‘ยางิ’ ประสาน ‘ระเบิดฝน’ ทำลายเชียงรายกำสรวล แม่สายกำสรด กำสราญท่องเที่ยวช่วงสั้นๆ

เชียงรายสมัยก่อนวิถีเรียบง่ายกลางอุณหภูมิอบอุ่นหนาวปลายปี งามเลิศด้วยศิลปกรรมผสมล้านนาตามวัดต่างๆ แบบโบราณและสมัยใหม่อย่างวัดร่องขุ่นกลางเวียงเจียงฮาย

นอกจากนี้ มีชนเผ่าหลายเผ่าอาศัยอยู่บนดอยสูง เช่น ดอยช้าง-วาวี ดอยผาหมีที่เดียวกับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน และจีนฮ่อกองพล 93 ที่มารบในพม่า แล้วกลับไม่ได้ด้วยจีนปฏิวัติสู่พรรคคอมมิวนิสต์ สุดท้ายถูกพม่าขับไล่ต้องอพยพถอยร่นมายังไทย ปักหลักทำกินอยู่ดอยแม่สลอง

วันนั้นเชียงรายมีที่น่าเที่ยวเพียงใด ก็ไม่เหมือนเชียงใหม่ที่ปั๊วะ-ปัง…เพราะยามนั้นเชียงรายห่างเชียงใหม่แค่ปลายคืบ ทว่า ไร้ถนนเชื่อม ต้องอ้อมลำปาง พะเยาถึงเชียงราย 270 กิโลเมตร

ทางอากาศไม่มีเครื่องบินเจ็ต 120 ที่นั่งบินตรงจากดอนเมือง มีแต่เครื่องช็อต 330 จุผู้โดยสาร 30 ที่นั่งแบบใบพัด บินเชื่อมเชียงใหม่ ซึ่งน้อยมากหากจะส่งเสริมท่องเที่ยวให้โตขึ้น

อีกทางหนึ่งด้วยการล่องแพไม้ไผ่แรมคืนตามลำน้ำกก จากท่าตอนเชียงใหม่ถึงเชียงราย ต่อมาพัฒนาเป็นเรือหางยาวใช้เวลา 3 ชั่วโมง แต่ไม่เวิร์ก…เพราะถูกคิวเรือเชียงรายต่อต้านที่ไม่ได้อะไร กลายเป็นชนวนสงครามย่อย ยุติโดยเรือเชียงใหม่มาส่งครึ่งทางให้เชียงรายมารับไม้ต่อ

คนเดือดร้อนไม่พ้นผู้โดยสาร ที่ต้องถ่ายเรือเปลี่ยนลำระหว่างทาง!

ส่วนกิจกรรมการล่องแพครั้งนั้นถูกรื้อฟื้นโดยบริษัทเถกิงทัวร์ เป็นทัวร์สุดปังขณะนั้นแนววินเทจกลางธรรมชาติไลฟ์สไตล์บนแพ 1 วัน 1 คืน พอถึงเชียงรายมีขบวนรถสามล้อถีบรับชมเมือง ก่อนปั่นไปส่งโรงแรมเวียงอินทร์กลางเมือง ขนาด 112 ห้องสุดหรู ขณะเมืองนี้ยังไม่บูม

น่าเสียดาย…โปรแกรมทัวร์ที่ว่าฟีเวอร์อยู่พักใหญ่ จึงลาโรงด้วยมีถนนสาย 118 จากเชียงใหม่ ดอยสะเก็ด เชื่อมเวียงป่าเป้า แม่สรวยถึงเชียงราย 158 กิโลเมตรขึ้นมาแทน

ทางอากาศมีเครื่องบินเจ็ต 120 ที่นั่ง บินตรงจากดอนเมืองถึงสนามบินทหารกลางเมืองทุกวัน จึงทำให้นักลงกล้าผุดที่พักระดับ 4-6 ดาว และธุรกิจอื่นๆ ขึ้นรับทัวร์ราวกับเห็ดหน้าฝน

ปี 2535 มีสนามบินแม่ฟ้าหลวงชานเวียง เชียงรายถึงโตจนช้างฉุดไม่อยู่…

ปี 2562 หลังไทยถูกโควิดทำนักท่องเที่ยวหายสอย กลับมาฟื้นได้ต่างชาติมาแอ่วมาอู้ 39 ล้านคน

ปีนั้นแดนนี้ทัวริสต์หายแซบเป็นปี๋ ปิ๊กมาลูนมาแอ่วคือมาทีหลังปีดังกล่าว 1,023,502 คน เป็นคนไทยถึง 881,178 คน ต่างชาติ 142,324 คน…ปี 2566 บวมพองเป็น 6,147,860 คน คือคนไทย 5,391,039 คน ต่างชาติ 756,821 คน

ส่วนหนึ่งแน่นอน…มาจากจีนตอนใต้แถบมณฑลยูนนาน นิยมขับรถมาประลองความเร็วเพราะบ้านเขาซิ่งไม่ได้ติดข้อห้าม…เมืองไทยทำได้ทุกอย่าง

คนเหล่านี้ออกทางคุนหมิงผ่านจิ้งฮง ไทยเรียกเชียงรุ้งหรือสิบสองปันนา ถึงพรมแดนเมืองลาเขตปกครองว้าแดงสู่ จ.เชียงตุง และ จ.ท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ปลายทาง อ.แม่สาย แล้วเที่ยวพันแข้งพันขาคนไทยเฉลี่ย 3-5 วันถึงกลับ

ที่เห็นนิสัยอาจจะเปรอะๆ บ้างนั้น ก็อย่าไปถือสาเพราะดั้งเดิมเขาเหล่านี้ เดิมทีคือชาวนาคอมมูน ต่อเมื่อนายเติ้ง เสี่ยวผิง ปฏิวัติเศรษฐกิจจีนสำเร็จ ชาวนาจีนถึงมีกินมีใช้มีเที่ยวทุกวันนี้

โมเมนต์นี้ปลายสิงหาคมนี่เอง…แผ่นดินไทยเหมือนอาเพศฝนตกหนักจากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเหตุให้ดินถล่มที่ ต.กะรน ภูเก็ต ทับคนตาย 8 คน บาดเจ็บ 10 คน

เชียงรายฝนตกตอนนั้นน้ำท่วมเล็กน้อย 7-8 ครั้ง จากนั้นกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนให้เตรียมระวังพายุหมุนเขตร้อนรุนแรงขั้นซูเปอร์ชื่อยางิ ก่อตัวบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกฝั่งเหนือ

7 กันยายน ยางิพัดขึ้นชายฝั่งเมืองไฮฟองตอนเหนือเวียดนาม กลายเป็นหย่อมอากาศต่ำฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลัน ลมกระโชก 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้นไม้หักโค่น ไฟฟ้าดับ คร่าชีวิตชาวเวียด นามไป 220 คน พัดไปฟิลิปปินส์สังเวยอีก 40 คน กับป่วนเมืองตองอู เมียนมา ก่อนเคลื่อนตัวเป็นพายุโซนร้อน และดีเปรสชั่นบูลลีเวียงจันทน์ สปป.ลาว

เข้าไทยวันเดียวกันถล่มเหนืออีสานฝนตกทั้งวันทั้งคืน เชียงรายที่ อ.แม่สาย ท่วมทันตาแถมเชี่ยวรุนแรง พ่ออุ้ยแม่อุ้ยเกิดมา 80 ปีเพิ่งเคยพบต้องหนีตายกวาดเก็บทรัพย์สินหนีน้ำไม่ทัน

ผู้เชี่ยวชาญอากาศบอก…นอกจากอิทธิพลพายุยางิแล้ว ยังมีเหตุธรรมชาติยุคโลกเดือด เมื่ออากาศเมฆภายนอกแห้ง ภายในเมฆมีหยดน้ำ เมื่อป๊ะกันน้ำในเมฆระเหยอุณหภูมิลดต่ำลง

อากาศเริ่มโหมหนักพัดน้ำฝนหล่นลงห่าใหญ่เร็วจี๋ไม่มีปี่ขลุ่ยช่วงสั้นๆ แต่หอบปริมาณฝนล้นฟ้าท่วมแผ่นดินชั่วพริบตา เช่น เกิดบริเวณหอพักนิสิต มหาวิทยาลัยพะเยา ถึง 2 ครั้งในเวลาใกล้กัน

ผู้เชี่ยวชาญเรียกคอนเทนต์นี้ว่า “เรนบอมบ์” คือตัวการสำคัญที่ถึงโลกจะพัฒนาเทคโนโลยีก้าวไกลเพียงใด ก็ไม่อาจพยากรณ์ล่วงหน้าว่าฝนจะระเบิดเมื่อใด เพราะยังก้าวไม่ทันสิ่งที่ว่านี้

เชียงรายโชคร้ายมีแม่น้ำโขงไหลผ่าน ยามจีนปล่อยน้ำล้นเขื่อนจิ้งหงไหลสะดวกเพราะถูกจีนระเบิดแก่งหินไปกว่า 10 แห่ง สปป.ลาว เอาด้วยปล่อยน้ำจากเขื่อนทางเหนือ ลงมากระทบแคมของ (โขง) ฝั่งเหนืออีสานไทยสะบักสะบอม

ประเด็นนี้เคยมีการร้องขอรัฐบาลก่อนๆ ให้นำปัญหาไปถกตกลงกันในประเทศลุ่มน้ำโขง เพื่อคลายความเดือดร้อนชาวบ้าน ก็ไม่รู้รัฐบาลแอดโดเลส เซินซ์ (วัยหนุ่มสาว) จะว่าไง?

