข้าวต้มมัด” และ “สะใภ้ไกลปืนเที่ยง” ในบทบาทที่ขยับขึ้นกว่าเรื่องแรกๆ ภาษาในวงการจะเรียกว่าได้ขึ้นมาเป็นตัว 2 ตัว 3

แต่สำหรับผู้ชมทั่วไปก็เรียกบทแบบนี้ว่าเป็นพระรอง คือเป็นอยู่ในลำดับถัดจากพระเอกนิดเดียว และมักจะมีคู่ของตัวเองอยู่ในเรื่อง ถือเป็นคู่หลักคู่หนึ่งที่มีความสำคัญต่อละครเรื่องนั้นๆ มากพอสมควรเลยทีเดียว

ส่วนละครเรื่อง “พระจันทร์ลายพยัคฆ์” นั้นถ่ายทำกันมาตั้งแต่ปี 2552 กระทั่งออกอากาศในปี 2553 ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม เรียกว่าเปิดตัวแรงทั้งเรตติ้งและกระแสของนักแสดง ซึ่งคนที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดก็คืออ๋อมนั่นเอง

เขากลายเป็นคนโด่งดังในชั่วข้ามคืนตั้งแต่ฉากเปิดตัว หากใครที่เคยชมละครเรื่องนี้คงจำฉากแรกของอ๋อมได้ดี เป็นฉากเล่นเวคบอร์ดในทะเล ก่อนเดินเปลือยอกมาตามชายหาดเข้าสู่ที่พัก

และด้วยรูปร่างที่กำยำล่ำสัน ประกอบกับใบหน้าที่สมชายชาตรี ทว่า มีแววตาใสซื่อน่ารักแบบเด็กน้อย ทำให้โดนใจสาวน้อยสาวใหญ่ไปทั้งเมือง

จากบทบาทมาเฟียตัวร้ายที่มีปูมหลังซับซ้อนและน่าเห็นใจในเรื่องนี้ ได้ส่งให้เขาก้าวทะยานขึ้นสู่การเป็นพระเอกเต็มตัวในเรื่องต่อๆ มา

ก่อนที่จะโด่งดังยิ่งกว่าเดิม แล้วย้ายไปสังกัดช่อง 7 ในที่สุด

ในงานฌาปนกิจเมื่อวันเสาร์ที่ 28 กันยายน ที่วัดธาตุทอง ย่านเอกมัย เหล่านักแสดงที่ไปส่งอ๋อมเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้มีโอกาสพูดคุยความหลังมากมายถึงผู้วายชนม์

สิ่งหนึ่งที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือเขาเป็นที่รักเพราะความเป็นคนไม่มีพิษมีภัย เรียบง่ายไม่สลับซับซ้อน เป็นคนคบง่าย ใครอยู่รอบข้างก็สบายใจ

นักแสดงคนอื่นอย่างเช่น “บอล” อัศนัย เทียนทอง กับ “ลูกเกด” ดรัล ธวัลกรภคณัช คู่รักนักแสดงที่เคยอยู่ในสังกัดโพลีพลัสฯ ด้วยกันทั้งคู่ เล่าให้ฟังว่าอ๋อมเพิ่งโทร.มาชวนไปกินอาหารด้วยกันเมื่อเดือนสิงหาคมนี่เอง โดยเอ่ยปากว่าอยากให้มาเจอกันก่อนไม่ได้มีโอกาสได้เจออีก

ทว่า การนัดหมายก็ไม่ลงตัวเสียที จนเวลาผ่านไปเพียงเดือนเดียวเจ้าตัวก็จากไปเสียแล้ว

เมื่อหวนรำลึกถึงเรื่องราวเหล่านี้บรรยากาศในงานจึงยิ่งเศร้าโศกเข้าไปใหญ่

ส่วนตัวผมเองนั้นห่างจากวงการบันเทิงมาพักใหญ่แล้ว เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสเจออ๋อมบ่อยนัก ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันคือย้อนกลับไปในช่วงหลังล็อกดาวน์โควิดครั้งแรก แต่ก่อนล็อกดาวน์โควิดครั้งที่สอง ในวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2562 ที่งานแต่งของ “นาน่า” ธันยา เมี้ยนมนัส กับ “ภูมิ” ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิท

ซึ่งในงานวันนั้นมีคนวงการบันเทิงไปร่วมงานกันอย่างคับคั่ง แต่หลังเลิกงานผมกับเพื่อนๆ นักแสดงประมาณสิบคนไปปาร์ตี้คุยกันต่อกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวในห้องซึ่งคู่แต่งงานเช่าเอาไว้ในชั้นบนของโรงแรม

คืนนั้นเป็นงานเลี้ยงที่สนุกมากและยาวไปจนถึงรุ่งสาง เนื่องจากเป็นการกลับมารวมตัวอีกครั้งของนักแสดงที่เดิมเคยใช้ชีวิตอยู่ในสังกัดเดียวกันนานหลายปี ก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายไปตามเส้นทางที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงมีเรื่องราวมากมายให้สนทนาแลกเปลี่ยน

ภาพสุดท้ายของผมกับอ๋อมเลยเป็นการพูดคุยกันแบบหล่อเนี้ยบเพราะทุกคนอยู่ในชุดสูทที่ใส่ไปงานแต่งงานนั่นเอง

ที่สำคัญคืออ๋อมยังดูแข็งแรง แววตาสดใส และสุขภาพดีมาก ไม่มีวี่แววว่าต่อมาจะพบกับโชคร้าย และไม่มีใครคาดคิดว่าต้องมาด่วนจากไปในอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้น

 

สุดท้ายนี้ก็ขอให้การอำลาของอ๋อมเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ผู้คนในสังคมได้เกิดความตระหนักในเรื่องสุขภาพมากขึ้น หมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะบางทีอาจมีเรื่องไม่คาดฝันได้ รวมทั้งให้ความสำคัญกับคนรอบข้างให้เต็มที่ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างความทรงจำอันงดงาม และไม่มีอะไรให้ค้างคาใจเมื่อโมงยามของการจากลาได้มาถึง

นอกเหนือจากเรื่องสุขภาพและความสัมพันธ์แล้ว การอำลาแบบปุบปับเช่นนี้ยังเตือนให้ระลึกถึงความไม่แน่นอนของโลก ความเปลี่ยนแปลงของชีวิตนักแสดงคนหนึ่งก็เป็นไปไม่ต่างจากสถานการณ์ของอาชีพนักแสดงและบุคลากรในวงการละครโทรทัศน์ไทยในปัจจุบันที่ไม่จีรังยั่งยืน และกำลังเป็นที่ถกเถียงกันมากว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต ท่ามกลางความผันผวนของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ชมในยุคดิจิทัล ละครไทยในภูมิทัศน์ของสื่อบันเทิงกระแสหลักจะคงอยู่ต่อไป หรือเปลี่ยนรูปแปลงโฉมใหม่ หรือว่าจะเลือนหายไปกันแน่ คำถามที่กำลังร้อนแรงนี้ดำเนินต่อไปไม่หยุดจนกว่าจะคลี่คลายไปสู่บทสรุปที่แน่ชัด

ในขณะที่พระเอกชื่อดังผู้นี้ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว