ปมอุบัติเหตุสลด-รถบัส นร. ชนไฟท่วม-ย่างสยอง 23 ศพ สั่งตรวจเข้มรถทัวร์ติดก๊าซ ตะลึงยังมีอีกนับหมื่นคัน!

ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก คนในสังคมล้วนตกอยู่ในความเศร้าสลด ยิ่งผู้เสียชีวิตเป็นเด็กๆ ที่ไร้เดียงสาความเศร้าย่อมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

นับจากเหตุโศกนาฏกรรมฆ่าหมู่ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 มีผู้เสียชีวิตถึง 38 คน ย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าจะต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตเด็กๆ จำนวนมากอีกครั้ง

ย้อนไปเมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 1 ตุลาคม พ.ต.ต.กันต์ศักดิ์ คงประเสริฐ สว. (สอบสวน) สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รับแจ้งอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถบัสรับส่งนักเรียนไปทัศนศึกษา ที่ถนนวิภาดีรังสิต ช่องทางด่วนขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ก.ม.28+300 ต.คูคต อ.ลำลูกกา มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายภาสกร บุญญลักษม์ ผวจ.ปทุมธานี พ.ต.อ.กานตภณ วรรณา ผกก.สภ.คูคต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

พบรถบัสปรับอากาศแบบชั้นครึ่ง ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ของบริษัท ชินบุตรทัวร์ จำกัด ถูกเพลิงลุกไหม้รุนแรงทั้งคัน เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำสกัดไฟไหม้จากหน้ารถไปท้ายรถ ซึ่งรถใช้พลังงานก๊าซ NGV ที่ประตูหน้ารถเปิดได้เพียงเล็กน้อย ส่วนประตูฉุกเฉินเปิดไม่ได้

โดยในที่เกิดเหตุพบเด็กนักเรียนและครูที่หนีออกมาได้ยืนอยู่ในสภาพเสียขวัญ มีเด็กๆ 8 รายบาดเจ็บจากการถูกไฟลวก จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย เบื้องต้นทราบว่ายังมีครูและเด็กๆ ติดอยู่ในรถที่กำลังถูกเพลิงโหมไหม้รุนแรงอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงรีบฉีดน้ำดับเพลิงใช้เวลากว่า 40 นาทีจึงสงบ

หลังเพลิงสงบเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในซากรถก็ต้องพบกับภาพสลด เมื่อเจอร่างเด็กนักเรียนและครูกองกันอยู่บริเวณด้านท้ายรถ รวมแล้ว 23 ศพ โดยเป็นเด็ก 20 คน ครู 3 คน สภาพศพถูกไฟเผาจนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร

นอกจากนี้ ยังพบร่างที่คาดว่าเป็นคุณครูเสียชีวิตในสภาพกอดร่างเด็กๆ เอาไว้แน่น ชวนให้สลดใจเป็นอย่างมาก

ไฟลามทั่วทั้งคัน

นายปรีชา เมืองจันทร์ อายุ 50 ปี นักการภารโรงโรงเรียน ให้ข้อมูลว่านักเรียนทั้งหมดมาจากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เดินทางมาทัศนศึกษาโครงการศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา ที่อุทยานประวัติศาสตร์ จ.พระนครศรีอยุธยา และกำลังจะไปที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เชิงสะพานพระราม 7 อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยมาทั้งหมด 3 คัน คันเกิดเหตุเป็นคันที่ 2 มีนักเรียนชั้นอนุบาล 2 ถึงชั้น ป.3 รวม 38 คน และครู 6 คน รวม 44 คน

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุยางหน้าซ้ายของรถคันที่ 2 แตก เสียหลักไปชนรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน 3 กร 1974 กทม. ก่อนรถกระแทกแบริเออร์เกาะกลางถนน จากนั้นเพลิงลุกไหม้รวดเร็ว ส่วนคนขับชื่อนายสมาน จันทร์พุฒ 48 ปี ตอนแรกก็ลงมาพยายามช่วยดับไฟ แต่เมื่อเห็นว่าทำไม่ได้ก็จึงหลบหนีไป ก่อนจะติดต่อขอมอบตัวกับ พ.ต.อ.สุวิชา ชั้นงาม ผกก.สภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