เชียงรายยังมีแม่น้ำสายหรือน้ำรวกจากเทือกเขาแดนลาวฝั่งเมียนมา ไหลหลากมาสมทบท่วม จ.ท่าขี้เหล็ก และ อ.แม่สาย ทำตลาดสายลมจอยกับชุมชนบ่จอยนักขนาด ส่วน อ.เมือง แม่กกซึ่งไหลจากลำน้ำกก จ.เชียงตุง ปกติสร้างสีสันให้เมืองดูเริ่ด แต่คราวนี้ลานพ่อขุนเม็งรายฯ ซึ่งคือแลนด์มาร์กสำคัญเชียงรายกลับถูกลบเสน่ห์สิ้น เมื่อมวลน้ำป่ากระหน่ำใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า

ทิ้งไว้แต่ภาพแสนหดหู่น้ำตานองหน้าผู้คนทั่วอาณาจักร ที่รู้ว่าพ่ออุ้ยแม่อุ้ยจากหลายครัวเรือนใน อ.แม่สาย ถูกน้ำท่วมขังไว้กับเฮือน อดอยากทั้งน้ำอาหารมาสี่ห้าวัน พอๆ กับละอ่อนถึงทารกไม่กี่วัน คนพิการติดเตียงที่ยังหนีน้ำไม่ได้ รวมทั้งสัตว์เลี้ยงเล็กใหญ่ที่รอการช่วยเหลือ

กระทั่งมีหน่วยกู้ภัยจากสารทิศ เซเลบใจเต็มร้อยมากกว่าพวกหิวแสง พร้อมอุปกรณ์เร่งแหวกกระแสน้ำโดยบ่ยั่นอันตราย เข้าไปช่วยอุ้มร่างโหนราวเสี่ยงภัยลงเรือทุลักทุเลให้พ้นวิบัติ

บางส่วนต้องช่วยทางอากาศเพราะทางเรือถูกตัดขาด นับเป็นความร่วมมือน่ายกย่องทั้งหน่วยกู้ภัยเอกชนกับราชการบางส่วน

แต่กระนั้น…มีเมนต์กล่าวถึงหน่วยงานราชการส่วนใหญ่ถูกโจษขานอึงมี่ว่า การบูรณาการ “ล้มเหลว”…เพราะรอ “นายสั่ง” กว่า “ถั่วจะสุกงาก็ไหม้!”

ครั้นน้ำลด…สภาพบ้านเรือนเสียหายถูกโคลนถมราวภูเขา ต้องชำระล้างด้วยอุปกรณ์มากมาย อนิจจา!…จอบเสียมราคาเคยขายเล่มละ 140 บาทเป็น 400 บาท รถตักดินเคยจ้างเที่ยวละ 4 พัน สนิมสังคมโขกเป็น 8 พันบาท…ไม่นับค่าจ้างแรงงานสูงกว่ากฎหมายแรงงานกำหนดเสียอีก

ฝ่ายรัฐเห็นจะเยียวยาแล้วช็อตฟีล บ้านพังซ่อมเรือนหมื่นแสนถึงล้าน แต่ให้ 3.04 พันล้าน ครัวเรือนประสบภัยทั่วประเทศ ช่างน้อยเมื่อเทียบกับงบฯ คราวหาเสียง 5 แสนกว่าล้าน โดยแจกรายละ 5 พัน 7 พัน 9 พันขึ้นอยู่กับความยับเยิน…เขาว่าถูกกว่าราคารองเท้าผู้นำถึงหลายเท่า

เรื่อง “ท่องเที่ยว” ซึ่งถือเป็นห่วงโซ่สำคัญกู้เศรษฐกิจบ้านเมือง ต้องยอมรับเชียงรายย่อมกระทบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชี้เคยทำรายได้ปี 2562 ถึง 1,798 พันล้านบาท…กันยายนวิปโยควูบลงทันที!

“แต่เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้นๆ” นิธี สีแพร รองผู้ว่าการ ททท.ด้านสื่อสารตลาด ตอบอย่างมั่นใจหลังได้รับรายงานจาก ททท.สำนักงานเชียงราย ให้ทราบจากการประเมินความเสียหายเบื้องต้น พบว่าพื้นที่โดยรวม 58 เปอร์เซ็นต์ยังปกติ

“จากการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถท่องเที่ยวได้ สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พักซึ่งมี 17,053 ห้อง สนามบิน ถนน และปัจจัยอื่นๆ พบว่ากระทบบ้างระดับปานกลาง”

รองผู้ว่าการ ททท.ยังกล่าวอีกว่า “เมื่อได้รับการบูรณะก็จะคืนสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ททท.ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกตลาดทั้งในและนอกประเทศ ชี้ให้เห็นว่าเชียงรายสะดวกปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่กระทบ พร้อมรับความต้องการของนักท่องเที่ยว”

เน้นย้ำ “โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ที่จะตรงวันชาติหยุดยาวโกลเด้นวีก ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนานหนึ่งสัปดาห์ ชาวจีนจากมณฑลยูนนานจะนิยมเดินทางโดยเครื่องบิน และรถยนต์ส่วนตัวมาแอ่วเจียงฮายเหมือนทุกปี

ดังนั้น ซีนาริโอท่องเที่ยวจึงน่าคืนสู่ภาวะปกติโตเร็วแน่นอน” รองผู้ว่าการ ททท.กล่าว