หัวหน้าพรรคแอลดีพี (自民党総裁) คนใหม่

(Photo by Philip FONG / AFP)

วันที่ 27 กันยายน พรรคแอลดีพี (自民党) พรรครัฐบาลของญี่ปุ่น ได้เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แทน นายฟุมิโอะ คิชิดะ หัวหน้าพรรคที่อยู่ในตำแหน่งมาจนครบวาระ 3 ปี วันที่ 29 กันยายน 2024 หัวหน้าพรรค หรืออีกนัยหนึ่งคือ นายกรัฐมนตรี หลังจากผ่านการรับรองในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว

ครั้งนี้มีผู้สมัครมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา คือ 9 คน ประกอบด้วย หญิง 2 คน และ ชาย 7 คน ผู้สมัครต้องได้รับเสียงรับรอง 20 เสียงจากสมาชิกพรรคที่เป็นผู้แทนของทั้งสองสภา ซึ่งแต่ละคนรับรองได้เพียงคนเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะคนจะรับรองต้องเล็งเห็นว่าเป็นคนที่น่าจะมีโอกาสคว้าชัยได้

นอกจากนี้ หลังจากที่ภายในพรรคมีการประกาศสลาย “มุ้ง” (派閥) ต่างๆ ไปแล้ว หลังเกิดเรื่องอื้อฉาวการลงบัญชีเงินรับ-จ่ายทางการเมืองอย่างไม่โปร่งใสของหลายมุ้งในพรรค ยกเว้นมุ้งของนายอาโสะ รองหัวหน้าพรรคและอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ยอมยุบ อ้างว่าไม่ด่างพร้อยในเรื่องนี้ “มุ้ง” สลายไปก็แต่เพียงชื่อเท่านั้น แต่สายใยของ “เครือข่าย” ไม่ได้สลายไปด้วย ยังคงเหนียวแน่น มุ้งใครก็มุ้งมัน

ผู้สมัครแต่ละคนจึงเสมือนตัวแทนแต่ละมุ้ง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเข้าหาและขอเสียงสนับสนุนจากต่างมุ้งด้วย เพราะนอกจากมุ้งของนายอาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่มีมุ้งใดมีเสียงมากอย่างเด็ดขาด

แม้ว่านายคิชิดะประกาศไม่ลงแข่งอีกเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม แต่ก็ส่งตัวแทนลงแข่ง 2 คน คือ นายโยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนางโยโกะ คามิกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศหญิง

 

ตัวเก็งมี 3 คน คือ

นายชิเงรุ อิชิบะ (石破茂) วัย 67 ปี อดีตเลขาธิการพรรค สมัยนายชินโสะ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี เขาลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งแรก ปี 2008 ต่อมาปี 2012 แพ้นายอาเบะ ครั้งที่ 3 และ 4 ในปี 2018 และปี 2020 เขาไม่ได้มีตำแหน่งใดในพรรค สมัยนายคิชิดะ ครั้งนี้เป็นการลงชิงตำแหน่งครั้งที่ 5 ไม่ได้สังกัดมุ้งใด เป็นอิสระ เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันตนเอง สมัยนายยาสุโอะ ฟุคุดะ และรัฐมนตรีเกษตร สมัยนายอาโสะ

คนต่อมา นายชินจิโร โคอิสุมิ (小泉進次郎) วัย 43 ปี อดีตรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม บุตรชายนายจุนจิโร โคอิสุมิ (小泉純一郎) อดีตนายกรัฐมนตรี เขาเป็นคนหนุ่ม หัวก้าวหน้า ต้องการปฏิรูปการเมืองไม่สังกัดมุ้งใด แต่ก็มีผู้หนุนหลัง คือ นายโยชิฮิเดะ สุงะ (菅義偉) อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ไม่มีมุ้งของตัวเอง แต่มีพลังในกลุ่มผู้เป็นอิสระไม่สังกัดมุ้งทั้งหลาย

นายโคอิสุมิ ผู้พ่อเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากให้ลูกชายลงแข่ง จนกว่าจะอายุ 50 ปี นัยว่ายังมีประสบการณ์น้อย อาศัยความมุ่งมั่นอย่างเดียวคงไม่พอในการบริหารพรรคและบริหารประเทศ พ่อเคยผ่านเส้นทางนี้มาแล้วย่อมรู้ดี แต่เขาได้รับความนิยมจากคนวัยหนุ่มสาวที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงมากทีเดียว

ทั้งสองคนออกตัวเร็วและแรงในตอนแรก ผลสำรวจโพลต่างๆ ทั้งสองคนผลัดกันนำ จนสัปดาห์ก่อนวันลงคะแนน ชื่อผู้สมัครหญิงอีกคนหนึ่งก็ปรากฏเป็นอีกหนึ่งตัวเก็ง