นายสมานให้การว่าขับรถมาเป็นคันที่ 2 ความเร็ว 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงที่เกิดเหตุรถเสียหลักคล้ายตกหลุม แล้วยางระเบิดหรือถุงลมแตก ไม่แน่ใจ จากนั้นล้อหน้าเกิดดึงไปทางขวา ทำให้ไปเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ ตนพยายามบังคับรถ ก่อนตัวรถไปครูดกับแบริเออร์ด้านขวา ก่อนจะเกิดไฟไหม้อย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุตนวิ่งไปพยายามเปิดประตูฉุกเฉินแต่เปิดไม่ได้ จึงเอาถังดับเพลิงจากรถคันหลังมาช่วยฉีดแต่ไม่สามารถดับเพลิงได้ เลยตกใจและหนีไปบ้านญาติก่อนเข้ามอบตัว

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” ก่อนคุมตัวไปดำเนินคดี

นาทีก๊าซรั่ว-ไฟไหม้อีกมุม

ขณะที่การให้ความช่วยเหลือ หลังเกิดเหตุ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้รองนายกฯ ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ทันที ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.จังหวัดอุทัยธานี และผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก

ต่อมานายกฯ โพสต์ว่า “ดิฉันทราบถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสจากอุทัยธานี ที่โดยสารนักเรียนเข้ามาทัศนศึกษาในกรุงเทพฯ และเกิดอุบัติเหตุบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ในฐานะแม่ ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตค่ะ”

ขณะเดียวกัน หลังเกิดเหตุไม่นาน นายกฯ เดินทางไปโรงพยาบาลแพทย์รังสิต เพื่อเยี่ยมเด็กและครูที่บาดเจ็บ จากนั้นเดินทางต่อไปยังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ชั่วคราว เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจเด็กนักเรียนและครูที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุ แต่เนื่องจากการจราจรที่ติดขัด และปิดถนน ทำให้นายกฯ ลงจากรถเดินข้ามสะพานลอยไปศูนย์พักพิง ภายในบริเวณสนามกีฬาธูปะเตมีย์ นายกฯ กล่าวสั้นๆ หลังเข้าเยี่ยมว่าต้องให้กำลังใจ

นอกจากนี้ นายกฯ สั่งการนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้จัดทีมแพทย์ดูแลสภาพจิตใจทั้งเด็กและครูที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ใช่เฉพาะรถคันที่เกิดเหตุ แต่รวมถึงรถที่มาในคณะทั้งหมด เนื่องจากบางคนเป็นพี่น้องกัน โดยให้แยกดูแลระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงครอบครัวที่ จ.อุทัยธานีด้วย

เย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า สาเหตุเบื้องต้น สันนิษฐานว่าเกิดจากยางล้อรถระเบิดทำให้เกิดประกายไฟ และมีถังก๊าซเชื้อเพลิง จึงทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องโดยสาร ส่วนคนขับรถและบริษัทนั้นตำรวจจะนำมาประกอบการสอบสวนและออกหมายจับ จากการสอบถามครูระบุว่าเหตุเกิดเร็วมาก เพลิงไหม้รวดเร็ว ส่วนประตูนั้นมีทั้งเด็กและครูลงมาได้ หมายความว่าประตูเปิดได้ และเด็กบางคนกระโดดทางหน้าต่าง ส่วนที่เหลือคิดว่ายังตกใจจึงออกมาไม่ทัน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นเด็กคนใดบ้าง

ขณะที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพนาทีไฟโหมไหม้รถบัสไว้ได้ โดยพบว่าเปลวไฟพุ่งออกมาจากจุดที่ติดตั้งถังก๊าซ NGV อย่างรุนแรง จึงยืนยันได้ว่าหลังเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนน่าจะทำให้ก๊าซเกิดรั่วออกมา ก่อนติดไฟทำให้ลุกไหม้ไปทั้งคันรถ

จนท.ฉีดน้ำลดความร้อนถับก๊าซCNG

ด้านขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี เผยว่ารถบัสคันที่เกิดเหตุหมายเลขทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี จดทะเบียนครั้งแรกปี 2513 เป็นแชสซี-เครื่องยี่ห้ออีซูซุ