นางซานาเอะ ทาคาอิชิ (高市早苗) วัย 63 ปี รัฐมนตรีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เคยลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งก่อนหน้า แต่แพ้นายคิชิดะ นายกรัฐมนตรี เธอได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกมุ้งนายอาเบะ สายอนุรักษนิยม เป็นผู้หญิงที่มากประสบการณ์ทางการเมือง

 

การลงคะแนนแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คะแนนของสมาชิกพรรคจาก 2 สภา (ส.ส. 254 + ส.ว. 114) รวม 368 คะแนน และคะแนนจากสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ราว 1.1 ล้านคน เป็นคะแนนแบบสัดส่วน รวม 368 คะแนนเช่นกัน ส่วนนี้ปิดการลงคะแนนตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน และเริ่มนับคะแนนช่วงเช้าของวันที่ 27 กันยายน ผู้ชนะต้องได้คะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ซึ่งไม่ง่ายเลย ที่ผ่านๆ มาก็เข้าสู่รอบตัดสินกันทั้งนั้น

หากไม่มีผู้ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งในรอบนี้ ผู้ได้คะแนนรวมสูงสุด 2 อันดับแรก จะชิงชัยกันในรอบตัดสิน โดยมีคะแนนของสมาชิกสภารวม 368 คะแนน และคะแนนของสาขาพรรคทั่วประเทศ 47 คะแนน ผู้ที่ได้คะแนนรวมสองส่วนนี้สูงสุดคือ ผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค

ผลรอบแรก นางทาคาอิชิ ได้181คะแนน (72 + 109) นายอิชิบะ 154 คะแนน (46 + 108) หมายความว่า สมาชิกสภาสนับสนุนนางทาคาฮิชิ มากกว่า ดูมีความหวังว่าญี่ปุ่นจะได้นายกรัฐมนตรีหญิง

ส่วนตัวเก็งอีกคน นายโคอิสุมิ มาเป็นอันดับ 3 ได้ 136 คะแนน (75 + 61) น่าสังเกตว่าเขาได้รับเสียงจากสมาชิกสภา มากกว่า 2 อันดับแรกเสียอีก แต่คะแนนสมาชิกทั่วประเทศน้อยกว่าเกือบครึ่งทีเดียว ต้องตกรอบไป

รอบตัดสิน เกิดพลิกล็อก อันดับสอง นายอิชิบะ กลับมานำ 215 คะแนน (189 + 26) ส่วนนางทาคาอิชิ ตกเป็นรอง ได้ 194 คะแนน (173 + 21)

 

นายชิเงรุ อิชิบะ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพีคนใหม่ จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ด้วยเสียงข้างมากของพรรคแอลดีพี แน่นอนว่าเขาจะมีชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ลำดับที่ 102

เขาให้สัมภาษณ์ว่า จะกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อยุบสภาผู้แทนราษฏรและจัดการเลือกตั้งทั่วไป (เนื่องจากคะแนนความนิยมของพรรคตกต่ำน่าใจหาย ต้องดูจังหวะการยุบสภาให้มั่นใจ) อยากให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ตัดสิน จะเรียกความเชื่อมั่น สร้างความไว้วางใจ ความรู้สึกมั่นคงและรอยยิ้มให้แก่ประชาชนให้ได้

ทันทีที่รู้ผลวันที่ 27 กันยายน สำนักข่าวต่างประเทศ อาทิ รอยเตอร์ให้ความเห็นว่า “อดีตรัฐมนตรีกลาโหมชนะคู่แข่งแบบรดต้นคอ เป็นการเลือกหัวหน้าพรรคที่คาดไม่ถึงเลย” “สอบตก 4 ครั้งมาเป็นผู้นำพรรคแอลดีพี”

สำนักข่าวเอพี “อิชิบะ ชนะคู่แข่งหญิงสายอนุรักษนิยมที่หมายจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น” “จากปัญหาอื้อฉาวในพรรคภายใต้รัฐบาลนายคิชิดะ จะเรียกความเชื่อมั่นคืนมาให้ได้ในการเลือกตั้งทั่วไป ย่อมต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคก่อน”

หัวหน้าพรรคคนใหม่จะอยู่ในตำแหน่ง 3 ปี จนถึงเดือนกันยายน 2027 และอยู่ติดต่อกันได้ 3 สมัย รวม 9 ปี

ขณะที่พรรคฝ่ายค้านใหญ่ พรรครัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตย (立憲民主党) ก็เพิ่งได้หัวหน้าพรรคคนใหม่หมาด ๆ เมื่อวันที่ 23 กันยายน เช่นกัน คือ นายโยชิฮิโกะ โนดะ (野田佳彦) วัย 67 ปี ผู้มากประสบการณ์ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมพร้อมจัดทัพเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว

การเมืองญี่ปุ่นต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ต้องจับตาดู…

 


หมายเหตุ บทความนี้เขียนขึ้นโดยอิงสื่อญี่ปุ่นที่รายงานผลในวันที่ 27 กันยายนเท่านั้น ความคืบหน้าหลังจากวันที่ระบุ จะนำเสนอต่อไป