ต่อมามีการปรับปรุงตัวถังและเปลี่ยนเครื่องใหม่แล้วติดก๊าซ เป็นของผู้ประกอบการชื่อ น.ส.ปาณิสรา ชินบุตร เลขที่ใบอนุญาต สห.1/2564 วันสิ้นอายุภาษี 30 มิถุนายน 2568

สำหรับประตูรถฉุกเฉินมาตรวจสภาพครั้งล่าสุดวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 โดยมีสภาพแข็งแรง ใช้งานได้ตามปกติ

และขณะเกิดเหตุเวลา 12.07 น. รถใช้ความเร็วในการขับอยู่ที่ 81 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถคันนี้ใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยถังก๊าซนี้ใช้งานมาแล้ว 15 ปี และจะหมดอายุในปี 2569

แต่จากการตรวจสอบพบว่ารถบัสคันเกิดเหตุมีการติดตั้งถังก๊าซ NGV ทั้งหมด 10 ถัง แต่ขนส่งระบุว่าขออนุญาตติดจำนวน 3 ถัง ซึ่งทางตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบกอย่างละเอียดว่ามีการอนุญาตให้รถบัสคันดังกล่าวติดตั้งจำนวนกี่ถัง และเป็นไปตามใบอนุญาตหรือไม่

หรืออาจมีการลักลอบติดตั้งถังเพิ่มเองทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย

ครอบครัวเหยื่อใจสลาย

ขณะที่การเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กล่าวว่า รถคันเกิดเหตุทำประกันภัยอุบัติเหตุไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยผู้เสียชีวิตจะได้รับเงิน 1 ล้านบาท

กองทุนช่วยเหลือสาธารณภัย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะให้เพิ่มอีกรายละ 1 ล้านบาท รวมเป็น 2 ล้านบาท และมีจากกระทรวงยุติธรรมอีก

รวมแล้วผู้เสียชีวิตแต่ละรายจะได้รับเงิน 2.4 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะได้รับเงินเยียวยาคนละ 7 แสนบาท บาดเจ็บเล็กน้อยได้คนละ 2 แสนบาท โดยหลังจากนี้จะไปทบทวนเรื่องความปลอดภัยรถบัสใช้ก๊าซ

ต่อมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, ปลัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนมีข้อสรุปว่า

กรมการขนส่งทางบก จะเรียกรถโดยสารสาธารณะประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดเข้ารับการตรวจสภาพรถ จำนวน 13,426 คัน ภายใน 60 วัน ให้ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทาง ซึ่งถือเป็นการสังคายนารถโดยสารสาธารณะทั้งหมดเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

ให้กรมการขนส่งทางบกบูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาทั่วประเทศในกรณีที่จะนำรถเช่าเหมา หรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ ให้ตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง

พนักงานขับรถและผู้ประจำรถ ต้องได้รับการอบรมและทดสอบการเผชิญเหตุการณ์การช่วยเหลือผู้โดยสารตามหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร (Crisis Management) ทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรม และจะออกกฎหมาย ระเบียบ เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องมีการแนะนำข้อมูล และแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเช่นเดียวกับสายการบิน

โดยเมื่อผู้โดยสารขึ้นรถ พนักงานต้องให้การแนะนำการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินกรณีมีเหตุ และเส้นทางการหนีภัย เพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมพร้อมหากมีเหตุฉุกเฉิน

 

ส่วน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ก็สั่งการให้งดการไปทัศนศึกษาทันที หากมีความจำเป็นให้ไปดูแลมาตรการความปลอดภัย โดยต้องแบ่งเด็กเล็กและเด็กโต พยายามหลีกเลี่ยง โดยเด็กเล็กอาจดูงานในจังหวัดแทน เพราะการทัศนศึกษาก็มีความจำเป็นในการเรียนรู้

อุบัติเหตุสลดครั้งนี้นอกจากสร้างความเศร้าสะเทือนใจให้กับคนในสังคมเป็นอย่างมากแล้ว

ยังมีเสียงเรียกร้องให้ยกเลิกการไปทัศนศึกษาของเด็กๆ ไปเลย

แต่ก็มีเสียงคัดค้านจากอีกส่วนว่าหากยกเลิกไปจะเป็นการตัดโอกาสการเรียนรู้ของเด็กๆ ที่มากกว่าในห้องเรียน

ที่ถูกควรแก้ที่การป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ จึงจะเป็นการแก้ที่ตรงจุดที่สุด